ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ยินดีทำมากกว่าที่ใคร ๆ คาดหมาย

ยินดีทำมากกว่าที่ใคร ๆ คาดหมาย

ยินดี​ทำ​มาก​กว่า​ที่​ใคร ๆ คาด​หมาย

เล่า​โดย​แคลร์ วาวี

เกาะ​มาดากัสการ์​อยู่​ห่าง​จาก​โมซัมบิก​ซึ่ง​เป็น​ประเทศ​ที่​อยู่​ทาง​แอฟริกา​ตะวัน​ออก​ประมาณ 400 กิโลเมตร ลักษณะ​ภูมิ​ประเทศ​เป็น​เทือก​เขา​และ​มี​ป่า​ดิบ​ทึบ. ฉัน​เกิด​ใน​หมู่​บ้าน​เล็ก ๆ ชื่อ​เบตูกูสอง อยู่​ทาง​ด้าน​ตะวัน​ออก​ของ​เกาะ. ใน​ปี 1987 ตอน​อายุ 15 ปี ฉัน​ย้าย​ไป​เข้า​โรง​เรียน​ใน​เมือง​มาฮานูรู​ซึ่ง​อยู่​ใกล้​ชายฝั่ง.

ฉัน​อาศัย​อยู่​กับ​พี่​ชาย​ชื่อ​เซเลสติน ใน​เมือง​มาฮานูรู เขา​เพิ่ง​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. หลัง​จาก​นั้น​สอง​ปี ฉัน​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ. ฉัน​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​อย่าง​เต็ม​ที่​เท่า​ที่​ฉัน​จะ​ทำ​ได้.

พยายาม​บรรลุ​เป้าหมาย

เป้าหมาย​แรก ๆ ของ​ฉัน​คือ ช่วย​ครอบครัว​ของ​ฉัน​ที่​อยู่​ใน​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง และ​ฉัน​ทูล​เรื่อง​นี้​กับ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ประจำ. อย่าง​ไร​ก็​ดี ฉัน​กลับ​บ้าน​ได้​เฉพาะ​ช่วง​ปิด​เทอม​เท่า​นั้น. การ​เดิน​ทาง​ระยะ 100 กิโลเมตร​นั้น​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย. ช่วง​สี่​สิบ​กิโลเมตร​แรก​อาจ​เดิน​ทาง​โดย​รถยนต์​ได้ แต่​อีก 60 กิโลเมตร​ที่​เหลือ​นั้น​เป็น​ทาง​แคบ ๆ บน​เขา ซึ่ง​ต้อง​เดิน​เอา​เท่า​นั้น.

ฉัน​ต้อง​ปีน​เขา​สูง​ชัน​หลาย​ลูก และ​ทาง​เดิน​ที่​ขรุขระ​บาง​ช่วง​ก็​แคบ​พอ ๆ กับ​ความ​ยาว​ของ​ฝ่า​เท้า. ถ้า​ฉัน​เริ่ม​ออก​เดิน​ทาง​ตั้ง​แต่​เช้า​ตรู่​จน​ถึง​ตอน​พลบ​ค่ำ ฉัน​จะ​เดิน​ทาง​ได้​ไกล​ประมาณ 40 กิโลเมตร. ฉัน​มัก​จะ​หอบ​หิ้ว​สัมภาระ​ที่​มี​น้ำหนัก​กว่า 15 กิโลกรัม บาง​ส่วน​ก็​เทิน​ไว้​บน​หัว, บาง​ส่วน​ก็​แบก​ใส่​หลัง, และ​ที่​เหลือ​ก็​หิ้ว​ไป. ของ​ส่วน​ใหญ่​เป็น​หนังสือ​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์ ซึ่ง​ฉัน​ได้​แบ่ง​ให้​ญาติ​และ​คน​ที่​สนใจ. คน​ที่​อยู่​ตาม​เส้น​ทาง​นั้น​ตั้ง​สมญา​นาม​ให้​ฉัน​ว่า “คน​ที่​ชอบ​หอบ​ของ​พะรุงพะรัง.”

