การเพ่งดูโลก
การเพ่งดูโลก
สตรี ณ ที่ทำงาน
สตรีจำนวนมากขึ้นทั่วโลกกำลังเริ่ม “เคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ” คือทำงานเพื่อได้ค่าจ้าง แต่ก็ยังต้องเผชิญอุปสรรคนานัปการ ตามไฟแนนส์ แอนด์ ดีเวลอบเมนต์ วารสารซึ่งพิมพ์โดยธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ. วารสารนั้นประมาณว่าสตรีในราว 830 ล้านคนทั่วโลกเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและร้อยละ 70 ในจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา. ในแอฟริกาและบางส่วนของเอเชีย เด็กผู้หญิงที่เข้าโรงเรียนมัธยมมีน้อยกว่าเด็กผู้ชายมาก จึงไม่แปลกที่สตรีอายุ 25 ปีขึ้นไปราว ๆ ร้อยละ 75 ไม่รู้หนังสือและเป็นการยากกว่าสำหรับสตรีประเภทนี้ที่จะหางานดี ๆ ทำ. จำนวนสตรีที่ทำงานหาเงินแม้จะน้อยกว่าพวกผู้ชายมากแต่การเปรียบเทียบนี้ก็ไม่อาจถือเป็นสิ่งบ่งบอกว่าสตรีทำงานหรือไม่เพราะสถิติทำขึ้นโดยอาศัยการว่าจ้างทางการเท่านั้นและไม่ใช่งานในบ้านหรือธุรกิจครอบครัว. การวิจัยได้แสดงว่าในเอเชีย, แอฟริกา, และแปซิฟิก สตรีโดยเกณฑ์เฉลี่ยทำงานมากกว่าผู้ชาย 12 ถึง 13 ชั่วโมงต่อสัปดาห์.
การโจมตีทางเพศสาเหตุอยู่ที่หนังสือการ์ตูน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ตำรวจในโตเกียว ญี่ปุ่น ได้ตั้งข้อกล่าวหานักเรียนมัธยมวัย 16 ปีด้วยข้อหาการทำร้ายทางเพศถึง 25 กระทง. เด็กหนุ่มคนนี้โทษหนังสือการ์ตูนลามก. ในโอกาสหนึ่งเขาอ้างว่าได้หนังสือการ์ตูนทางเพศซึ่งวาดภาพโจ่งแจ้งจากร้านที่สะดวกต่อการซื้อแล้วนำเด็กหญิงวัย 10 ขวบเข้าห้องน้ำและบังคับให้เธอทำท่าตามภาพลามกภาพหนึ่งในหนังสือเล่มนั้น. เขายอมรับกับตำรวจว่าเคยทำร้ายทางเพศทำนองเดียวกัน 24 ครั้งและส่วนใหญ่ได้แรงกระตุ้นจากหนังสือการ์ตูนลามก. เดอะ เดลี โยมิอูริ รายงานว่า “ปีที่แล้วในโตเกียวมีการรายงานอาชญากรรม 86 รายที่เกี่ยวข้องกับผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะซึ่งเชื่อกันว่าได้รับแรงจูงใจจากหนังสือการ์ตูนลามก.”
แอลกอฮอล์กับไขมัน?
คงไม่ใช่ข่าวใหม่ที่ผู้คนซึ่งดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์มากเกินไปมักจะอ้วน. แต่ทำไมจึงอ้วน? การศึกษาวิจัยเร็ว ๆ นี้ ณ มหาวิทยาลัยแห่งซูริค สวิตเซอร์แลนด์ได้ผลน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่อาจเป็นได้. ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงแคลอรีในแอลกอฮอล์เท่านั้นที่ทำให้อ้วนขึ้น แต่วิธีที่แอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญไขมันด้วย. นักโภชนาการได้ทราบกันนานมาแล้วว่าร่างกายค่อนข้างจะอืดอาดเชื่องช้าเมื่อถึงคราวเผาผลาญไขมัน มีแนวโน้มที่จะเก็บกักไขมันไว้ขณะที่เผาผลาญน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเร็วกว่า. แต่แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันช้าลงไปอีก. ในการทดลองหนึ่งมีการจัดให้พวกผู้ชายรับประทานอาหารซึ่งรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เจือปนสิ่งใดสามออนซ์ต่อวัน—เท่ากับเบียร์หกเหยือกโดยประมาณ. เมื่อรับประทานอาหารอย่างนี้พวกผู้ชายเหล่านั้นเผาผลาญไขมันน้อยลงประมาณหนึ่งในสาม. แน่นอน ยิ่งมีไขมันในอาหารมากเท่าไรผลกระทบก็ยิ่งมีแนวโน้มจะชัดขึ้นมากเท่านั้น.
