เคล็ดลับห้าประการเพื่อจะหางานได้
เคล็ดลับห้าประการเพื่อจะหางานได้
คนประเภทไหนที่มักจะได้งานดี ๆ ทำ? คนที่มีคุณสมบัติมากที่สุดจะได้งานเสมอไปไหม? “เปล่า” ไบรอันซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการจ้างงานกล่าว. “คนที่หางานเก่งที่สุดนั่นแหละที่มักจะได้งาน.” คุณจะทำอย่างไรเพื่อจะหางานได้เก่งขึ้น? ให้เรามาพิจารณาเคล็ดลับห้าประการในเรื่องนี้.
มีระเบียบ
ถ้าคุณเคยมีงานที่ดีทำแต่ต้องมาตกงานหรือว่างงานมาระยะหนึ่งแล้ว คุณก็อาจจะท้อใจได้ง่าย. คาทารีนาซึ่งเป็นช่างตัดเสื้อในเยอรมนีกล่าวว่า “ตอนที่ดิฉันเพิ่งตกงานใหม่ ๆ ดิฉันคิดในแง่ดีว่าเดี๋ยวก็คงจะหางานใหม่ได้ แต่พอเวลาหลายเดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าและดิฉันยังหางานทำไม่ได้ ดิฉันก็เริ่มรู้สึกกลุ้มใจ. ในที่สุด ดิฉันรู้สึกว่าแม้แต่จะพูดเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ก็ลำบากใจ.”
คุณจะแก้ไขความรู้สึกสิ้นหวังได้อย่างไร? หนังสือหางานได้ภายใน 30 วันหรือเร็วกว่านั้น (ภาษาอังกฤษ) แนะนำไว้ว่า “นับว่าสำคัญมากที่คุณจะต้องกำหนด ‘วันทำงาน’ ของคุณเองขึ้นมา เพื่อว่าพอคุณเริ่มวันใหม่ คุณก็รู้ว่าจะต้องทำอะไร.” ผู้เขียนแนะนำให้คุณ “ตั้งเป้าหมายของแต่ละวันและจดบันทึกว่าคุณทำอะไรไปบ้าง.” นอกจากนั้น ผู้เขียนยังบอกว่า “ทุก ๆ เช้า คุณควรจะเริ่มด้วยการแต่งตัวเหมือนกับจะไปทำงาน.” เพราะอะไร? “การแต่งตัวอย่างเหมาะสมจะทำให้คุณมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น แม้แต่ตอนที่พูดโทรศัพท์.”
ใช่แล้ว คุณต้องถือว่าการหางานเป็นงานของคุณ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานสักแค่ไหน. คาทารีนา ซึ่งเรากล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็ใช้วิธีที่จริงจังแบบนี้. เธอบอกว่า “ดิฉันไปที่สำนักงานจัดหางานและขอที่อยู่กับหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่อาจต้องการจ้างคนงานเพิ่ม. ดิฉันเขียนจดหมายไปหาบริษัทที่ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์. ดิฉันดูสมุดโทรศัพท์อย่างละเอียดและเขียนรายชื่อบริษัทที่อาจมีตำแหน่งงานว่างแต่ยังไม่ได้ลงโฆษณา แล้วก็ติดต่อบริษัทเหล่านั้น. ดิฉันยังเขียนประวัติย่อ (résumé) ของตัวเองและส่งไปยังบริษัทเหล่านั้นด้วย.” หลังจากหางานอย่างเป็นระบบ คาทารีนาก็หางานที่เธอต้องการได้.
เข้าถึงตลาดงานที่ไม่มีการโฆษณา
ชาวประมงที่มีอวนใหญ่ที่สุดคงจะจับปลาได้มากที่สุด. ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณรู้วิธีทำ “อวน” ของคุณให้ใหญ่ขึ้น โอกาสที่คุณจะได้งานทำก็มีมากขึ้นด้วย. ถ้าคุณหางานโดยเพียงแค่ดูโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือในอินเทอร์เน็ต งานส่วนใหญ่ที่มีอยู่คงจะหลุดไปจากอวนของคุณ. งานดี ๆ หลายตำแหน่งไม่เคยมีการลงโฆษณา. คุณจะเข้าไปถึงตลาดงานที่ไม่มีการโฆษณานี้ได้อย่างไร?