ถึง​แม้​ฉัน​กระตือรือร้น​บอก​เล่า​ความ​เชื่อ​ใหม่​ที่​เพิ่ง​ได้​เรียน​รู้ ตอน​แรก​ญาติ​พี่​น้อง​ของ​ฉัน​ไม่​ยอม​ฟัง. แต่​ต่อ​มา​ไม่​นาน เขา​ก็​เปลี่ยน​ใจ​และ​มี​คำ​ถาม​มาก​มาย​หลาย​ข้อ บาง​ครั้ง​กว่า​จะ​ได้​นอน​ก็​ตี​สอง.

การ​เยี่ยม​ที่​น่า​จด​จำ

วัน​ที่ 24 ธันวาคม 1990 ฉัน​กลับ​มา​พัก​ร้อน​ที่​บ้าน​เบตูกูสอง. คน​ใน​ครอบครัว​ต่าง​ก็​ดีใจ​ที่​ได้​พบ​ฉัน เพราะ​มั่น​ใจ​ว่า​ฉัน​กลับ​มา​เพื่อ​ร่วม​ฉลอง​คริสต์มาส​กับ​พวก​เขา. แต่​แล้ว​พวก​เขา​ต้อง​ผิด​หวัง​เมื่อ​ฉัน​อธิบาย​เหตุ​ผล​ที่​ไม่​อาจ​ร่วม​ฉลอง​คริสต์มาส​ได้. พวก​เขา​รู้สึก​อาย​ที่​จะ​ต้อง​ชี้​แจง​ให้​คน​ใน​หมู่​บ้าน​เข้าใจ​เรื่อง​นี้ เนื่อง​จาก​ทุก​คน​ใน​ชุมชน​ใกล้​ชิด​สนิทสนม​กัน. ดัง​นั้น ฉัน​จึง​คิด​ว่า ฉัน​เอง​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​เริ่ม​อธิบาย​ความ​เชื่อ​แก่​คน​อื่น ๆ. แต่​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ล่ะ?

ฉัน​รู้สึก​ไม่​แน่​ใจ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ตอน​นั้น​ฉัน​ยัง​เด็ก​เกิน​ไป. ฉัน​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​เหมาะ​สม​หรือ​ไม่​หาก​จะ​อธิบาย​ความ​เชื่อ​ของ​ฉัน​ให้​คน​ใน​หมู่​บ้าน​ฟัง​ตอน​ที่​พวก​เขา​มา​ชุมนุม​กัน​ใน​โบสถ์​วัน​ถัด​ไป. ฉัน​ทูล​อ้อน​วอน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​อยู่​นาน​เพื่อ​ขอ​การ​ชี้​นำ. หลัง​จาก​นั้น ฉัน​ปรึกษา​พอล​พี่​ชาย​ซึ่ง​เป็น​ครู​สอน​ใน​โบสถ์​ทำนอง​นี้: “พี่​คิด​ว่า​เหมาะ​ไหม​หาก​ฉัน​จะ​ชี้​แจง​ให้​คน​ที่​เข้า​โบสถ์​ใน​วัน​พรุ่ง​นี้​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ฉัน​ไม่​ฉลอง​คริสต์มาส?” พี่​ชาย​ของ​ฉัน​จึง​ลอง​หยั่ง​เสียง​คน​อื่น​ดู และ​พวก​เขา​ยินดี​จะ​รับ​ฟัง.

