บทความศึกษา 30
เข้าถึงหัวใจของคนที่ไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า
“ผมยอมปรับตัวเป็นคนทุกชนิดเพื่อจะช่วยคนให้รอดได้บ้างไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน”—1 คร. 9:22
เพลง 82 “ให้คุณส่องแสงสว่าง”
ใจความสำคัญ *
1. ช่วงไม่กี่สิบปีมานี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในบางประเทศ?
ตลอดหลายพันปี ผู้คนส่วนใหญ่บอกว่าตัวเองมีศาสนา แต่ช่วงไม่กี่สิบปีมานี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปมาก ผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ บอกว่าไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า ที่จริง ประชากรส่วนใหญ่ในบางประเทศเป็นแบบนั้น *—มธ. 24:12
2. ทำไมผู้คนจำนวนมากถึงบอกว่าตัวเองไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า?
2 ทำไมถึงมีคนมากขึ้นบอกว่าไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า? เหตุผลหนึ่งก็เพราะผู้คนในทุกวันนี้สนใจแต่ความสนุกหรือเอาแต่กังวลกับปัญหาในชีวิต (ลก. 8:14) ส่วนบางคนที่เคยเชื่อว่ามีพระเจ้ากลับเลิกเชื่อแบบนั้น นอกจากนั้น บางคนเชื่อว่ามีพระเจ้าแต่มองว่าศาสนาเป็นเรื่องล้าสมัย ไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์และหลักเหตุผล บางคนได้ยินเพื่อน ครู หรือสื่อต่าง ๆ บอกว่าชีวิตเกิดมาจากวิวัฒนาการ แต่กลับไม่ค่อยได้ยินเรื่องที่มีเหตุผลเกี่ยวกับพระเจ้าเลย บางคนเอือมระอาที่เห็นผู้สอนศาสนาและพวกนักบวชเอาแต่โลภเงินและอำนาจ ส่วนบางประเทศ รัฐบาลก็จำกัดเสรีภาพทางศาสนา
3. จุดประสงค์ของบทความนี้คืออะไร?
3 พระเยซูสั่งให้เราไป “สอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก” (มธ. 28:19) แล้วเราจะช่วยคนที่ไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าให้รักพระองค์และเข้ามา เป็นสาวกของพระคริสต์ได้อย่างไร? เราต้องจำไว้ว่าคนจะฟังหรือไม่ฟังที่เราประกาศอาจขึ้นอยู่กับว่าเขามาจากที่ไหน เช่น ถ้าเราประกาศกับคนยุโรปที่ไม่มีศาสนาโดยใช้วิธีเดียวกับที่เราประกาศกับคนเอเชีย คนยุโรปอาจจะไม่ฟังเรา เพราะอะไร? ในยุโรปหลายคนรู้จักคัมภีร์ไบเบิลและคุ้นเคยกับเรื่องที่ว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งอยู่แล้ว แต่ในเอเชียคนส่วนใหญ่รู้จักคัมภีร์ไบเบิลแค่นิดหน่อยหรือบางคนก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย หลายคนถึงกับไม่เคยได้ยินเรื่องผู้สร้างด้วยซ้ำ บทความนี้จะช่วยเราให้เข้าถึงหัวใจทุกคนที่เราพบในเขตประกาศ ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่ออะไรหรือมาจากที่ไหนก็ตาม
อย่าคิดเองว่าผู้คนเปลี่ยนไม่ได้ แต่ให้คิดบวกเสมอ
4. ทำไมเราถึงคิดบวกได้?
4 คิดบวก ทุกปีหลายคนที่เคยบอกว่าไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา คนเหล่านั้นหลายคนมีมาตรฐานทางด้านศีลธรรมสูงอยู่แล้วและเอือมระอาผู้สอนศาสนากับนักบวชที่หน้าไหว้หลังหลอก ส่วนคนอื่น ๆ เคยใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมและได้เลิกนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ดังนั้น ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เรามั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเราให้เจอ “คนที่เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไป”—กจ. 13:48; 1 ทธ. 2:3, 4
5. อะไรทำให้ผู้คนฟังเราเมื่อเราประกาศ?