นอกจากการเขียนจดหมายไปหาผู้ลงโฆษณาแล้ว คุณต้องทำเหมือนคาทารีนา คือจัดเวลาทุก ๆ สัปดาห์ไว้เพื่อไปติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ ที่คุณคิดว่าอาจจะมีงานที่คุณทำได้. อย่ารอให้บริษัทเหล่านั้นลงโฆษณา. ถ้าผู้จัดการของบริษัทเหล่านี้บอกว่าไม่มีตำแหน่งว่าง ให้ถามเขาว่ามีที่อื่นไหมที่อาจมี และคุณควรจะติดต่อกับใครโดยตรง. ถ้าเขาแนะนำมา ก็ให้ติดต่อขอนัดกับที่นั่น แล้วบอกด้วยว่าใครแนะนำให้คุณมา.
โทนี ซึ่งกล่าวถึงในบทความก่อน หางานได้ด้วยวิธีนี้. เขาอธิบายว่า “ผมเริ่มติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงโฆษณา. บริษัทแห่งหนึ่งบอกว่ายังไม่มีตำแหน่งว่าง แต่อีกสามเดือนให้ผมลองติดต่อไปใหม่. ผมทำตามแล้วก็ได้งาน.”
พริมโรส คุณแม่ไร้คู่ในแอฟริกาใต้ ก็ทำแบบเดียวกัน. เธอบอกว่า “ตอนที่ดิฉันเข้าอบรมหลักสูตรปฐมพยาบาล ดิฉันเห็นที่ดินฝั่งตรงข้ามถนนกำลังมีการก่อสร้างตึกใหม่ และทราบว่าเขากำลังสร้างบ้านพักคนชรา. ดิฉันพยายามขอนัดหมายกับผู้จัดการบ้านพักคนชรานั้น. ในที่สุดเขาก็บอกดิฉันว่าในขณะนั้นยังไม่มีตำแหน่งงานว่าง. อย่างไรก็ตาม ดิฉันติดต่อกลับไปเรื่อย ๆ เพื่อดูว่าดิฉันจะทำงานที่นั่นได้ไหม แม้ว่าจะเป็นแค่อาสาสมัครก็ตาม. ในที่สุด ดิฉันก็ได้เป็นลูกจ้างชั่วคราว. ดิฉันเต็มใจทำงานทุกอย่างที่มีการมอบหมายให้ดิฉันทำ. ผลก็คือ ดิฉันมีคุณสมบัติมากขึ้นและได้งานประจำที่บ้านพักแห่งนั้น.”
นอกจากนั้น คุณอาจขอเพื่อน, คนในครอบครัว, และคนอื่น ๆ ให้ช่วยคุณหางานในตลาดงานที่ไม่ได้ลงโฆษณา. ยาโคบุส เจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานซึ่งอยู่ที่แอฟริกาใต้ หางานได้ด้วยวิธีนี้. เขาเล่าว่า “เมื่อบริษัทที่ผมทำงานอยู่ปิดกิจการ ผมก็บอกเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวให้รู้ว่าผมกำลังหางาน. วันหนึ่งเพื่อนผมบังเอิญได้ยินผู้หญิงสองคนคุยกันตอนที่เข้าแถวในซูเปอร์มาร์เกต. ผู้หญิงคนหนึ่งถามอีกคนว่ารู้จักใครที่กำลังหางานทำไหม. เพื่อนของผมเข้าไปขัดจังหวะและบอกเรื่องของผมให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง. มีการนัดหมายกันและผมก็ได้งาน.”