วัน​รุ่ง​ขึ้น มี​คน​มา​ตาม​ฉัน​ให้​ไป​ที่​โบสถ์ เนื่อง​จาก​เสร็จ​สิ้น​การ​ปฏิบัติ​ศาสนกิจ​แล้ว. ฉัน​ทูล​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​อีก​ครั้ง แล้ว​ก็​ออก​ไป​พร้อม​กับ​หนังสือ​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​จำนวน​หนึ่ง. ภาย​หลัง​การ​แนะ​นำ​ตัว ฉัน​กล่าว​ขอบคุณ​ทุก​คน​ที่​มี​ส่วน​ช่วย​ฉัน​ให้​นับถือ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ลึกซึ้ง. ฉัน​ชี้​แจง​ว่า ฉัน​ยัง​คง​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​ย้าย​ไป​อยู่​ใน​เมือง ทั้ง​ได้​บอก​พวก​เขา​ว่า ฉัน​ค้น​พบ​ความ​จริง​หลาย​เรื่อง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​ไม่​เคย​มี​ใคร​สอน​เรา​มา​ก่อน.

ฉัน​ถือ​โอกาส​นั้น​อธิบาย​ความ​หวัง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เรื่อง​การ​มี​ชีวิต​อยู่​ตลอด​ไป​บน​แผ่นดิน​โลก​ที่​เป็น​อุทยาน (บทเพลง​สรรเสริญ 37:29; วิวรณ์ 21:3, 4), เหตุ​ผล​ที่​มี​ผู้​ซื่อ​สัตย์​เพียง​ไม่​กี่​คน​จาก​แผ่นดิน​โลก​ถูก​รับ​ไป​สวรรค์ (โยฮัน 14:2, 3; วิวรณ์ 5:9, 10; 14:1, 3), และ​คำ​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ว่า คน​ตาย​ไม่​รู้สึก​อะไร​และ​อยู่​ใน​สภาพ​คล้าย​คน​นอน​หลับ ดัง​นั้น จึง​ไม่​ทน​ทุกข์​ทรมาน (ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, 10; โยฮัน 11:11-14, 38-44). นอก​จาก​นั้น ฉัน​ได้​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​คริสเตียน​สมัย​แรก​ไม่​ฉลอง​คริสต์มาส และ​การ​ฉลอง​นั้น​มี​ต้นตอ​มา​จาก​ศาสนา​นอก​รีต.

พอ​ฉัน​พูด​จบ หลาย​คน​ใน​กลุ่ม​ยอม​รับ​ว่า​เรื่อง​ที่​ฉัน​เพิ่ง​พูด​ไป​นั้น​เป็น​ความ​จริง. บาง​คน​ยัง​ถาม​ต่อ​อีก​หลาย​ข้อ. หลัง​จาก​นั้น ฉัน​ให้​พวก​เขา​ดู​หนังสือ​ที่​นำ​มา​ด้วย​และ​อธิบาย​ว่า พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​ผลิต​หนังสือ​เหล่า​นี้​เพื่อ​ใช้​เป็น​คู่มือ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. ฉัน​บอก​เขา​ว่า ฉัน​ยินดี​และ​เต็ม​ใจ​ช่วย​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. หลาย​คน​ตก​ลง​รับ​หนังสือ​ไป​อ่าน.

การ​ค้น​พบ​ที่​น่า​แปลก​ใจ

หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ฉัน​ไม่​เคย​รู้​จัก​ได้​เข้า​มา​พูด​กับ​ฉัน​ว่า “น้อง​สาว​ฉัน​ที่​อยู่​อีก​หมู่​บ้าน​หนึ่ง​นับถือ​ศาสนา​เดียว​กัน​กับ​คุณ.” ฉัน​แปลก​ใจ​และ​ถาม​เธอ​ว่า “อยู่​หมู่​บ้าน​ไหน?”

เธอ​ตอบ​ว่า “อันดรานูมาฟานา.” หมู่​บ้าน​นั้น​อยู่​ห่าง​จาก​เบตูกูสอง​ประมาณ 30 กิโลเมตร.