ห้องอบขนมปังที่เก่าแก่ที่สุดหรือ?
นักโบราณคดีที่ทำการขุดค้นใกล้ ๆ พีระมิดแห่งอียิปต์ได้ค้นพบสิ่งซึ่งอาจเป็นห้องอบขนมปังเก่าแก่ที่สุดในโลก ตามรายงานของ แอสโซซีเอเต็ด เพรส. ดูเหมือนว่าห้องอบขนมปังนั้นถูกใช้เพื่อจัดเตรียมขนมปังแก่คนงานก่อสร้างพีระมิด. มาร์ก เลห์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราวของอียิปต์และผู้อำนวยการคนหนึ่งในโครงการขุดนั้นกล่าวว่า “นี่เป็นการอบขนมปังอย่างใหญ่โตมโหฬารเหลือเฟือที่จะเลี้ยง 30,000 คนต่อวัน.” เลห์เนอร์คาดว่าสภาพทำงานในห้องอบขนมปังนี้คงต้องเป็นเหมือนฝันร้าย เนื่องจากร้อนยิ่งนักและมีควันดำหนาทึบ. เขาบอกว่า “ห้องเหล่านี้คงมีสภาพดุจท้องฟ้ากลางคืนที่เต็มไปด้วยสายฝน. เราขุดทะลุเถ้าถ่านที่เหมือนกำมะหยี่สีดำซึ่งได้ก่อตัวขึ้นหนาถึง 45 เซนติเมตร.” เชื่อกันว่าห้องอบขนมปังนี้มีอายุตั้งแต่สมัยก่อสร้างพีระมิด.
พบหลุมฝังศพของกายะฟา
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นหลุมฝังศพและซากกระดูกของกายะฟามหาปุโรหิตชาวยิวผู้ซึ่งมีส่วนในการประหารพระเยซูคริสต์มีการค้นพบในกรุงเยรูซาเลม ตามรายงานของ เดอะ สตาร์ หนังสือพิมพ์แห่งโจฮันเนสเบอร์ก แอฟริกาใต้. การค้นพบนั้นรวมถึงโกศบรรจุอัฐิพร้อมด้วยข้อความจารึกว่า “เยโฮเซฟ บาร์ กายะฟา.” กายะฟาได้มาเป็นมหาปุโรหิตใน
ราวปี 18 สากลศักราชและเป็นผู้ทรมานไม่เพียงพระคริสต์เท่านั้นแต่เหล่าผู้ติดตามพระองค์ด้วย. เขาถูกปลดจากตำแหน่งประมาณปี 36 สากลศักราช. โยซิฟุส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวก็เอ่ยถึงเช่นกัน กายะฟาเป็นหนึ่งในบุคคลโบราณไม่กี่คนซึ่งซากกระดูกของเขามีการพิสูจน์และทำบันทึกไว้. เดอะ สตาร์ ยกคำพูดของนักโบราณคดีขึ้นมากล่าวดังนี้: “ในจำนวนโกศบรรจุอัฐิมากกว่าพันใบที่ค้นพบในเยรูซาเลม เรารู้จักในราวห้าชื่อ.”วัณโรคคืนชีพ
WHO (องค์การอนามัยโลก) รายงานว่าวัณโรคซึ่งเป็นโรคระบาดเก่าแก่เดี๋ยวนี้คร่าชีวิตสามล้านคนต่อปี. เดอะ โกลบ แอนด์ เมล แห่งโตรอนโต แคนาดา อธิบายต่อไปว่าร้อยละ 96 ของผู้ป่วยรายใหม่ทุกปีเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาเพราะขาดการเอาใจใส่ดูแลทางการแพทย์และเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ. “วัณโรคกลายเป็นโรคทางเศรษฐศาสตร์สังคมซึ่งโจมตีคนยากไร้หนักที่สุด” เป็นคำอธิบายของฮิโรชิ นากาจิมา ผู้อำนวยการของ WHO. ในประเทศที่มั่งคั่งโรคนี้มักคุกคามคนสูงอายุ, ชนกลุ่มน้อย, และผู้อพยพ. ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐเจ้าหน้าที่อายุรเวชของ WHO กล่าวว่า หลายกรณีเกี่ยวข้องกับคนไข้ซึ่งภูมิต้านทานอ่อนแอลงเพราะการใช้ยาเสพย์ติดหรือโรคเอดส์.