พร้อมที่จะปรับตัว
เพื่อจะมีโอกาสได้งานเพิ่มขึ้น คุณต้องพร้อมที่จะปรับตัว. ไคเม ซึ่งเรากล่าวถึงในบทความที่แล้ว ให้ข้อสังเกตว่า “คงเป็นเรื่องยากที่คุณจะได้งานตามที่คุณหวังไว้ทุกอย่าง. คุณต้องเรียนที่จะพอใจกับงานนั้น แม้งานนั้นจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคาดหวังไว้.”
การปรับตัวอาจหมายถึงการเลิกรังเกียจงานบางชนิด. ขอพิจารณากรณีของเอริกา ซึ่งอยู่ในเม็กซิโก. เธอเคยรับการฝึกอบรมเป็นเลขาธิการฝ่ายบริหาร แต่ในตอนแรกเธอหางานอย่างที่เธอชอบไม่ได้. เธอ
บอกว่า “ดิฉันเรียนรู้ที่จะยอมทำงานใด ๆ ก็ตามที่พอทำได้. ดิฉันทำงานเป็นผู้ช่วยพนักงานขายอยู่พักหนึ่ง. ดิฉันยังเคยขายทาโก (อาหารชนิดหนึ่ง) ตามข้างถนนและทำงานทำความสะอาดบ้าน. ในที่สุด ดิฉันก็สามารถหางานที่ดิฉันถนัดได้.”เมื่อแมรี ซึ่งเรากล่าวถึงในบทความที่แล้ว ถูกปลดออกจากการเป็นเสมียน เธอก็เห็นว่าเธอจำเป็นต้องปรับตัวด้วย. เธออธิบายว่า “ดิฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องหางานแบบเดิมให้ได้. ดิฉันเสาะหางานทุกอย่างที่ดิฉันได้ยินว่าว่างอยู่ แม้ว่าจะเป็นงานที่บางคนอาจดูถูก. ผลก็คือ ดิฉันสามารถหางานเพื่อเลี้ยงดูลูกทั้งสองของดิฉันได้.”
เขียนประวัติย่ออย่างดี
สำหรับคนที่กำลังสมัครงานในตำแหน่งผู้บริหาร การเขียนประวัติย่อ (résumé) ที่มีลักษณะเป็นมืออาชีพและส่งไปยังบริษัทต่าง ๆ นับว่าจำเป็นมาก. แต่ไม่ว่าคุณจะหางานประเภทใด ประวัติย่อที่เตรียมอย่างดีก็อาจมีประโยชน์มาก. ไนเจลซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการจ้างงานในออสเตรเลียกล่าวว่า “ประวัติย่อไม่เพียงบอกผู้ที่อาจเป็นนายจ้างของคุณว่าคุณคือใคร แต่ยังบอกด้วยว่าคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาแล้วบ้าง และทำไมพวกเขาจึงต้องการคุณ.”
คุณจะเขียนประวัติย่ออย่างไร? ให้บอกชื่อนามสกุล, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, และที่อยู่อีเมล. บอกจุดประสงค์ของคุณ. บอกวุฒิการศึกษาของคุณ เน้นการฝึกอบรมและความชำนาญซึ่งเกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณกำลังต้องการ. บอกรายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานที่คุณเคยทำมาแล้ว. อย่าเพียงแต่บอกว่าคุณเคยทำงานอะไรเท่านั้น แต่ให้ยกตัวอย่างว่าคุณประสบความสำเร็จอะไรมาบ้างและคุณทำประโยชน์อะไรให้กับนายจ้างคนก่อนของคุณบ้าง. นอกจากนั้น ให้เน้นว่างานที่คุณเคยทำมีแง่มุมอะไรที่
ทำให้คุณมีคุณสมบัติจะทำงานในตำแหน่งที่คุณต้องการ. ให้รวมเอาข้อมูลส่วนตัวเช่น คุณลักษณะ, ความสนใจ, และงานอดิเรกของคุณ. เนื่องจากบริษัทแต่ละแห่งมีความต้องการไม่เหมือนกัน คุณอาจต้องปรับประวัติย่อสำหรับการสมัครงานแต่ละครั้ง.คุณควรทำประวัติย่อไหมถ้าคุณกำลังสมัครงานเป็นครั้งแรก? ใช่แล้ว! คุณอาจเคยทำอะไรหลายอย่างที่จัดได้ว่าเป็นประสบการณ์ในการทำงาน. เพื่อเป็นตัวอย่าง คุณมีงานอดิเรกไหม อย่างเช่น งานช่างไม้หรืออาจเป็นการซ่อมรถเก่า? คุณอาจเขียนบอกเรื่องเหล่านี้ได้. คุณเคยทำงานอาสาสมัครใด ๆ ไหม? ให้บอกว่าคุณเคยทำงานอาสาสมัครประเภทใดบ้างและคุณมีผลงานอะไรบ้าง.—ดูกรอบ “ตัวอย่างประวัติย่อของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน.”