ฉัน​บอก​หญิง​คน​นั้น​ว่า น้อง​สาว​ของ​เธอ​อาจ​นับถือ​ศาสนา​อื่น​ก็​ได้ เพราะ​พยาน​ฯ ใน​พื้น​ที่​นี้​จะ​รู้​จัก​กัน​หมด​ทุก​คน. แต่​หญิง​คน​นั้น​ยืนกราน​ว่า น้อง​สาว​สอน​เธอ​แบบ​เดียว​กับ​ที่​ฉัน​ได้​ชี้​แจง​ขณะ​บรรยาย​ใน​โบสถ์. ฉัน​จึง​ขอ​ชื่อ​และ​ที่​อยู่​ของ​น้อง​สาว​เธอ เพราะ​ฉัน​อยาก​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​นั้น​ทันที. แต่​แม่​ขอร้อง​ให้​ฉัน​รอ​สัก​วัน​สอง​วัน​เพราะ​การ​เดิน​ทาง​ไป​ที่​นั่น​ยาก​ลำบาก​มาก. สอง​วัน​ต่อ​มา ฉัน​กับ​ชาลส์​พี่​ชาย​ก็​ออก​เดิน​ทาง​ไป​อันดรานูมาฟานา.

ทันที​ที่​ไป​ถึง เรา​ถาม​ชาว​บ้าน​บาง​คน​ว่า “มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​หมู่​บ้าน​นี้​ไหม?” ฉัน​รู้สึก​ผิด​หวัง​เมื่อ​เขา​ตอบ​ว่า “ใน​หมู่​บ้าน​นี้​มี​แต่​ชาว​คาทอลิก, เพนเทคอสต์, และ​คริสตจักร​อิสระ​เท่า​นั้น.”

ครั้น​แล้ว​หญิง​คน​หนึ่ง​พูด​ขึ้น​ว่า “ถ้า​คุณ​ตาม​หา​พยาน​พระ​ยะโฮวา คน​ที่​คุณ​อยาก​พบ​คง​เป็น​มาร์ซิลีน​และ​ครอบครัว​ของ​เขา​กระมัง.” ชื่อ​นี้​แหละ​ที่​ฉัน​ได้​มา!

มี​คน​ไป​ตาม​มาร์ซิลีน​ให้​มา​พบ​เรา. สัก​ครู่​หนึ่ง​เธอ​ก็​มา​ถึง แต่​ดู​ท่า​ทาง​จะ​กลัว ๆ อยู่​บ้าง. แล้ว​คน​ทั้ง​หมู่​บ้าน​พา​กัน​มา​มุง​ดู พวก​เขา​คง​นึก​ภาพ​ว่า​เรา​เป็น​เจ้าหน้าที่​มา​ไต่สวน​เธอ. ฉัน​มา​รู้​ที​หลัง​ว่า​มาร์ซิลีน​และ​ครอบครัว​ของ​เธอ​เคย​ถูก​คน​ใน​หมู่​บ้าน​ข่มเหง​เนื่อง​จาก​เธอ​นับถือ ‘ศาสนา​นอก​รีต.’

มาร์ซิลีน​พา​เรา​เลี่ยง​ออก​ไป​จาก​ฝูง​ชน​เล็ก​น้อย​เพื่อ​จะ​สามารถ​คุย​กัน​ได้. เมื่อ​ฉัน​ถาม​ว่า เธอ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใช่​ไหม เธอ​ตอบ​ว่า​ใช่. ครั้น​แล้ว เธอ​เดิน​ไป​หยิบ​หนังสือ​ความ​จริง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​ถาวร ซึ่ง​ก่อน​หน้า​นี้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เคย​ใช้​หนังสือ​นี้​เป็น​คู่มือ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ พร้อม​กับ​หยิบ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ฉบับ​ก่อน ๆ มา​ด้วย. ทุก​เล่ม​ดู​เก่า​และ​ยับ​ยู่​ยี่. ฉัน​เลย​ถาม​ว่า “วัน​อาทิตย์​ที่​ผ่าน​มา​คุณ​ศึกษา​เล่ม​ไหน?”