5 พูดให้น่าฟัง อ่อนโยน และสนใจเขาจริง ๆ หลายครั้งเราเห็นว่าที่ผู้คนฟังเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราพูดอะไร แต่ขึ้นอยู่กับวิธีพูดของเราต่างหาก ผู้ฟังจะชอบถ้าเราพูดน่าฟัง อ่อนโยน และสนใจเขาจริง ๆ เราไม่ได้บังคับใครให้ฟังเรา แต่เราพยายามเข้าใจว่าทำไมเขาคิดแบบนั้นเกี่ยวกับศาสนา อย่างเช่น บางคนไม่ชอบคุยเรื่องศาสนากับคนแปลกหน้า บางคนอาจรู้สึกแปลก ๆ ถ้ามีใครมาถามเรื่องพระเจ้า ส่วนบางคนมองว่าเป็นเรื่องไม่มีมารยาท คนอื่นรู้สึกอายถ้ามีคนเห็นว่าเขากำลังอ่านคัมภีร์ไบเบิลโดยเฉพาะกับพยานพระยะโฮวา แต่ไม่ว่าเขามีเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะพยายามเข้าใจความรู้สึกของเขา—2 ทธ. 2:24
6. อัครสาวกเปาโลปรับวิธีพูดอย่างไร? และเราจะเลียนแบบเขาได้อย่างไร?
6 เราจะทำอย่างไรถ้าบางคนไม่ชอบเมื่อเราใช้คำว่า “คัมภีร์ไบเบิล” “พระเจ้า” หรือ “ศาสนา”? เราเลียนแบบตัวอย่างของอัครสาวกเปาโลได้โดยปรับวิธีพูดของเรา ตอนที่เปาโลประกาศกับคนยิว เขาใช้ข้อคัมภีร์ แต่ตอนที่คุยกับนักปรัชญาชาวกรีกที่อาเรโอปากัส เขาไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เขาพูดยกมาจากข้อคัมภีร์ (กจ. 17:2, 3, 22-31) แล้วคุณจะเลียนแบบเปาโลได้อย่างไร? ถ้าคุณเจอคนที่ไม่ยอมรับคัมภีร์ไบเบิล อาจจะดีที่สุดถ้าคุณจะไม่บอกว่าสิ่งที่คุณพูดมาจากคัมภีร์ไบเบิล และถ้าคุณรู้สึกว่าคนที่คุณกำลังคุยด้วยไม่ชอบให้คนอื่นเห็นว่ากำลังอ่านคัมภีร์ไบเบิลกับคุณ ให้ใช้วิธีที่คนอื่นไม่ค่อยสังเกตเห็น เช่น อ่านจากโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตแทน
7. จาก 1 โครินธ์ 9:20-23 เราจะเลียนแบบเปาโลอย่างไร?
7 พยายามเข้าใจและตั้งใจฟัง เราต้องพยายามเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงคิดหรือรู้สึกแบบนั้น (สภษ. 20:5) ให้เราคิดถึงตัวอย่างของเปาโลอีกครั้ง เปาโลโตมากับชาวยิว เขาเลยต้องปรับวิธีประกาศเมื่อคุยกับคนต่างชาติที่รู้จักพระยะโฮวาและพระคัมภีร์นิดหน่อยหรืออาจไม่รู้จักเลย เราก็เหมือนกัน เราอาจต้องพยายามหาข้อมูลและขอคำแนะนำจากพี่น้องที่มีประสบการณ์ในประชาคมเพื่อเราจะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของคนในเขตของเรามากขึ้น—อ่าน 1 โครินธ์ 9:20-23
8. วิธีหนึ่งที่เราสามารถเริ่มคุยกับผู้คนเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลได้คืออะไร?
มธ. 10:11) เพื่อเราจะทำงานนี้ให้ได้ผลดี เราต้องช่วยให้เขาแสดงความคิดเห็นออกมา แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด พี่น้องชายคนหนึ่งในประเทศอังกฤษถามความเห็นผู้คนเกี่ยวกับวิธีที่จะมีชีวิตคู่ที่มีความสุข วิธีเลี้ยงลูก และวิธีรับมือกับความไม่ยุติธรรม หลังจากตั้งใจฟังความคิดเห็นแล้ว เขาจะถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับคำแนะนำนี้ที่เขียนไว้เมื่อเกือบ 2,000 ปีมาแล้ว?” จากนั้นก็เปิดข้อคัมภีร์ที่เลือกไว้จากโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องพูดคำว่า “คัมภีร์ไบเบิล”
8 เป้าหมายของเราคือหา ‘คนที่เต็มใจต้อนรับและสนใจฟัง’ (เข้าถึงหัวใจผู้คน
9. เราจะประกาศกับคนที่ไม่อยากคุยเรื่องพระเจ้าอย่างไร?