ถ้าผู้ที่อาจเป็นนายจ้างไม่ได้เรียกคุณไปสัมภาษณ์ ก็ให้คุณฝากบัตรเล็ก ๆ ไว้—ขนาดที่เหมาะคือกว้าง 10 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตร—โดยเขียนชื่อ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, และที่อยู่อีเมล รวมทั้งบอกความชำนาญและสิ่งที่คุณเคยทำสำเร็จมาแล้วอย่างย่อ ๆ. ถ้าเหมาะสม คุณอาจติดรูปถ่ายของคุณหรือรูปที่คุณถ่ายกับครอบครัวไว้ข้างหลังบัตรนั้นก็ได้. แจกบัตรแบบนี้แก่ทุกคนที่อาจช่วยคุณหางาน ขอให้พวกเขาเอาบัตรนี้ไปให้คนที่พวกเขารู้จักซึ่งมีงานชนิดที่คุณกำลังหาอยู่. เมื่อผู้ที่อาจเป็นนายจ้างเห็นบัตรนี้แล้ว เขาอาจเรียกคุณเข้าไปสัมภาษณ์ซึ่งทำให้คุณได้งานในที่สุด!
การทำประวัติย่อจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่งขณะที่คุณหางานทำ. ไนเจล ซึ่งกล่าวถึงข้างต้น กล่าวว่า “การเขียนประวัติย่อช่วยให้คุณจัดระเบียบความคิดและเป้าหมายของตัวเอง. การทำอย่างนี้ยังช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้น โดยช่วยให้คุณพร้อมที่จะตอบคำถามที่อาจมีการถามคุณระหว่างการสัมภาษณ์.”—ดูกรอบหน้า 7.
เตรียมตัวให้ดีสำหรับการสัมภาษณ์
คุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์? คุณอาจต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับบริษัทที่คุณอยากจะเข้าไปทำงาน. ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับบริษัทนั้นมากเท่าใด คุณก็ยิ่งจะสร้างความประทับใจระหว่างการสัมภาษณ์ได้มากขึ้น. นอกจากนี้การหาข้อมูลจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าบริษัทนั้นมีงานประเภทที่คุณต้องการหรือเป็นบริษัทที่คุณอยากจะร่วมงานด้วยหรือไม่.
ต่อจากนั้น ให้คิดว่าคุณจะใส่ชุดอะไรเมื่อมีการเรียกคุณไปสัมภาษณ์งาน. ถ้างานที่คุณต้องการเป็นงานใช้แรงกาย ก็ให้สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดูสะอาดเรียบร้อย. การแต่งกายอย่างเรียบร้อยทำให้ผู้ที่อาจเป็นนายจ้างรู้ว่าคุณภูมิใจในตัวเองและคงจะภูมิใจในงานที่คุณทำ. ถ้าคุณกำลังหางานในสำนักงาน ก็ให้เลือกชุดสำหรับทำงานในสำนักงานที่ถือว่าเหมาะกับท้องถิ่นที่คุณอยู่. ไนเจลกล่าวว่า “ควรเลือกเสื้อผ้าแต่เนิ่น ๆ ก่อนถึงวันสัมภาษณ์ เพื่อคุณจะไม่ต้องรู้สึกรีบเร่งและทำให้มีความเครียดเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นก่อนที่จะมีการสัมภาษณ์.”