เธอ​ตอบ​ว่า “นี่​เป็น​วารสาร​ทั้ง​หมด​ที่​เรา​มี​อยู่ และ​เรา​ศึกษา​ทุก​เล่ม​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก.” แล้ว​ฉัน​จึง​บอก​มาร์ซิลีน​ว่า​ฉัน​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เหมือน​กัน. เธอ​ดีใจ​มาก! เมื่อ​ฉัน​บอก​ว่า​อยาก​พบ​ผู้​นำ​การ​ประชุม เธอ​จึง​ชี้​แจง​ว่า​เขา​อาศัย​อยู่​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป.

การ​ค้น​พบ​ที่​น่า​ยินดี​อีก​อย่าง​หนึ่ง

วัน​ต่อ​มา ฉัน​กับ​มาร์ซิลีน​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​ชาย​ผู้​นี้​ด้วย​กัน. เมื่อ​ไป​ถึง เขา​ประหลาด​ใจ​และ​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​พบ​เรา. ปรากฏ​ว่า​เขา​เป็น​พยาน​ฯ มา​จาก​เตามาซินา ซึ่ง​เป็น​เมือง​ชายฝั่ง​ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ ไกล​ออก​ไป​กว่า 200 กิโลเมตร. ตัว​เขา​กับ​ครอบครัว​จำ​ต้อง​กลับ​มา​อยู่​ที่​นี่​เมื่อ​หลาย​ปี​ก่อน หลัง​จาก​ตก​งาน​อย่าง​คาด​ไม่​ถึง. เมื่อ​กลับ​มา​แล้ว เขา​เริ่ม​เผยแพร่, นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์, และ​จัด​ให้​มี​การ​ประชุม​ต่าง ๆ.

พยาน​ฯ คน​นั้น​กับ​ครอบครัว​ของ​เขา​รู้สึก​ปลื้ม​ปีติ​เมื่อ​เห็น​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ฉบับ​ล่า​สุด​ที่​ฉัน​นำ​ติด​ตัว​ไป​ด้วย. ฉัน​ยัง​ได้​หยิบ​หนังสือ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก​ให้​เขา​ดู ซึ่ง​ตอน​นั้น​เรา​ใช้​เป็น​คู่มือ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. นี่​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​พวก​เขา​ได้​เห็น​หนังสือ​นั้น. วัน​อาทิตย์​ถัด​ไป ฉัน​กลับ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​กับ​พวก​เขา​ที่​อันดรานูมาฟานา. ฉัน​สนับสนุน​เขา​ให้​ติด​ต่อ​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เมือง​หลวง​อันตานานาริโว เนื่อง​จาก​ทาง​สำนักงาน​ไม่​รู้​ว่า​มี​กลุ่ม​เล็ก ๆ นี้​อยู่.

เริ่ม​ตั้ง​แต่​เดือน​มกราคม 1991 แทบ​ทุก​เดือน​ฉัน​จะ​เดิน​ทาง​จาก​เมือง​มาฮานูรู​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​อันดรานูมาฟานา พร้อม​กับ​นำ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ฉบับ​ล่า​สุด​และ​หนังสือ​อื่น ๆ ไป​ด้วย. การ​เดิน​ทาง​เพียง​เที่ยว​เดียว​มี​ระยะ​ทาง​ประมาณ 130 กิโลเมตร ซึ่ง​เป็น​การ​เดิน​เท้า​มาก​กว่า 88 กิโลเมตร มี​ทั้ง​ขึ้น​เขา​ลง​ห้วย, เดิน​ผ่าน​ป่า​ทึบ, และ​หาก​ฝน​ตก​ก็​ต้อง​ลุย​โคลน​ที่​ทั้ง​ลึก​และ​ลื่น.