9 เราสามารถเข้าถึงหัวใจคนที่ไม่อยากคุยเรื่องพระเจ้าได้โดยพูดเรื่องที่เขาสนใจ ตัวอย่างเช่น หลายคนอาจประทับใจธรรมชาติ เมื่อเจอคนที่ดูเหมือนสนใจในเรื่องนี้ เราอาจพูดทำนองนี้ “สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างเกิดจากการเลียนแบบสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เช่น คนที่ประดิษฐ์ไมโครโฟนต้องศึกษาเกี่ยวกับหูของสัตว์ และคนที่ประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปต้องศึกษาเกี่ยวกับตาของสัตว์ แล้วคุณคิดว่าใครสร้างหูและตาขึ้นมาในครั้งแรก?” หลังจากตั้งใจฟังคำตอบแล้ว เราอาจพูดต่อว่า “ฉันประทับใจคำพูดที่เขียนไว้ในหนังสือเก่าแก่ที่บอกว่า ‘พระองค์ผู้สร้างหูจะไม่ได้ยินหรือ? พระองค์ผู้สร้างตาจะมองไม่เห็นหรือ? . . . พระองค์เป็นผู้สอนประชาชนให้มีความรู้’ คุณรู้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนก็เชื่อเหมือนกับข้อนี้ที่บอกว่าทั้งหูและดวงตาของเราต้องมีผู้สร้างขึ้นมาแน่ ๆ?” (สด. 94:9, 10) หลังจากนั้นเราอาจให้เขาดูวีดีโอชุด “มุมมองเรื่องต้นกำเนิดของชีวิต” ที่เว็บไซต์ jw.org® (ไปที่สิ่งพิมพ์และมัลติมีเดีย > วีดีโอ > การสัมภาษณ์และประสบการณ์) หรือเราอาจให้จุลสารมีใครสร้างสิ่งมีชีวิตไหม? หรือจุลสารต้นกำเนิดชีวิต—ห้าคำถามที่น่าคิด กับเขา
10. เราอาจใช้คำนำอะไรเมื่อพูดกับคนที่ไม่อยากคุยเรื่องพระเจ้า?
10 ผู้คนส่วนใหญ่อยากเห็นอนาคตของโลกนี้ดีขึ้น แต่หลายคนก็รู้สึกกลัวว่าโลกจะแตกหรือแย่จนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งในประเทศนอร์เวย์บอกว่า ปกติแล้วคนที่ไม่อยากคุยเรื่องพระเจ้ามักจะเต็มใจคุยเกี่ยวกับสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก หลังจากที่ทักทายเจ้าของบ้าน เขาถามว่า “คุณคิดว่าสด. 37:29; ปญจ. 1:4
เราจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ไหม? คุณคิดว่าเราจะสามารถฝากความหวังไว้กับนักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ หรือใครสักคนได้ไหม?” หลังจากตั้งใจฟังคำตอบ ผู้ดูแลหมวดคนนี้จะอ่านหรือไม่ก็พูดถึงข้อคัมภีร์ที่บอกว่าอนาคตของโลกนี้จะดีขึ้น หลายคนสนใจคำสัญญาในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าโลกนี้จะคงอยู่ถาวรและคนดีจะมีชีวิตอยู่บนโลกตลอดไป—11. ทำไมเราควรพยายามใช้หลายวิธีเพื่อจะเริ่มต้นพูดคุยกับผู้คน? และเราจะเลียนแบบตัวอย่างของเปาโลเหมือนที่บอกไว้ในโรม 1:14-16 ได้อย่างไร?
11 เราควรใช้หลายวิธีเพื่อเริ่มพูดคุยกับผู้คน เพราะอะไร? ก็เพราะว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องที่คนหนึ่งสนใจอาจเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่อยากฟัง บางคนอาจเต็มใจคุยเรื่องพระเจ้าและเรื่องคัมภีร์ไบเบิลกับเรา แต่สำหรับบางคน เราต้องพูดเรื่องอื่นกับเขาก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราต้องพยายามคุยกับคนทุกชนิด (อ่านโรม 1:14-16) และเราต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาคือผู้ที่ทำให้ความจริงเติบโตในหัวใจของคนที่รักสิ่งที่ถูกต้อง—1 คร. 3:6, 7
วิธีประกาศกับคนที่มาจากเอเชีย
12. เราจะเข้าถึงหัวใจของคนที่ไม่เคยคิดเรื่องผู้สร้างได้อย่างไร?
12 ทั่วโลก พี่น้องของเรามีโอกาสเจอกับคนที่มาจากเอเชียซึ่งรวมถึงคนที่มาจากประเทศที่จำกัดเสรีภาพทางศาสนา หลายคนในประเทศเหล่านั้นไม่เคยคิดเรื่องผู้สร้างและไม่สนใจว่าจะมีผู้สร้างหรือเปล่า บางคนอยากรู้มากขึ้นและอยากศึกษาคัมภีร์ไบเบิล แต่บางคนอาจไม่สนใจเปิดรับความคิดใหม่ ๆ แล้วเราจะเข้าถึงหัวใจของพวกเขาได้อย่างไร? ผู้ประกาศที่มีประสบการณ์บางคนใช้วิธีเริ่มพูดคุยแบบเป็นกันเอง แสดงความสนใจ และเมื่อเห็นว่าเหมาะก็เล่าให้เจ้าของบ้านฟังว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้ผู้ประกาศเองมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร
13. อะไรจะช่วยให้ผู้คนสนใจคัมภีร์ไบเบิล? (ดูภาพหน้าปก)
13 สิ่งแรกที่ทำให้หลายคนประทับใจคือหลักการที่ใช้ได้จริงในคัมภีร์ไบเบิล (ปญจ. 7:12) พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ไปหาคนที่พูดภาษาจีนกลางในนิวยอร์กเล่าว่า “ฉันพยายามแสดงให้พวกเขาเห็นว่าฉันสนใจและตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูด ถ้าฉันรู้ว่าพวกเขาเพิ่งย้ายมาใหม่ ฉันจะถามว่า ‘เป็นยังไงบ้าง คุณปรับตัวได้หรือยัง? ได้งานทำแล้วไหม? คนที่นี่เป็นยังไง พวกเขาดีกับคุณไหม?’” บางครั้งการทำแบบนี้เปิดโอกาสให้คุยเรื่องคำสอนของคัมภีร์ไบเบิล และถ้าเห็นว่าเหมาะ พี่น้องหญิงคนนี้จะพูดเสริมว่า “คุณคิดว่าอะไรจะช่วยให้เราไม่มีปัญหากับคนอื่น? อยากให้คุณดูภาษิตข้อหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม? ข้อนั้นบอกว่า ‘การเริ่มหาเรื่องทะเลาะก็เหมือนเปิดประตูระบายน้ำ ให้รีบเดินหนีก่อนจะเริ่มเถียงกัน’ คุณคิดว่าคำแนะนำนี้ดีไหม?” (สภษ. 17:14) การเริ่มต้นพูดคุยแบบนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าใครที่เราจะกลับมาเยี่ยมได้อีก
14. พี่น้องชายคนหนึ่งในเอเชียช่วยคนที่บอกว่าไม่เชื่อในพระเจ้าอย่างไร?
14 แล้วคนที่บอกว่าไม่เชื่อในพระเจ้าล่ะ เราจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร? พี่น้องชายคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ในการประกาศกับคนที่ไม่มีศาสนาในเอเชียบอกว่า “ถ้าคนที่นี่บอกว่าไม่เชื่อในพระเจ้า ปกติแล้วพวกเขาหมายความว่าไม่นับถือพวกเทพเจ้าที่คนส่วนใหญ่นับถือ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะเห็นด้วยกับพวกเขาว่าพระพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นพระที่คนทำขึ้นมา แล้วนั่นไม่ใช่พระเจ้าจริง ๆ หลังจากนั้น ผมก็จะอ่านเยเรมีย์ 16:20 ที่บอกว่า ‘มนุษย์จะทำพระของตัวเองได้หรือ? สิ่งที่เขาทำไม่ ใช่พระเจ้าจริง ๆ’ จากนั้นผมก็จะถามว่า ‘คุณคิดว่าเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าองค์ไหนเป็นพระเจ้าจริง ๆ องค์ไหนเป็นแค่สิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมา?’ แล้วผมจะตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาตอบ และอ่านอิสยาห์ 41:23 ที่บอกว่า ‘บอกมาทีว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นพระ’ หลังจากนั้นผมจะให้พวกเขาดูตัวอย่างคำพยากรณ์ของพระยะโฮวาที่เกิดขึ้นจริง”
15. เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพี่น้องชายในเอเชีย?
15 พี่น้องชายคนหนึ่งในเอเชียชอบใช้อีกวิธีหนึ่งตอนที่เขากลับเยี่ยม เขาบอกว่า “ผมให้เจ้าของบ้านดูคำแนะนำที่ใช้ได้จริงในคัมภีร์ไบเบิล คำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นจริง และพูดถึงกฎธรรมชาติที่ควบคุมเอกภพ จากนั้น ผมจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือหลักฐานที่แสดงว่าต้องมีผู้สร้างและพระองค์ฉลาดมาก ถ้าเขาเริ่มยอมรับว่าเป็นไปได้ที่จะมีผู้สร้าง ผมก็จะให้เขาดูว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา”
16. จากฮีบรู 11:6 ทำไมนักศึกษาต้องเชื่อว่ามีพระเจ้าและเชื่อในคัมภีร์ไบเบิล? และเราจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?
16 เมื่อเรานำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับคนที่บอกว่าไม่มีศาสนาหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า เราต้องช่วยเขาต่อไปให้มีความเชื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามีพระเจ้า และช่วยเขาให้เชื่อในคัมภีร์ไบเบิล (อ่านฮีบรู 11:6) เราอาจต้องพูดจุดเดิมบ่อย ๆ ตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่เราศึกษา เราอาจคุยกันเกี่ยวกับหลักฐานที่ทำให้เห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้าจริง ๆ เช่น อาจคุยกันสั้น ๆ เกี่ยวกับคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริง หรือคุยกันว่าคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างไร หรือมีความรู้ที่เอาไปใช้ได้จริง ๆ ในชีวิตอย่างไร
17. ถ้าเราแสดงความรักต่อผู้คนจะมีผลกับพวกเขาอย่างไร?
17 เราสามารถช่วยคนให้เป็นสาวกของพระคริสต์ได้โดยการแสดงความรักกับผู้คนไม่ว่าพวกเขาจะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา หรือเชื่อว่ามีพระเจ้าหรือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า (1 คร. 13:1) ตอนที่เราสอน เป้าหมายของเราคือให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้ารักพวกเขาและพระเจ้าก็อยากให้พวกเขารักพระองค์ด้วย ทุกปีมีหลายหมื่นคนที่เมื่อก่อนสนใจเรื่องศาสนานิดหน่อยหรือไม่สนใจเลย ได้รับบัพติศมาและเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวาเพราะพวกเขาได้เรียนรู้และรักพระยะโฮวาพระเจ้า ดังนั้น ให้เราคิดบวกเสมอ แสดงความสนใจ และรักคนทุกชนิด ให้เราตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูด และพยายามเข้าใจความรู้สึกและความคิดของพวกเขา ตัวอย่างของคุณจะช่วยพวกเขาให้เข้ามาเป็นสาวกของพระคริสต์ได้
เพลง 76 คุณรู้สึกอย่างไร?
^ วรรค 5 เราอาจมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้พูดคุยกับคนที่ไม่มีศาสนาหรือคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า ในบทความนี้เราจะคุยกันเกี่ยวกับวิธีที่เราจะสอนคัมภีร์ไบเบิลให้พวกเขาและช่วยพวกเขาให้เชื่อในคัมภีร์ไบเบิลและพระยะโฮวาพระเจ้า
^ วรรค 1 ตามที่มีการสำรวจ บางประเทศที่เป็นแบบนั้นได้แก่ ประเทศเกาหลีใต้ แคนาดา จีน ญี่ปุ่น เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เวียดนาม สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหราชอาณาจักร สเปน สาธารณรัฐเช็ก ออสเตรเลีย ออสเตรีย อาเซอร์ไบจาน อิสราเอล ไอร์แลนด์ แอลเบเนีย และฮ่องกง
^ วรรค 53 คำอธิบายภาพ พี่น้องชายคนหนึ่งประกาศกับเพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาล ต่อมาเพื่อนเข้าไปดูเว็บไซต์ jw.org ของเรา