ฟ้องร้องเพราะควันบุหรี่ของผู้อื่น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ศาลแขวงแห่งนิวเซาท์เวลส์ในออสเตรเลียตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายอย่างหนักแก่สตรีวัย 64 ปีผู้ซึ่งได้ฟ้องร้องนายจ้างของเธอในอดีตเนื่องด้วยปัญหาร้ายแรงทางสุขภาพที่เธออ้างว่าได้รับหลังจากทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยควันเป็นเวลาราว ๆ สิบสองปี. ที่แล้ว ๆ มาคดีแบบนี้มีการตกลงกันนอกศาลแต่ในการตัดสินครั้งสำคัญนี้ทางศาลสั่งจ่าย 85,000 เหรียญ (ออสเตรเลีย) แก่โจทก์. หนังสือพิมพ์ เดอะ ออสเตรเลียน รายงานว่านี้เป็นครั้งแรกที่คณะลูกขุนตัดสินความว่าผู้สูบบุหรี่อาจทำความเสียหายแก่สุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ซึ่งสูดหายใจอากาศที่เต็มไปด้วยควัน. บางคนคิดว่าการตัดสินความครั้งนี้อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภัตตาคาร, โรงแรม, ไนท์คลับ, และสถานที่ทำงานอื่น ๆ ที่ซึ่งลูกจ้างผู้ไม่สูบบุหรี่อาจฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายอย่างหนักหากไม่มีการจัดบริเวณไร้ควันให้แก่เขา.
ลูกกอล์ฟที่ย่อยสลายได้
กอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาทางบก ตามปกติไม่ถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์ทะเล. แต่การซ้อมตีกอล์ฟบนเรือท่องเที่ยวเป็นกิจปฏิบัติที่นิยมกันมานาน. นิว ไซเยนติสต์ รายงานว่า “จนกระทั่งปี 1989 นักกอล์ฟหวดลูกกอล์ฟห้าแสนลูกต่อเดือนออกจากดาดฟ้าของเรือท่องเที่ยว และหลายลูกไปจบลงในท้องของเต่า, ปลาวาฬ, และปลาโลมา.” ดังนั้น เมื่อ MARPOL คือหน่วยงานซึ่งกำหนดระเบียบควบคุมทางทะเลของโลก ห้ามการเททิ้งขยะพลาสติกในมหาสมุทรเมื่อปี 1989 ก็รวมลูกกอล์ฟด้วย. หลังจากนั้นผู้เล่นกอล์ฟบนดาดฟ้าเรือจึงต้องใช้ตาข่ายซึ่งเป็นการจำกัดระยะทางการตีของเขา. บัดนี้นักประดิษฐ์จากเมืองซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย ได้คิดค้นลูกกอล์ฟที่ย่อยสลายได้ทั้งหมดซึ่งดูและตีได้เหมือนลูกปกติ. แต่แทนที่จะมีพลาสติกหุ้มยาง ผิวของมันทำจากเยื่อกระดาษ, กาว, หรือสาหร่ายทะเลโดยมีแกนกลางเป็นโซเดียมไบคาร์บอเนตและโซเดียมซิเตรต—ซึ่งเป็นส่วนผสมของอัลกา เซลต์เซอร์ (ยาแก้ปวดท้องชนิดหนึ่ง).
เลือดครอบครัวอาจถึงชีวิต
สภากาชาดญี่ปุ่นกำลัง “แจ้งให้แพทย์พยายามสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงการถ่ายเลือดที่บริจาคโดยสมาชิกครอบครัวของคนไข้ โดยเฉพาะเมื่อผู้บริจาคเป็นบิดามารดาหรือลูกของผู้รับเลือด” เป็นคำกล่าวของ อาซาฮิ ชิมบุน. รายงานของกาชาดแจ้งว่าการใช้เลือดที่บริจาคโดยสมาชิกครอบครัวอาจทำให้เกิดโรค GVHD (Graft–Ver-sus–Host Disease) อันได้แก่ความผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเซลล์น้ำเหลืองในเลือดที่ถ่ายให้ ไปโจมตีไขในกระดูก, ตับ, และผิวหนังของผู้รับเลือด. ระบบภูมิต้านทานของร่างกายได้รับผลกระทบและมีอัตราการเสียชีวิตสูง. อนึ่ง รายงานนั้นยังรวมคำเตือนอย่างแข็งแรงต่อการใช้เลือดสดเพราะค้นพบว่าเลือดที่ใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการบริจาคสามารถทำให้เกิด GVHD ได้เช่นกัน. รายงานนี้อาศัยการศึกษาอย่างกว้างขวางสองปี. ในคนไข้หลายร้อยคนซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค GVHD และโดยการสำรวจแพทย์ 14,083 คน. เกือบครึ่งหนึ่งของแพทย์เหล่านั้นเชื่อว่า GVHD เกิดขึ้นเฉพาะต่อเมื่อภูมิต้านทานของร่างกายได้เสื่อมทรุดลงและเชื่อว่าโรคนี้ไม่เกี่ยวกับการถ่ายเลือด—แต่แพทย์เหล่านั้นเข้าใจผิด.