สัมภาระ​ที่​ฉัน​ต้อง​แบก​ไป​ด้วย​เริ่ม​หนัก​ขึ้น เนื่อง​จาก​มี​คน​ต้องการ​หนังสือ​และ​วารสาร​เพิ่ม​ขึ้น. แต่​เมื่อ​สิ้น​สุด​การ​เดิน​ทาง​แต่​ละ​ครั้ง ฉัน​รู้สึก​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​และ​เป็น​สุข​มาก ความ​เหน็ด​เหนื่อย​เมื่อย​ล้า​หาย​ไป​เป็น​ปลิด​ทิ้ง. ดิฉัน​รู้สึก​ปลื้ม​ใจ​จริง ๆ ที่​ได้​เห็น​คน​ใน​กลุ่ม​ตื่นเต้น​ดีใจ​กัน​ยก​ใหญ่​เมื่อ​ได้​รับ​หนังสือ​ใหม่​แต่​ละ​ครั้ง และ​เห็น​พวก​เขา​ตอบรับ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล!

ก้าว​สู่​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา

วัน​ที่ 1 กันยายน 1992 ฉัน​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ไพโอเนียร์ ชื่อ​ที่​เหล่า​พยาน​ฯ ใช้​เรียก​ผู้​รับใช้​เต็ม​เวลา. ฉัน​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​เมือง​มาฮานูรู แต่​ยัง​คง​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กับ​ญาติ ๆ ที่​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง. ต่อ​มา พวก​เขา​เริ่ม​ศึกษา​ทาง​จดหมาย และ​ขอ​ให้​ฉัน​กลับ​ไป​ช่วย​พวก​เขา​ที่​หมู่​บ้าน​นั้น. ฉัน​เต็ม​ใจ​จะ​ช่วย​เขา แต่​ก่อน​อื่น​ต้อง​แน่​ใจ​ว่า​พวก​เขา​จะ​เอา​จริง​เอา​จัง​ใน​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​และ​ต้องการ​ก้าว​หน้า​ใน​การ​เรียน​รู้​เรื่อง​ความ​จริง. ดัง​นั้น ฉัน​จึง​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​เมือง​มาฮานูรู​ต่อ​ไป​อีก​ระยะ​หนึ่ง.

ช่วง​ปลาย​ปี 1993 ฉัน​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​เข้า​ร่วม​โรง​เรียน​ไพโอเนียร์​หลัก​สูตร​สอง​สัปดาห์​ใน​เมือง​อันตานานาริโว. ต่อ​มา ฉัน​ถูก​เชิญ​ให้​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ ซึ่ง​ก็​อาจ​รวม​ถึง​การ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้ ณ ที่​ใด​ก็​ได้​ภาย​ใน​ประเทศ. อย่าง​ไร​ก็​ดี ฉัน​ตัดสิน​ใจ​ไม่​รับ​คำ​เชิญ เพราะ​ต้องการ​ช่วย​ญาติ ๆ ของ​ฉัน​ใน​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​ประชาคม​ที่​ว่า​ใกล้​ที่​สุด. ดัง​นั้น ฉัน​จึง​กลับ​ไป​เขต​มอบหมาย​ที่​เมือง​มาฮานูรู.

ใน​ที่​สุด เมื่อ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มา​เยี่ยม ฉัน​จึง​ถาม​เขา​เรื่อง​การ​กลับ​ไป​ช่วย​ญาติ​พี่​น้อง​ของ​ฉัน. เวลา​นั้น​มี​การ​ตั้ง​ประชาคม​ขึ้น​แล้ว​ใน​หมู่​บ้าน​อันดรานูมาฟานา และ​เขา​แนะ​นำ​ให้​ฉัน​ไป​อยู่​ที่​นั่น​เพื่อ​จะ​ได้​ร่วม​สมทบ​กับ​ประชาคม​และ​ประกาศ​ใน​เขต​งาน​ที่​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง. ฉัน​เริ่ม​งาน​มอบหมาย​นี้​เมื่อ​วัน​ที่ 1 กันยายน 1994. เดือน​เดียว​กัน​นั้น​เอง พอล​พี่​ชาย​ซึ่ง​เคย​เป็น​ครู​สอน​ศาสนา​ก็​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​กับ​ฉัน. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น มี 30 คน​ร่วม​งาน​ประกาศ​ใน​หมู่​บ้าน​อันดรานูมาฟานา และ​มี​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใน​วัน​อาทิตย์​เฉลี่ย 65 คน.