ไนเจลยังแนะนำให้ไปถึงสถานที่สัมภาษณ์ก่อนเวลาประมาณ 15 นาที. แน่นอน การไปถึงก่อนเวลามากเกินไปก็ไม่ดี. แต่การไปสายอาจมีผลเสียอย่างมาก. ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สามวินาทีแรกของการสัมภาษณ์เป็นช่วงที่สำคัญจริง ๆ. ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น ผู้สัมภาษณ์จะประเมินการแต่งกายและกิริยาท่าทางของคุณซึ่งจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเขาเกี่ยวกับตัวคุณเป็นอย่างมาก. ถ้าคุณไปสาย คุณจะสร้างความรู้สึกในแง่ลบเกี่ยวกับตัวคุณมากทีเดียว. จงจำไว้ว่า ความประทับใจครั้งแรกนั้นสำคัญทีเดียว และคุณไม่มีโอกาสจะแก้ตัวใหม่ได้.
จำไว้ด้วยว่า ผู้ที่สัมภาษณ์คุณไม่ใช่ศัตรู. เขาเองก็คงเคยสมัครงานมาแล้วเหมือนกัน ดังนั้น เขารู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร. ที่จริง เขาอาจประหม่าด้วย เนื่องจากเขาอาจไม่ได้รับหรือแทบไม่ได้รับการฝึกอบรมว่าจะทำการสัมภาษณ์อย่างไร. นอกจากนั้น ถ้าผู้สัมภาษณ์เป็นนายจ้าง เขาเองก็เป็นคนที่ได้รับความเสียหายมากถ้าเขาเลือกคนผิดมาทำงาน.
เพื่อจะเริ่มต้นอย่างดี ให้ยิ้มและจับมือผู้สัมภาษณ์ให้มั่น ถ้าในประเทศของคุณมีธรรมเนียมจับมือทักทายกัน. ในระหว่างการสัมภาษณ์ ให้จดจ่อกับเรื่องที่ว่านายจ้างต้องการอะไรจากคุณ และคุณจะให้อะไรเขาได้บ้าง. สำหรับสิ่งที่ไม่ควรทำนั้น ไนเจลกล่าวว่า “อย่านั่งหลุกหลิกหรือนั่งหลังโกง เพราะท่าทางที่สง่าผ่าเผยทำให้คนอื่นรู้ว่าคุณมีความมั่นใจในตัวเอง. อย่าพูดแบบเป็นกันเองเกินไปหรือพูดมากเกินไป และต้องไม่ใช้คำหยาบโดยเด็ดขาด. นอกจากนั้น อย่าพูดในแง่ลบเกี่ยวกับนายจ้างเก่าหรือเพื่อนร่วมงานเก่า—ถ้าคุณพูดอย่างนั้น ผู้สัมภาษณ์จะรู้สึกว่าคุณคงจะมีทัศนะในแง่ลบต่องานใหม่ของคุณเช่นกัน.”
ในเรื่องสิ่งที่ควรทำและพูดระหว่างการเข้าสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำไว้ดังนี้: ให้สบตาผู้สัมภาษณ์, ออกท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อคุณพูด, และพูดชัด ๆ. เมื่อตอบคำถาม จงตอบแบบรวบรัดและซื่อตรง และให้ถามเรื่องเกี่ยวกับบริษัทและงานที่คุณอาจจะได้ทำ. เมื่อการสัมภาษณ์จบแล้ว ถ้าคุณยังต้องการงานนั้นอยู่ ควรขอให้เขารับคุณเข้าทำงานนั้น. การทำอย่างนั้นจะแสดงให้เห็นว่าคุณอยากได้งานนั้นจริง ๆ.
โดยการทำตามคำแนะนำที่กล่าวมาคร่าว ๆ ข้างต้น คุณอาจหางานได้ในไม่ช้า. ถ้าคุณหางานได้แล้ว คุณจะทำอย่างไรไม่ให้ตกงาน?
[กรอบ/ภาพหน้า 6]
ตัวอย่างประวัติย่อของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน
ชื่อของคุณ:
ที่อยู่ของคุณ:
หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมลของคุณ:
จุดประสงค์: เพื่อสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งเริ่มต้นของฝ่ายการผลิต.
การศึกษา: ปวช. แผนกช่างไฟฟ้า จากวิทยาลัยอาชีวะ ปี 2004.
วิชา: ช่างไฟฟ้า, ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, คอมพิวเตอร์, ช่างไม้.
ความสามารถและความถนัด: ถนัดงานช่าง. เคยรับจ้างเดินสายไฟตามบ้าน. ซ่อมบำรุงรถยนต์ของครอบครัวเป็นประจำ. เคยทำโต๊ะและเก้าอี้ไม้เพื่อใช้ในบ้าน. ถนัดคำนวณเลขเมื่อทำเฟอร์นิเจอร์. เคยปูกระเบื้องหลังคาในโครงการก่อสร้างของอาสาสมัคร. ใช้คอมพิวเตอร์ได้และชอบเรียนโปรแกรมใหม่ ๆ.
ข้อมูลส่วนตัว: เป็นคนไว้ใจได้—ขาดเรียนแค่ 2 วันเมื่อเรียนปีสุดท้าย. ซื่อสัตย์—เคยนำกระเป๋าสตางค์ที่เก็บได้ไปคืนเจ้าของ. มีน้ำใจ—ช่วยงานอาสาสมัครในชุมชนเป็นประจำ และชอบช่วยเหลือผู้สูงอายุ. เป็นนักกีฬา—ชอบเล่นบาสเกตบอลมาก. งานอดิเรก—ชอบซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ซ่อมรถและทำงานช่างไม้.
บุคคลที่รับรองได้: มีชื่อและที่อยู่ที่ติดต่อได้หากต้องการ. *
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 41 บุคคลที่รับรองได้อาจเป็นคุณครูที่โรงเรียนซึ่งรู้จักคุณดีหรือคนที่ทำธุรกิจซึ่งเป็นเพื่อนกับคนในครอบครัวคุณ. ถ้าคุณบอกว่าคุณพร้อมจะให้ชื่อและที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้หากผู้สัมภาษณ์ต้องการ คุณก็จะรู้ล่วงหน้าได้ว่าเขาเริ่มสนใจจะจ้างคุณหรือไม่. อย่าลืมขออนุญาตก่อนที่คุณจะอ้างถึงใครคนใดคนหนึ่ง.
[กรอบ/ภาพหน้า 7]
คำถามที่อาจมีการถามระหว่างการสัมภาษณ์
❑ ทำไมคุณสมัครทำงานในตำแหน่งนี้?
❑ ทำไมคุณต้องการมาทำงานกับบริษัทนี้?
❑ คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับงาน/บริษัท/ธุรกิจนี้?
❑ คุณเคยทำงานประเภทนี้มาก่อนไหม?
❑ คุณใช้เครื่องจักรชนิดใดได้บ้าง?
❑ คุณมีประสบการณ์อะไรบ้างเกี่ยวกับงานด้านนี้?
❑ คุณมีความสามารถหรือทักษะอะไรบ้างที่จะใช้กับงานนี้ได้?
❑ ขอช่วยเล่าประวัติของคุณให้ฟังหน่อย.
❑ ถ้าจะให้บอกว่าคุณเป็นคนอย่างไรโดยใช้เพียงห้าคำ คุณคิดว่าคำไหนบ้างที่เหมาะกับตัวคุณที่สุด?
❑ คุณทำงานภายใต้ความกดดันได้ไหม?
❑ ทำไมคุณออกจากที่ทำงานเก่า?
❑ ทำไมคุณจึงว่างงานมานานขนาดนี้?
❑ นายจ้างคนก่อนคิดว่าคุณเป็นคนอย่างไร?
❑ คุณขาดงานบ่อยแค่ไหนในงานที่คุณทำล่าสุด?
❑ คุณวางแผนจะทำอะไรต่อไปในอนาคต?
❑ คุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร?
❑ คุณสมบัติที่ดีที่สุดของคุณคืออะไร?
[กรอบ/ภาพหน้า 9]
ควรใช้บริการหางานทางอินเทอร์เน็ตไหม?
เว็บไซต์หางานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐมีประวัติย่อ 17 ล้านฉบับที่ลงไว้ให้ผู้ที่ต้องการรับคนงานเข้าไปดูได้ และมีงาน 800,000 ตำแหน่งที่ให้คนว่างงานพิจารณา. การสำรวจบ่งชี้ว่า ในบางประเทศมีคนถึง 96 เปอร์เซ็นต์หางานทางอินเทอร์เน็ต. อย่างไรก็ตาม การวิจัยของนักวิชาการจาก 40 ประเทศแสดงว่า ในจำนวนคนหางานทั้งหมดนี้ มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้งานจากอินเทอร์เน็ต.
การลงประวัติย่อส่วนตัวในอินเทอร์เน็ตทำให้มีคนจำนวนมากขึ้นซึ่งอาจกำลังต้องการคนงานรู้ว่าคุณกำลังหางาน แต่ก็มีข้อควรระวัง. การทำอย่างนี้ยังทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นที่จะกลายเป็นเหยื่อของพวกนักต้มตุ๋นด้วย. เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอก ผู้เชี่ยวชาญจึงให้คำแนะนำต่อไปนี้:
1. อ่านนโยบายการรักษาความลับ (privacy policy) ของเว็บไซต์นั้นก่อนที่คุณจะส่งประวัติของคุณไป. เว็บไซต์บางแห่งขายข้อมูลส่วนตัวของคุณให้บริษัทที่ขายสินค้าหรือบริษัทอื่น ๆ ที่สนใจ.
2. ลงประวัติส่วนตัวของคุณในเว็บไซต์หางานที่มีชื่อเสียงดีเพียงไม่กี่แห่ง. เป็นเรื่องสำคัญด้วยที่จะป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณเพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้อย่างผิด ๆ. ประวัติย่อของคุณไม่ควรมีข้อมูลที่พวกขโมยสามารถใช้แอบอ้างเป็นคุณได้และทำให้คุณมีปัญหาทางการเงินไม่จบสิ้น. คนที่เป็นนายจ้างจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องรู้หมายเลขบัญชีธนาคาร, หมายเลขบัตรเครดิต, หรือวันเกิดที่แน่นอนของคุณ.
3. ระวังการเสนองานแบบคลุมเครือ. แพม ดิกซัน นักวิจัยของคณะกรรมการเก็บความลับส่วนบุคคลแห่งโลกกล่าวว่า ยิ่งคำโฆษณางานนั้นพูดกว้างมากเท่าไร ก็มีโอกาสเป็นการหลอกลวงมากขึ้นเท่านั้น. เธอกล่าวว่า “คำพูดคลุมเครือเช่น ‘เรามีงานเป็นพัน ๆ อัตรา’ หรือ ‘เราทำงานร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่’ ก็เป็นสัญญาณอันตราย. การขอให้ส่งประวัติย่อของคุณไปใหม่ก็อาจเป็นสัญญาณอันตรายด้วย.”
จำไว้ว่า แม้แต่เว็บไซต์หางานที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ไม่อาจควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประวัติย่อของคุณได้หลังจากผู้ที่อาจเป็นนายจ้างหรือบริษัทอื่น ๆ ที่แสดงความสนใจดาวน์โหลดข้อมูลนั้นไปแล้ว.
[แผนภูมิ/ภาพหน้า 5]
ได้งานทำ
เตรียมตัวให้ดีสำหรับการสัมภาษณ์
เขียนประวัติย่ออย่างดี
พร้อมที่จะปรับตัว
เข้าถึงตลาดงานที่ไม่มีการโฆษณา
มีระเบียบ
[ภาพหน้า 7]
การหางานให้ได้นั้นต้องอาศัยความเพียรพยายามและการค้นคว้าเป็นอย่างดี
[ภาพหน้า 8]
ท่าทางที่เอาการเอางานจะช่วยคุณในการสัมภาษณ์