ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราสามารถเรียนรู้จากมนุษย์คู่แรก

เราสามารถเรียนรู้จากมนุษย์คู่แรก

เรา​สามารถ​เรียน​รู้​จาก​มนุษย์​คู่​แรก

พระเจ้า​ได้​ทรง​ตรวจตรา​พิภพ​ดาว​เคราะห์​ดวง​นี้. พระองค์​กำลัง​จัด​เตรียม​พิภพ​ให้​เป็น​ที่​อยู่​อาศัย​ของ​มนุษย์. พระองค์​ทอด​พระ​เนตร​ทุก​สิ่ง​ที่​พระองค์​ได้​สร้าง​ขึ้น​ล้วน​ดี​ทั้ง​นั้น. อัน​ที่​จริง เมื่อ​เสร็จ​งาน​สร้าง​สรรค์​เหล่า​นั้น​แล้ว พระองค์​ทรง​แถลง​ว่า “ดี​นัก.” (เยเนซิศ 1:12, 18, 21, 25, 31) อย่าง​ไร​ก็​ตาม ก่อน​เสร็จ​สมบูรณ์ พระเจ้า​ได้​ตรัส​ว่า​บาง​อย่าง “ไม่​ดี.” แน่​ละ พระเจ้า​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​ขาด​ตก​บกพร่อง แต่​ที่​ตรัส​เช่น​นั้น​เป็น​เพียง​เพราะ​การ​สร้าง​ของ​พระองค์​ยัง​ไม่​เสร็จ​สมบูรณ์. พระ​ยะโฮวา​ตรัส​ว่า “ไม่​ดี​ที่​มนุษย์​จะ​อยู่​ลำพัง​ต่อ ๆ ไป. เรา​จะ​สร้าง​ผู้​ช่วย​สำหรับ​เขา เป็น​คู่​เคียง​ของ​เขา.”—เยเนซิศ 2:18, ล.ม.

พระทัย​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​คือ​ให้​มนุษยชาติ​มี​ชีวิต​นิรันดร์​พร้อม​ด้วย​สุขภาพ​พลานามัย​ที่​ดี, มี​ความ​สุข, และ​มี​ความ​อุดม​บริบูรณ์​บน​แผ่นดิน​โลก​ที่​เป็น​อุทยาน. บิดา​แห่ง​มวล​มนุษย์​คือ​อาดาม. ฮาวา​ภรรยา​ของ​เขา​เป็น “มารดา​ของ​บรรดา​ชน​ที่​มี​ชีวิต.” (เยเนซิศ 3:20) แม้​เวลา​นี้​แผ่นดิน​โลก​เนืองแน่น​ไป​ด้วย​บุตร​หลาน​หลาย​พัน​ล้าน​คน​ของ​เขา แต่​ก็​ไม่​ใช่​มนุษย์​สมบูรณ์.

เรื่อง​ของ​อาดาม​และ​ฮาวา​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ทั่ว​ไป. ทว่า เรื่อง​ราว​ของ​เขา​เป็น​ประโยชน์​แก่​เรา​ใน​ทาง​ใด? เรา​จะ​เรียน​อะไร​ได้​จาก​ประสบการณ์​ของ​มนุษย์​คู่​แรก?

‘พระเจ้า​ได้​ทรง​สร้าง​ให้​เป็น​ชาย​และ​หญิง’

เมื่อ​อาดาม​ตั้ง​ชื่อ​สัตว์​ต่าง ๆ อยู่​นั้น เขา​เห็น​สัตว์​เหล่า​นั้น​อยู่​เป็น​คู่ ๆ ส่วน​ตัว​เขา​เอง​กลับ​ไม่​มี​คู่. ดัง​นั้น เมื่อ​มอง​เห็น​มนุษย์​ร่าง​สวย​สะคราญ​ซึ่ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ปั้น​แต่ง​จาก​กระดูก​ซี่​โครง​ของ​เขา เขา​รู้สึก​ปลาบปลื้ม. เมื่อ​ตระหนัก​ว่า​นาง​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​เขา มี​ลักษณะ​เด่น​ไม่​มี​ใด​เหมือน อาดาม​จึง​ได้​เปล่ง​เสียง​ร้อง​ว่า “นี่​เป็น​กระดูก​แท้​และ​เนื้อ​แท้​ของ​เรา. จะ​ต้อง​เรียก​ว่า​หญิง, เพราะ​หญิง​นี้​ออก​มา​จาก​ชาย.”—เยเนซิศ 2:18-23.

ชาย​ผู้​นี้​จำ​ต้อง​มี “ผู้​ช่วย.” บัด​นี้​เขา​ได้​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เหมาะ​มาก. ฮาวา​เหมาะ​สม​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​เป็น​คู่​เคียง​ของ​อาดาม—ใน​การ​ดู​แล​บ้าน​ที่​เป็น​สวน​อัน​อุดม​และ​สัตว์​ต่าง ๆ, ให้​กำเนิด​บุตร, และ​ให้​การ​กระตุ้น​แบบ​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา​และ​การ​สนับสนุน​แบบ​เพื่อน​จริง ๆ.—เยเนซิศ 1:26-30.

พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​จัด​เตรียม​ให้​มนุษย์​คู่​แรก​มี​ทุก​สิ่ง​ตาม​ความ​ปรารถนา​ที่​สม​เหตุ​ผล. โดย​การ​มอบ​ฮาวา​แก่​สามี​ของ​นาง​ซึ่ง​ถือ​ว่า​ทรง​เห็น​ชอบ​กับ​การ​อยู่​ร่วม​กัน​ของ​คน​ทั้ง​สอง พระเจ้า​ได้​ตั้ง​สถาบัน​การ​สมรส​และ​ครอบครัว​ขึ้น​มา ซึ่ง​เป็น​จุด​เริ่ม​ต้น​ของ​สังคม. บันทึก​ใน​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​แจ้ง​ดัง​นี้: “ผู้​ชาย​จึง​จะ​ละ​บิดา​มารดา​ของ​ตน​ไป​ผูก​พัน​อยู่​กับ​ภรรยา: และ​เขา​ทั้ง​สอง​จะ​เป็น​เนื้อหนัง​อัน​เดียว​กัน.” และ​เมื่อ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​อวย​พร​คู่​สมรส​คู่​แรก​และ​บัญชา​ให้​บังเกิด​บุตร​ทวี​มาก​ขึ้น พระองค์​ทรง​มุ่ง​หมาย​ไว้​ชัดเจน​ว่า เด็ก​ทุก​คน​จะ​เกิด​มา​ใน​ครอบครัว​ที่​เอื้อ​อาทร​กัน มี​บิดา​และ​มารดา​คอย​ดู​แล.—เยเนซิศ 1:28; 2:24.

“ตาม​แบบ​พระ​ฉาย​ของ​พระเจ้า”

อาดาม​เป็น​บุตร​ที่​สมบูรณ์​พร้อม​ของ​พระเจ้า ถูก​สร้าง​ตาม ‘แบบ​พระ​ฉาย​และ​คล้าย​กัน’ กับ​พระองค์. แต่​เนื่อง​จาก “พระเจ้า​ทรง​เป็น​องค์​วิญญาณ” ความ​คล้าย​กัน​จึง​ไม่​ใช่​ด้าน​ร่าง​กาย. (เยเนซิศ 1:26; โยฮัน 4:24, ล.ม.) ความ​คล้าย​กัน​นี้​เป็น​ใน​ด้าน​คุณลักษณะ​ต่าง ๆ ซึ่ง​ทำ​ให้​มนุษย์​เหนือ​กว่า​สัตว์​เดรัจฉาน. ใช่​แล้ว คุณลักษณะ​ต่าง ๆ ที่​ใส่​ไว้​ใน​ตัว​มนุษย์​แต่​แรก​นั้น​ได้​แก่​ความ​รัก, สติ​ปัญญา, อำนาจ, และ​ความ​ยุติธรรม. พระเจ้า​โปรด​ให้​เขา​มี​เจตจำนง​เสรี​และ​ความ​สามารถ​หยั่ง​รู้​เข้าใจ​ใน​เรื่อง​ฝ่าย​วิญญาณ. ความ​สำนึก​ใน​ด้าน​ศีลธรรม​หรือ​มโนธรรม​ซึ่ง​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​นั้น​ทำ​ให้​เขา​สามารถ​แยกแยะ​ได้​ว่า​ไหน​ถูก​ไหน​ผิด. มนุษย์​มี​ความ​สามารถ​ทาง​ปัญญา ทำ​ให้​เขา​สามารถ​ไตร่ตรอง​ใน​เรื่อง​เหตุ​ผล​ที่​มนุษย์​ดำรง​อยู่, สามารถ​เพิ่ม​พูน​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​ตน, และ​สามารถ​พัฒนา​ความ​สัมพันธ์​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์​ผู้​นั้น. โดย​ที่​อาดาม​ถูก​เตรียม​ไว้​พร้อม​เช่น​นี้ เขา​จึง​มี​ทุก​สิ่ง​ที่​จำเป็น​ต่อ​การ​ทำ​หน้า​ที่​ของ​ตน​ให้​สำเร็จ​ฐานะ​เป็น​ผู้​บริหาร​ดู​แล​สรรพสิ่ง​ทาง​แผ่นดิน​โลก​ที่​สร้าง​โดย​ฝี​พระ​หัตถ์​ของ​พระเจ้า.

ฮาวา​ละเมิด​คำ​สั่ง

ไม่​ต้อง​สงสัย อาดาม​คง​ได้​บอก​ฮาวา​ทันที​เกี่ยว​ด้วย​ข้อ​ห้าม​ที่​พระ​ยะโฮวา​กำหนด​ขึ้น: คน​ทั้ง​สอง​จะ​กิน​ผลไม้​ได้​จาก​ทุก​ต้น​ใน​สวน​อัน​เป็น​บ้าน​ของ​เขา ยก​เว้น​ต้น​เดียว—ต้น​ไม้​ที่​ให้​รู้​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว. เขา​ต้อง​ไม่​กิน​จาก​ต้น​นั้น. ถ้า​เขา​กิน​วัน​ใด เขา​จะ​ตาย​วัน​นั้น.—เยเนซิศ 2:16, 17.

มิ​ช้า​มิ​นาน ก็​ได้​มี​การ​ยก​ประเด็น​หนึ่ง​ขึ้น​มา​เกี่ยว​กับ​ผลไม้​ต้อง​ห้าม​นั้น. งู​ตัว​หนึ่ง​เข้า​มา​พูด​กับ​นาง​ฮาวา มัน​เป็น​กระบอก​เสียง​แทน​วิญญาณ​ตน​หนึ่ง​ที่​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา. ด้วย​ท่าที​ซึ่ง​ดู​เหมือน​ไม่​มี​พิษ​มี​ภัย​อะไร งู​ถาม​ว่า “จริง​หรือ​ที่​พระเจ้า​ตรัส​ห้าม​ว่า, ‘เจ้า​อย่า​กิน​ผลไม้​ทุก​อย่าง​ใน​สวน​นี้’?” ฮาวา​ตอบ​ว่า ผลไม้​จาก​ทุก​ต้น​ใน​สวน​นี้​พระเจ้า​อนุญาต​ให้​กิน​ได้ เว้น​แต่​ต้น​เดียว​เท่า​นั้น. แต่​แล้ว​งู​ก็​พูด​แย้ง​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ตรัส โดย​บอก​หญิง​นั้น​ว่า “เจ้า​จะ​ไม่​ตาย​จริง​ดอก. เพราะ​พระเจ้า​ทรง​ทราบ​อยู่​ว่า, เจ้า​กิน​ผลไม้​นั้น​เข้า​ไป​วัน​ใด, ตา​ของ​เจ้า​จะ​สว่าง​ขึ้น​ใน​วัน​นั้น; แล้ว​เจ้า​จะ​เป็น​เหมือน​พระ, จะ​รู้​จัก​ความ​ดี​และ​ชั่ว.” หญิง​นั้น​เริ่ม​มอง​ต้น​ไม้​ต้อง​ห้าม​นั้น​ด้วย​ทัศนะ​ที่​ต่าง​ออก​ไป. “ผลไม้​ต้น​นั้น​น่า​กิน​และ​งาม​ด้วย.” ฮาวา​ถูก​หลอก​ลวง​โดย​สิ้นเชิง​และ​ได้​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า.—เยเนซิศ 3:1-6; 1 ติโมเธียว 2:14.

บาป​ของ​ฮาวา​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​อาจ​จะ​หลีก​เลี่ยง​ไหม? ไม่​ใช่​เช่น​นั้น! ลอง​นึก​ภาพ​ตัว​คุณ​เอง​เป็น​ฮาวา. คำ​กล่าว​อ้าง​ของ​งู​บิดเบือน​คำ​ตรัส​ของ​พระเจ้า​และ​สิ่ง​ที่​อาดาม​บอก​นาง​อย่าง​สิ้นเชิง. คุณ​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร​ถ้า​คน​แปลก​หน้า​กล่าวหา​บุคคล​ที่คุณ​รัก​และ​ไว้​ใจ​ว่า​เป็น​คน​ไม่​ซื่อ​สัตย์? ฮาวา​น่า​จะ​แสดง​ปฏิกิริยา​ที่​ต่าง​ออก​ไป, แสดง​ความ​รังเกียจ​และ​โกรธ, กระทั่ง​ไม่​รับ​ฟัง​ด้วย​ซ้ำ. ว่า​ไป​แล้ว งู​นั้น​เป็น​ใคร​ล่ะ​ที่​จะ​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระเจ้า​และ​คำ​พูด​ของ​สามี​นาง? ด้วย​ความ​นับถือ​ต่อ​หลักการ​ว่า​ด้วย​ความ​เป็น​ประมุข ฮาวา​ควร​ขอ​คำ​แนะ​นำ​ก่อน​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ​ใน​เรื่อง​ใด ๆ. พวก​เรา​ก็​ควร​จะ​ทำ​เช่น​เดียว​กัน​นั้น​หาก​มี​การ​เสนอ​ข้อมูล​แก่​เรา​ซึ่ง​ขัด​ต่อ​คำ​สั่ง​ที่​พระเจ้า​ให้​ไว้. กระนั้น ฮาวา​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​เจ้า​ตัว​ล่อ​ลวง​นั้น นาง​ปรารถนา​จะ​ตัดสิน​เอา​เอง​ว่า​อะไร​ดี​อะไร​ชั่ว. ยิ่ง​นาง​หมกมุ่น​ครุ่น​คิด สิ่ง​นั้น​ก็​ยิ่ง​ดึงดูด​ใจ​นาง​มาก​ขึ้น. นาง​ได้​ทำ​ผิด​พลาด​อะไร​เช่น​นั้น​โดย​ฝัง​ใจ​อยู่​กับ​ความ​ปรารถนา​ผิด ๆ แทน​ที่​จะ​สลัด​ความ​คิด​นั้น​ออก​ไป หรือ​หารือ​เรื่อง​นั้น​กับ​ประมุข​ครอบครัว!—1 โกรินโธ 11:3; ยาโกโบ 1:14, 15.

อาดาม​ฟัง​เสียง​ภรรยา

ใน​ไม่​ช้า​ฮาวา​ก็​ชักจูง​อาดาม​ให้​ร่วม​ทำ​บาป. เรา​จะ​อธิบาย​อย่าง​ไร​ถึง​ความ​ไม่​เข้มแข็ง​ของ​อาดาม​ที่​ยอม​ทำ​ตาม? (เยเนซิศ 3:6, 17) อาดาม​เผชิญ​การ​ต่อ​สู้​ใน​จิตใจ​เกี่ยว​กับ​ความ​ภักดี. เขา​จะ​เชื่อ​ฟัง​พระ​ผู้​สร้าง​ไหม ผู้​ได้​ประทาน​สิ่ง​สารพัด​แก่​เขา​รวม​ทั้ง​ฮาวา​คู่​ครอง​ซึ่ง​เป็น​ที่​รัก​ของ​เขา​ด้วย? ตอน​นี้​อาดาม​จะ​แสวง​หา​การ​ชี้​นำ​จาก​พระเจ้า​ไหม​เพื่อ​จะ​รู้​ว่า​เขา​ควร​ทำ​อย่าง​ไร? หรือ​ว่า​ชาย​ผู้​นี้​จะ​ตก​ลง​ใจ​ทำ​บาป​ร่วม​กับ​ภรรยา? อาดาม​รู้​ดี​ว่า​สิ่ง​ที่​นาง​หวัง​จะ​ได้​จาก​การ​กิน​ผลไม้​ต้อง​ห้าม​นั้น​เป็น​แค่​ความ​เพ้อ​ฝัน. อัครสาวก​เปาโล​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​ให้​เขียน​ดัง​นี้: “อาดาม​ไม่​ได้​ถูก​หลอก​ลวง, แต่​ผู้​หญิง​นั้น​ได้​ถูก​หลอก​ลวง​จึง​หลง​ผิด​ไป.” (1 ติโมเธียว 2:14) ฉะนั้น อาดาม​จงใจ​ขัด​ขืน​พระ​ยะโฮวา. ความ​กลัว​ว่า​จะ​ต้อง​พราก​จาก​ภรรยา​ของ​ตัว​ดู​เหมือน​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​ความ​วางใจ​ใน​พระ​ปรีชา​สามารถ​ของ​พระเจ้า​ใน​การ​แก้ไข​สถานการณ์.

การ​กระทำ​ของ​อาดาม​เป็น​การ​ฆ่า​ตัว​เอง. มิ​หนำ​ซ้ำ​ยัง​เท่า​กับ​ว่า​เขา​ฆ่า​ลูก​หลาน​ทั้ง​ปวง​ซึ่ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เมตตา​ยอม​ให้​เขา​เป็น​บิดา เพราะ​ลูก​หลาน​ทั้ง​สิ้น​เกิด​มา​ใน​ความ​บาป​ที่​ต้อง​ถูก​ปรับ​โทษ​ให้​ถึง​ตาย. (โรม 5:12) การ​ไม่​เชื่อ​ฟัง​ด้วย​ความ​เห็น​แก่​ตัว​ก่อ​ผล​เสียหาย​ใหญ่​หลวง​จริง ๆ!

ผล​อัน​เนื่อง​มา​แต่​บาป

ผล​กระทบ​ทันที​ของ​บาป​คือ​ความ​ละอายใจ. แทน​ที่​เขา​จะ​วิ่ง​เข้า​ไป​ทูล​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ความ​ยินดี คน​ทั้ง​สอง​กลับ​หลบ​ซ่อน​ตัว. (เยเนซิศ 3:8) มิตรภาพ​ระหว่าง​เขา​กับ​พระเจ้า​ขาด​สะบั้น. เมื่อ​พระเจ้า​ตรัส​ถาม​ถึง​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​ทำ​ลง​ไป ทั้ง​สอง​ไม่​ได้​แสดง​ความ​รู้สึก​เสียใจ ทั้ง ๆ ที่​ทั้ง​คู่​รู้​อยู่​ว่า​ตน​ได้​ละเมิด​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า. โดย​การ​กิน​ผลไม้​ต้อง​ห้าม เขา​จึง​ได้​ปฏิเสธ​คุณ​ความ​ดี​ของ​พระเจ้า.

ผล​ก็​คือ พระเจ้า​ทรง​ระบุ​ชัดเจน​ว่า​ความ​เจ็บ​ปวด​จะ​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​ใน​ยาม​คลอด​บุตร. ฮาวา​ใคร่​จะ​อยู่​กับ​สามี และ​เขา​จะ​มี​อำนาจ​เหนือ​นาง. ความ​พยายาม​ของ​นาง​ที่​จะ​ไขว่​คว้า​ความ​เป็น​อิสระ จึง​กลับ​ส่ง​ผล​ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม​ที​เดียว. ตอน​นี้ อาดาม​จะ​กิน​ผลิตผล​จาก​แผ่นดิน​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก. แทน​ที่​จะ​ได้​กิน​อย่าง​อิ่ม​หนำ​เป็น​ที่​น่า​พอ​ใจ​โดย​ไม่​ต้อง​ทำ​งาน​เหนื่อย​ยาก​ใน​สวน​เอเดน เขา​กลับ​ต้อง​ขวนขวาย​หา​ปัจจัย​ยัง​ชีพ จน​กว่า​เขา​จะ​กลับ​เป็น​ธุลี​ดัง​ที่​ตัว​เอง​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มา.—เยเนซิศ 3:16-19.

ใน​ที่​สุด อาดาม​กับ​ฮาวา​ก็​ถูก​ขับ​ให้​พ้น​จาก​สวน​เอเดน. พระ​ยะโฮวา​ตรัส​ว่า “ดู​เถิด มนุษย์​กลาย​เป็น​เช่น​ผู้​หนึ่ง​ใน​พวก​เรา​ใน​การ​ที่​รู้​จัก​ความ​ดี​และ​ชั่ว​แล้ว: บัด​นี้​เกรง​ว่า​เขา​จะ​ยื่น​มือ​หยิบ​ผลไม้​ที่​ให้​ชีวิต​เจริญ​กิน​เข้า​ไป​ทำ​ให้​อายุ​ยืน​อยู่​เป็น​นิตย์.” กอร์ดอน เวเนม ผู้​คง​แก่​เรียน​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ประโยค​นี้​จบ​ลง​ห้วน ๆ” และ​เรา​ต้อง​ต่อ​เติม​ความ​คิด​ส่วน​ที่​เหลือ​ของ​พระเจ้า​เอา​เอง​ซึ่ง​อาจ​สันนิษฐาน​ได้​ความ​ว่า “เรา​จัก​ต้อง​ขับ​ไล่​เขา​ออก​จาก​สวน.” โดย​ทั่ว​ไป ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​มัก​รายงาน​ความ​คิด​ครบ​ถ้วน​สมบูรณ์​ของ​พระเจ้า. แต่​ตอน​นี้ เวเนม​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “การ​ละ​ข้อ​สรุป​ไว้​ชวน​ให้​นึก​ถึง​ความ​ฉับ​ไว​ใน​การ​กระทำ​ของ​พระเจ้า. พระองค์​ตรัส​ยัง​ไม่​ทัน​ขาด​คำ พวก​เขา​ก็​ถูก​ไล่​ไป​อยู่​นอก​สวน​เสีย​แล้ว.” (เยเนซิศ 3:22, 23) เมื่อ​เป็น​เช่น​นั้น ดู​เหมือน​ว่า​การ​สื่อ​ความ​ทุก​อย่าง​ระหว่าง​พระ​ยะโฮวา​และ​มนุษย์​คู่​แรก​ก็​เป็น​อัน​สิ้น​สุด.

อาดาม​และ​ฮาวา​ไม่​ได้​ตาย​จริง ๆ ใน​วัน​นั้น​ที่​มี 24 ชั่วโมง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เขา​ตาย​ใน​แง่​ฝ่าย​วิญญาณ. โดย​การ​ตัด​ตัว​เอง​จาก​แหล่ง​ชีวิต​อย่าง​ไม่​มี​ทาง​เอา​กลับ​คืน​มา​ได้ พวก​เขา​จึง​เริ่ม​เสื่อม​ทรุด​สู่​ความ​ตาย. ลอง​นึก​ภาพ​ว่า​พวก​เขา​จะ​ต้อง​ปวด​ร้าว​เศร้า​เสียใจ​สัก​ปาน​ใด​คราว​ที่​เขา​ประสบ​พบ​เห็น​ความ​ตาย​เป็น​ครั้ง​แรก เมื่อ​เฮเบล​บุตร​ชาย​คน​รอง​ถูก​ฆ่า​โดย​คายิน​บุตร​ชาย​หัวปี​ของ​พวก​เขา!—เยเนซิศ 4:1-16.

หลัง​จาก​นั้น เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​มนุษย์​คู่​แรก​ก็​ไม่​ค่อย​เป็น​ที่​รู้​กัน. เซธ​บุตร​ชาย​คน​ที่​สาม​เกิด​เมื่อ​อาดาม​อายุ 130 ปี. อีก 800 ปี​ต่อ​มา อาดาม​ตาย​เมื่อ​อายุ​ได้ 930 ปี หลัง​จาก​ได้​ให้​กำเนิด “บุตร​ชาย​หญิง​หลาย​คน.”—เยเนซิศ 4:25; 5:3-5.

บทเรียน​สำหรับ​พวก​เรา

นอก​จาก​การ​เผย​ให้​ทราบ​สาเหตุ​ความ​เสื่อม​ทรุด​ของ​สังคม​มนุษย์​ใน​ปัจจุบัน เรื่อง​ราว​ของ​คู่​สมรส​แรก​เดิม​ยัง​สอน​บทเรียน​สำคัญ​ด้วย. ข้อ​อ้าง​ใด ๆ ที่​ว่า​จะ​อยู่​ได้​โดย​ไม่​หมาย​พึ่ง​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​นั้น​เป็น​ความ​โง่​เขลา​อย่าง​ที่​สุด. คน​เหล่า​นั้น​ที่​ฉลาด​จริง​ย่อม​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​คำ​ของ​พระองค์ ไม่​ใช่​ความ​รู้​ที่​คิด​เอา​ว่า​จะ​รู้​ได้​ด้วย​ตน​เอง. พระ​ยะโฮวา​เป็น​ผู้​กำหนด​ว่า​อะไร​ดี​อะไร​ไม่​ดี และ​ที่​แท้​แล้ว การ​ทำ​สิ่ง​ถูก​ต้อง​คือ​การ​เชื่อ​ฟัง​พระองค์. การ​ทำ​ความ​ชั่ว​หมาย​ถึง​การ​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​ของ​พระองค์​และ​เพิกเฉย​ต่อ​หลักการ​ต่าง ๆ ของ​พระองค์.

พระเจ้า​ได้​เสนอ​และ​ยัง​คง​เสนอ​ทุก​สิ่ง​ที่​มนุษย์​อยาก​ได้ อาทิ ชีวิต​นิรันดร์, อิสระ​เสรี, ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ, ความ​สุข, สุขภาพ​ดี, ความ​สงบ​สุข, ความ​อุดม​มั่งคั่ง, และ​การ​ค้น​พบ​สิ่ง​ใหม่ ๆ. อย่าง​ไร​ก็​ดี ที่​จะ​ได้​ชื่นชม​ยินดี​ใน​สารพัด​สิ่ง​เหล่า​นี้​เรียก​ร้อง​ให้​เรา​ยอม​รับ​ว่า​เรา​ต้อง​พึ่ง​อาศัย​อย่าง​เต็ม​ที่​ใน​พระ​ยะโฮวา พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์.—ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:10-13; ยะซายา 55:6-13.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 26]

อาดาม​และ​ฮาวา—เป็น​เพียง​ตำนาน​หรือ?

เรื่อง​อุทยาน​แรก​เดิม​ซึ่ง​สูญ​เสีย​ไป​เพราะ​บาป​เป็น​ความ​เชื่อ​ที่​แพร่​หลาย​ใน​กาล​โบราณ​ท่ามกลาง​ชาว​บาบิโลเนีย, ชาว​อัสซีเรีย, ชาว​อียิปต์​และ​ชน​ชาติ​อื่น ๆ. สิ่ง​ที่​มัก​จะ​มี​เหมือน ๆ กัน​ใน​เรื่อง​เล่า​มาก​มาย​ก็​คือ​ต้น​ไม้​แห่ง​ชีวิต คน​ที่​กิน​ผล​ของ​ต้น​ไม้​นั้น​จะ​รับ​ชีวิต​นิรันดร์. ดัง​นั้น ผู้​คน​จึง​จำ​เหตุ​การณ์​อัน​น่า​เศร้า​ใน​สวน​เอเดน​ได้.

ทุก​วัน​นี้ หลาย​คน​ไม่​สนใจ​เรื่อง​อาดาม​กับ​ฮาวา​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​ต่อ​ไป เพราะ​ถือ​ว่า​เป็น​เพียง​ตำนาน. กระนั้น นัก​วิทยาศาสตร์​ส่วน​ใหญ่​ยอม​รับ​ว่า​เชื้อ​สาย​มนุษย์​เป็น​ครอบครัว​เดียว​มี​บรรพบุรุษ​ร่วม​กัน. นัก​เทววิทยา​หลาย​คน​รู้สึก​ว่า​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​ปฏิเสธ​ผล​กระทบ​จาก​บาป​แรก​เดิม​ที่​กระทำ​โดย​บรรพบุรุษ​คน​เดียว​กัน​ซึ่ง​ตก​ทอด​มา​ถึง​มนุษยชาติ. ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​มนุษย์​มี​ต้น​กำเนิด​จาก​หลาย​แหล่ง​คง​ทำ​ให้​เขา​จำ​ต้อง​พูด​ว่า​บาป​แรก​เดิม​นั้น​เกิด​จาก​การ​กระทำ​ของ​บรรพบุรุษ​หลาย​คน. แล้ว​เมื่อ​เขา​เชื่อ​อย่าง​นั้น เขา​ก็​จำ​ใจ​ต้อง​ปฏิเสธ​พระ​คริสต์​ผู้​เป็น “อาดาม​คน​สุด​ท้าย” ที่​ได้​ไถ่​มนุษยชาติ. แต่​พระ​เยซู​และ​สาวก​ทั้ง​หลาย​ของ​พระองค์​ไม่​ประสบ​กับ​สภาพ​กลืน​ไม่​เข้า​คาย​ไม่​ออก​แบบ​นั้น. พระ​เยซู​และ​สาวก​ยอม​รับ​ว่า​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​เป็น​ความ​จริง.—1 โกรินโธ 15:22, 45; เยเนซิศ 1:27; 2:24; มัดธาย 19:4, 5; โรม 5:12-19.