ยัง​เดิน​ต่อ​ไป​ไม่​หยุด

ไม่​นาน​หลัง​จาก​กลับ​มา​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง พี่​น้อง​ชาย​หญิง​สี่​คน​ของ​ฉัน​มี​คุณสมบัติ​ที่​จะ​ทำ​งาน​ประกาศ​ฐานะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ต่อ​มา​ไม่​นาน​ก็​ได้​รับ​บัพติสมา. หลัง​จาก​ย้าย​กลับ​มา​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​นี้ ฉัน​เดิน​ทาง​ไป​ที่​อะนูซิเบ อันอาลา​เป็น​ประจำ​เพื่อ​รับ​หนังสือ​และ​วารสาร​ต่าง ๆ ซึ่ง​ต้อง​เดิน​ไป​เป็น​ระยะ​ทาง​ประมาณ 50 กิโลเมตร. ถึง​แม้​เป็น​การ​เดิน​ทาง​ที่​เหน็ด​เหนื่อย แต่​ฉัน​รู้สึก​ชื่นชม​ยินดี​ที่​ได้​เห็น​ท้อง​ที่​แห่ง​นี้​เจริญ​เติบโต​ใน​การ​เรียน​รู้​เรื่อง​ความ​จริง ซึ่ง​ทำ​ให้​การ​เดิน​ทาง​นั้น​คุ้มค่า​มาก.

เวลา​นี้​ใน​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง​มี​ประชาคม​ที่​กำลัง​ก้าว​หน้า​อย่าง​ดี มี​จำนวน​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​วัน​อาทิตย์​เฉลี่ย 45 คน. ญาติ​ใกล้​ชิด​ทั้ง​หมด​ของ​ฉัน​ใน​พื้น​ที่​นี้​ล้วน​เป็น​พยาน​ฯ และ​ส่วน​ใหญ่​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ. น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ของ​ฉัน​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ. วัน​ที่ 1 พฤศจิกายน 2001 ฉัน​ก็​เช่น​กัน​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​และ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​ทำ​งาน​ที่​หมู่​บ้าน​อันตานัมเบา-มานัมปูตซีย์. ถึง​กระนั้น ฉัน​ก็​ลา​จาก​หมู่​บ้าน​เบตูกูสอง​ด้วย​หัวใจ​เบิกบาน.

ตอน​ที่​ฉัน​เริ่ม​เรียน​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​ปี 1987 มี​พยาน​ฯ ไม่​ถึง 3,000 คน​ใน​ประเทศ​มาดากัสการ์. เวลา​นี้​มี​มาก​กว่า 14,000 คน. ฉัน​ก็​รู้สึก​คล้าย​กับ​หลาย​คน​ที่​นี่ คือ​รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​มี​สิทธิ​พิเศษ​สามารถ​ใช้​พละกำลัง​ของ​ตน​ทำ​มาก​กว่า​ที่​ใคร ๆ คาด​หมาย​เพื่อ​ช่วยเหลือ​ผู้​อื่น. และ​ฉัน​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​อวย​พร​ความ​เพียร​พยายาม​ของ​ฉัน​ใน​เรื่อง​นี้.

[ภาพ​หน้า 24, 25]

บ่อย​ครั้ง ฉัน​หอบ​หิ้ว​สัมภาระ​ที่​มี​น้ำหนัก​กว่า 15 กิโลกรัม​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​ของ​ฉัน ระยะ​ทาง​ห่าง​กัน​ประมาณ 60 กิโลเมตร

[ภาพ​หน้า 25]

พอล​พี่​ชาย​ฉัน

[ภาพ​หน้า 26]

ชาลส์ พี่​ชาย​ฉัน

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​สมาชิก​บาง​คน​ใน​ครอบครัว. ปัจจุบัน ทุก​คน​ใน​ภาพ​นี้​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา