ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราลองดูพระยะโฮวา

เราลองดูพระยะโฮวา

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​ลอง​ดู​พระ​ยะโฮวา

เล่า​โดย พอล สคริบเนอร์

“สวัสดี​ครับ คุณ​สแตกเฮาส์. เช้า​นี้​ผม​กำลัง​รับสั่ง​ทำ​เค้ก​อีสเตอร์ และ​ผม​แน่​ใจ​ว่า​คุณ​คง​อยาก​สั่ง​เค้ก​สัก​ก้อน​หนึ่ง​สำหรับ​ครอบครัว​ของ​คุณ.” ตอน​นั้น​เป็น​ปี 1938 ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​เพิ่ง​เริ่ม และ​ผม​อยู่​ที่​เมือง​แอตโก รัฐ​นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ​อเมริกา ผม​กำลัง​คุย​กับ​ลูกค้า​ที่​ดี​ที่​สุด​คน​หนึ่ง​ใน​เขต​ที่​ผม​รับผิดชอบ​ของ​บริษัท​เจเนอรัลเบกกิง. ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​คุณ​สแตกเฮาส์​ปฏิเสธ.

เธอ​บอก​ว่า “ฉัน​คิด​ว่า​ฉัน​คง​ไม่​สนใจ ครอบครัว​ของ​เรา​ไม่​ฉลอง​อีสเตอร์.”

ขณะ​นั้น​ผม​นึก​อะไร​ไม่​ออก. เอ แปลก​นี่ ไม่​ฉลอง​อีสเตอร์​หรือ? จริง​อยู่ กฎ​ข้อ​แรก​เกี่ยว​กับ​หลักการ​ขาย​คือ ลูกค้า​ถูก​เสมอ. ที​นี้​ผม​จะ​ทำ​อย่าง​ไร? ผม​ลอง​พูด​ไป​ว่า “เค้ก​นี้​หอม​อร่อย​นะ​ครับ และ​ผม​รู้​ว่า​คุณ​เอง​ก็​ชอบ​เค้ก​ของ​เรา. เออ ถึง​คุณ​จะ​ไม่​ฉลอง​อีสเตอร์ แต่​คุณ​ไม่​คิด​หรือ​ว่า​ครอบครัว​ของ​คุณ​จะ​ชอบ​เค้ก​นี้?”

“ฉัน​คิด​ว่า​ไม่​หรอก​ค่ะ” เธอ​พูด​ซ้ำ​คำ​เดิม “แต่​คุณ​สคริบเนอร์​คะ ฉัน​ตั้งใจ​ไว้​ว่า​จะ​ต้อง​หา​โอกาส​คุย​กับ​คุณ และ​ตอน​นี้​คง​เป็น​โอกาส​ดี​ที่​จะ​ได้​คุย​กัน.” การ​สนทนา​ครั้ง​นั้น​เปลี่ยน​แปลง​ชีวิต​ผม​โดย​สิ้นเชิง! นาง​สแตกเฮาส์ สมาชิก​ของ​หมู่​คณะ (หรือ​ประชาคม) พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เบอร์ลิน นิวเจอร์ซีย์ ได้​อธิบาย​ความ​เป็น​มา​เกี่ยว​กับ​การ​ฉลอง​อีสเตอร์​และ​มอบ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ให้​ผม​สาม​เล่ม. หนังสือ​เหล่า​นี้​คือ​ความ​ปลอด​ภัย, ได้​รับ​การ​เปิด​เผย, และ​การ​คุ้มครอง (ภาษา​อังกฤษ). ผม​กลับ​บ้าน​และ​นำ​เอา​หนังสือ​ติด​ตัว​ไป​ด้วย ผม​สงสัย​ใคร่​รู้​แต่​ก็​นึก​หวั่น​อยู่​บ้าง. เรื่อง​ราว​ที่​ได้​ฟัง​จาก​คุณ​สแตกเฮาส์​คลับคล้ายคลับคลา​กับ​สิ่ง​ที่​ผม​เคย​ได้​ยิน​สมัย​เด็ก.

ตอน​แรก​ที่​ติด​ต่อ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์

ผม​เกิด​เมื่อ​วัน​ที่ 31 มกราคม 1907 และ​ใน​ปี 1915 เมื่อ​ผม​อายุ​แปด​ขวบ พ่อ​เสีย​ชีวิต​ด้วย​โรค​มะเร็ง. ด้วย​เหตุ​นี้ แม่​กับ​ผม​จึง​ไป​อาศัย​อยู่​กับ​คุณ​ตา​คุณ​ยาย​ที่​บ้าน​หลัง​ใหญ่ใน​เมือง​มอลเดน รัฐ​แมสซาชูเซตส์. ลุง​เบนจามิน แรนซัม ญาติ​ฝ่าย​แม่​ผม พร้อม​ด้วย​ภรรยา​อาศัย​อยู่​บน​ชั้น​สาม​ใน​บ้าน​หลัง​นั้น​เช่น​กัน. ลุง​เบน​ได้​สมาคม​คบหา​กับ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​นานา​ชาติ ชื่อ​ที่​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น​ตั้ง​แต่​ก่อน​เริ่ม​ศตวรรษ​ที่ 20. ผม​นิยม​ชม​ชอบ​ลุง​เบน​มาก​ที​เดียว แต่​พวก​ญาติ​ทาง​ครอบครัว​ของ​แม่​ซึ่ง​นับถือ​ศาสนา​เมโทดิสต์​คิด​ว่า​ลุง​เบน​เป็น​คน​แปลก. หลาย​ปี​ต่อ​มา ก่อน​ป้า​จะ​หย่า​กับ​ลุง ป้า​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​การ​ดำเนิน​เรื่อง​ให้​ลุง​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​โรง​พยาบาล​จิตเวช​เนื่อง​จาก​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​ทาง​ศาสนา! ครั้น​แพทย์​ใน​โรง​พยาบาล​ได้​ตรวจ​พบ​อย่าง​รวด​เร็ว​ว่า​ลุง​เบน​ไม่​มี​อาการ​ผิด​ปกติ​ทาง​จิต​แต่​อย่าง​ใด พวก​เขา​จึง​ปล่อย​ลุง​กลับ​บ้าน​พร้อม​กับ​คำ​ขอ​ขมา.

ลุง​เบน​เคย​พา​ผม​ไป​ยัง​การ​ประชุม​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​นานา​ชาติ​ใน​เมือง​บอสตัน โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เมื่อ​ผู้​บรรยาย​มา​เยี่ยม​หรือ​ใน​วาระ​พิเศษ. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ผู้​บรรยาย​ที่​มา​เยี่ยม​คือ​ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​อย่าง​กว้างขวาง​ฐานะ​ผู้​รับผิดชอบ​ดู​แล​งาน​เผยแพร่​สมัย​นั้น. ณ โอกาส​พิเศษ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง มี​การ​ฉาย “ภาพยนตร์​เรื่อง​การ​ทรง​สร้าง.” แม้​ตอน​นั้น​เป็น​ปี 1915 แต่​ผม​ก็​ยัง​จำ​ภาพ​อับราฮาม​พา​ยิศฮาค​ขึ้น​ภูเขา​เพื่อ​ถวาย​บุตร​ชาย​เป็น​เครื่อง​บูชา​ได้​อย่าง​แจ่ม​ชัด​จน​ทุก​วัน​นี้. (เยเนซิศ​บท 22) ผม​ยัง​จำ​ภาพ​ที่​อับราฮาม​กับ​ยิศฮาค​เดิน​ขึ้น​ภูเขา​พร้อม​ฟืน​หอบ​ใหญ่​ได้ เนื่อง​ด้วย​อับราฮาม​ไว้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​ที่. เพราะ​ผม​เป็น​เด็ก​กำพร้า​พ่อ ภาพ​นั้น​ติด​ตรึง​ใจ​ผม​มาก​ที​เดียว.

ต่อ​มา ลุง​เบน​กับ​ภรรยา​ย้าย​ไป​ที่​รัฐ​เมน ส่วน​แม่​ของ​ผม​แต่งงาน​ใหม่​และ​พา​พวก​เรา​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​นิวเจอร์ซีย์. ด้วย​เหตุ​นั้น ผม​จึง​ไม่​ได้​พบ​ลุง​เบน​เป็น​เวลา​นาน​มาก. ใน​นิวเจอร์ซีย์ ช่วง​ที่​ผม​เป็น​วัยรุ่น ผม​พบ​แมเรียน เนฟฟ์ เธอ​เป็น​หนึ่ง​ใน​จำนวน​ลูก​แปด​คน​ของ​ครอบครัว​ที่​นับถือ​นิกาย​เพรสไบทีเรียน​ซึ่ง​ผม​มัก​จะ​แวะ​ไป​เยี่ยม. ผม​ใช้​เวลา​แทบ​ทุก​เย็น​วัน​อาทิตย์​ขลุก​อยู่​กับ​ครอบครัว​นี้​และ​กลุ่ม​เยาวชน​ของ​คริสตจักร ใน​ที่​สุด​ผม​ได้​มา​เป็น​ผู้​เชื่อ​นิกาย​เพรสไบทีเรียน​เสีย​เอง. กระนั้น บาง​อย่าง​ที่​ผม​เรียน​รู้ ณ การ​ประชุม​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ยัง​คง​ติด​ตัว​ผม​อยู่. ปี 1928 ผม​แต่งงาน​กับ​แมเรียน เรา​ได้​ลูก​สาว​คือ​ดอริส​กับ​ลูอิส ซึ่ง​เกิด​ปี 1935 และ 1938 ตาม​ลำดับ. เมื่อ​มี​ลูก​ที่​เริ่ม​เดิน​เตาะแตะ​และ​ทารก​แรก​เกิด​อีก​คน​ใน​ครอบครัว เรา​สอง​คน​สำนึก​ถึง​ความ​จำเป็น​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​ชี้​นำ​ฝ่าย​วิญญาณ​เพื่อ​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว​ของ​เรา.

พบ​ความ​จริง​ใน​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​เหล่า​นั้น

แมเรียน​กับ​ผม​มอง​หา​โบสถ์​ที่​เรา​จะ​เข้า​ร่วม​และ​ใน​ที่​สุด​ก็​วาง​แผน​จะ​ไป. ทุก​วัน​อาทิตย์ เรา​เปลี่ยน​เวร​กัน คน​หนึ่ง​อยู่​บ้าน​ดู​แล​ลูก ใน​ขณะ​ที่​อีก​คน​หนึ่ง​แวะ​ไป​โบสถ์​ที่​เรา​มาด​หมาย​จะ​เข้า​ร่วม. มี​อยู่​อาทิตย์​หนึ่ง​เป็น​เวร​ที่​แมเรียน​จะ​ต้อง​อยู่​บ้าน แต่​ผม​เสนอ​ขอ​ดู​ลูก​แทน ทั้ง​นี้ เพื่อ​จะ​อ่าน​หนังสือ​ความ​ปลอด​ภัย เป็น​เล่ม​แรก​ใน​จำนวน​สาม​เล่ม​ที่​คุณ​สแตกเฮาส์​ให้​ผม. พอ​เริ่ม​อ่าน ผม​ก็​วาง​ไม่​ลง​เสีย​แล้ว! ผม​เชื่อ​มั่น​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​ว่า​ผม​พบ​อะไร​บาง​อย่าง​ซึ่ง​ไม่​มี​โบสถ์​ใด​สามารถ​ให้​ได้. สัปดาห์​ถัด​มา​ก็​ยัง​เป็น​เช่น​เดิม ผม​สมัคร​ใจ​อยู่​บ้าน​ดู​แล​ลูก ขณะ​เดียว​กัน​ก็​อ่าน​หนังสือ​เล่ม​ที่​สอง​ได้​รับ​การ​เปิด​เผย. เรื่อง​ที่​ผม​อ่าน​อยู่​นั้น​ดู​เหมือน​เป็น​เรื่อง​คุ้น ๆ อยู่​บ้าง. เรื่อง​ที่​ลุง​เบน​เชื่อถือ​หรือ​เปล่า? ครอบครัว​ของ​เรา​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​ศาสนา​ของ​ลุง​เหลวไหล​ไม่​ได้​เรื่อง. แมเรียน​จะ​คิด​อย่าง​ไร? ผม​ไม่​จำเป็น​ต้อง​วิตก. เมื่อ​ผม​เลิก​งาน​กลับ​มา​ถึง​บ้าน เพียง​ไม่​กี่​วัน​หลัง​จาก​อ่าน​เล่ม​ที่​มี​ชื่อ ได้​รับ​การ​เปิด​เผย แมเรียน​ทำ​ให้​ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​เธอ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า “ฉัน​อ่าน​หนังสือ​ทุก​เล่ม​ที่​คุณ​เอา​มา​ไว้​ที่​บ้าน. หนังสือ​พวก​นั้น​น่า​สนใจ​จริง ๆ.” โล่ง​ใจ​ไป​ที!

บน​ปก​หลัง​ของ​หนังสือ​เหล่า​นี้​มี​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​การ​ออก​หนังสือ​เหล่า​ศัตรู (ภาษา​อังกฤษ) ซึ่ง​เปิดโปง​ศาสนา​เท็จ​อย่าง​เผ็ด​ร้อน. เรา​ตก​ลง​ใจ​ขอ​รับ​หนังสือ​ดัง​กล่าว. อย่าง​ไร​ก็​ดี ก่อน​ที่​เรา​จะ​ส่ง​จดหมาย​ไป​ขอ มี​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​มา​เคาะ​ที่​ประตู และ​เสนอ​หนังสือ​ที่​เรา​ต้องการ​อยู่​พอ​ดี. หนังสือ​เล่ม​นั้น​ได้​ช่วย​เรา​ตัดสิน​ใจ! ตั้ง​แต่​นั้น​มา​เรา​เลิก​ไป​โบสถ์ และ​เริ่ม​เข้า​ร่วม​ประชุม​กับ​พวก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​แคม​เดน นิวเจอร์ซีย์. ไม่​กี่​เดือน​หลัง​จาก​นั้น ใน​วัน​อาทิตย์​ที่ 31 กรกฎาคม 1938 กลุ่ม​ของ​เรา​ประมาณ 50 คน​ได้​ประชุม​กัน​ที่​สนาม​หน้า​บ้าน​ซิสเตอร์​สแตกเฮาส์—บ้าน​หลัง​ที่​ผม​พยายาม​ขาย​เค้ก​อีสเตอร์​ให้—และ​ฟัง​คำ​บรรยาย​ที่​บันทึก​เสียง​ของ​บราเดอร์​รัทเทอร์ฟอร์ด​เรื่อง​การ​รับ​บัพติสมา. จาก​นั้น​พวก​เรา​ก็​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ผลัด​เสื้อ​ผ้า แล้ว​พวก​เรา​ทั้ง 19 คน​รับ​บัพติสมา​ใน​ลำธาร​ใกล้ ๆ ละแวก​นั้น.

ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์

ไม่​นาน​ภาย​หลัง​การ​รับ​บัพติสมา มี​ซิสเตอร์​คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​บอก​ผม​เกี่ยว​กับ​คน​ที่​ยึด​งาน​เผยแพร่​เป็น​กิจกรรม​หลัก ที่​เรียก​กัน​ว่า​ไพโอเนียร์. ผม​อยาก​รู้​ขึ้น​มา​ทันที​และ​ไม่​ช้า​ก็​ได้​มา​รู้​จัก​ครอบครัว​ไพโอเนียร์. บราเดอร์​โค​นิก​ชาย​สูง​อายุ, ภรรยา​ของ​เขา, พร้อม​ด้วย​ลูก​สาว​ที่​โต​แล้ว ทุก​คน​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​ประชาคม​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ. ฐานะ​เป็น​บิดา​ของ​ครอบครัวที่​เพิ่ง​เริ่ม​ต้น ผม​รู้สึก​ประทับใจ​จริง ๆ เมื่อ​เห็น​ครอบครัว​โค​นิก​มี​ความ​ชื่นชม​ยินดี​อย่าง​มาก​ขณะ​ทำ​งาน​เผยแพร่. ผม​มัก​จะ​แวะ​ไป, จอด​รถ​ส่ง​ขนม​ไว้, และ​ออก​ไป​ประกาศ​ตาม​บ้าน​กับ​พวก​เขา. ไม่​ช้า​ไม่​นาน ผม​เอง​ก็​นึก​อยาก​เป็น​ไพโอเนียร์. แต่​ทำ​อย่าง​ไร​ดี​ล่ะ? ผม​กับ​แมเรียน​มี​ลูก​เล็ก ๆ สอง​คน และ​งาน​ที่​ผม​ทำ​อยู่​นั้น​ต้อง​ใช้​เวลา​และ​ความ​อุตสาหะ​มาก​จริง ๆ. ที่​จริง เนื่อง​จาก​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​ได้​ก่อ​ตัว​ขึ้น​ใน​ยุโรป และ​ชาย​ฉกรรจ์​จำนวน​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ ได้​สมทบ​กับ​กองทัพ​ใน​สหรัฐ ฉะนั้น​จึง​มี​ปริมาณ​งาน​เพิ่ม​ขึ้น​ให้​พลเรือน​อย่าง​พวก​เรา​ทำ. ผม​ได้​รับ​การ​กระตุ้น​ให้​รับ​เขต​เพิ่ม​ขึ้น และ​ผม​รู้​ว่า​ด้วย​ตาราง​เวลา​แบบ​นั้น ผม​จะ​ไม่​มี​โอกาส​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​เลย.

เมื่อ​ผม​คุย​กับ​บราเดอร์​โค​นิก​เกี่ยว​กับ​ความ​ปรารถนา​ที่​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์ เขา​พูด​ว่า “เพียง​แต่​ขยัน​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ต่อ​ไป​เรื่อย ๆ และ​ตั้ง​เป้าหมาย​ของ​คุณ​ไว้​จำเพาะ​พระองค์​ด้วย​การ​อธิษฐาน. พระองค์​จะ​ช่วย​คุณ​ได้​สม​ปรารถนา.” ผม​ทำ​เช่น​นั้น​นาน​กว่า​หนึ่ง​ปี. ผม​มัก​จะ​ตรึกตรอง​ข้อ​คัมภีร์​ที่​มัดธาย 6:8 ซึ่ง​รับรอง​กับ​เรา​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทราบ​ความ​ต้องการ​ของ​เรา​ก่อน​จะ​ทูล​ขอ​พระองค์​ด้วย​ซ้ำ. และ​ผม​มุ่ง​มั่น​ตั้งใจ​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ที่​มัดธาย 6:33 ที่​ว่า​จง​แสวง​หา​ราชอาณาจักร​และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระองค์​ก่อน​เสมอ​ไป. นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​ได้​รับ​การ​หนุน​ใจ​เช่น​กัน​จาก​บราเดอร์​เมลวิน วินเชสเตอร์ ผู้​รับใช้​โซน (ปัจจุบัน​คือ​ผู้​ดู​แล​หมวด).

ผม​พูด​คุย​กับ​แมเรียน​เกี่ยว​กับ​เป้าหมาย​ของ​ผม. เรา​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​ถ้อย​คำ​ใน​มาลาคี 3:10 ซึ่ง​สนับสนุน​เรา​ให้​ลอง​ดู​พระ​ยะโฮวา​ว่า​พระองค์​จะ​ทรง​เท​พร​ให้​เรา​หรือ​ไม่. ผม​ได้​กำลังใจ​จาก​การ​ตอบรับ​ของ​เธอ​ดัง​นี้: “ถ้า​คุณ​อยาก​เป็น​ไพโอเนียร์ คุณ​อย่า​มัว​เป็น​ห่วง​ฉัน​เลย. ฉัน​สามารถ​ดู​แล​ลูก​ได้​ระหว่าง​ที่​คุณ​เป็น​ไพโอเนียร์. ถึง​อย่าง​ไร​เรา​ก็​ไม่​จำเป็น​ต้อง​มี​วัตถุ​ปัจจัย​มาก​มาย​อยู่​แล้ว.” หลัง​การ​แต่งงาน​นาน​ถึง 12 ปี ผม​รู้​แล้ว​ว่า​แมเรียน​เป็น​แม่บ้าน​ที่​มัธยัสถ์​และ​พิถีพิถัน. ตลอด​เวลา​หลาย​ปี เธอ​เป็น​ไพโอเนียร์​คู่​ใจ​ที่​ยอด​เยี่ยม และ​เคล็ดลับ​ประการ​หนึ่ง​ที่​ยัง​ความ​สำเร็จ​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​เกือบ 60 ปี​ของ​เรา​ก็​เนื่อง​จาก​ความ​สามารถ​ของ​เธอ​ที่​จะ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​กับ​การ​มี​วัตถุ​สิ่ง​ของ​เพียง​เล็ก​น้อย และ​ทำ​ให้​ดู​ราว​กับ​ว่า​เรา​มี​บริบูรณ์.

เมื่อ​ถึง​ฤดู​ร้อน​ปี 1941 ภาย​หลัง​การ​ทูล​อธิษฐาน​และ​วาง​แผน​กัน​นาน​หลาย​เดือน ผม​กับ​แมเรียน​ออม​เงิน​ได้​ก้อน​หนึ่ง และ​เรา​ได้​ซื้อ​รถ​พ่วง​ขนาด 5.5 เมตร​ซึ่ง​ครอบครัว​จะ​อยู่​อาศัย​และ​รอนแรม​ไป​ใน​ที่​ต่าง ๆ ได้. ผม​ลา​ออก​จาก​งาน​และ​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​ใน​เดือน​กรกฎาคม 1941 และ​รับใช้​เต็ม​เวลา​ตั้ง​แต่​นั้น​เรื่อย​มา. เขต​งาน​มอบหมาย​แรก​ของ​ผม​คือ​จุด​จอด​รถ​สิบ​จุด​บน​ถนน​หมาย​เลข 50 ระหว่าง​นิวเจอร์ซีย์​กับ​เซนต์​หลุยส์ รัฐ​มิสซูรี ซึ่ง​การ​ประชุม​ภาค​ของ​เรา​ได้​จัด​ขึ้น​ที่​นั่น​ตอน​ต้น​เดือน​สิงหาคม. ผม​ได้​ราย​ชื่อ​และ​ที่​อยู่​ของ​พี่​น้อง​ตลอด​เส้น​ทาง​นั้น และ​ผม​เขียน​จดหมาย​ส่ง​ล่วง​หน้า​ให้​เขา​รู้​วัน​เวลา​ที่​เขา​จะ​พบ​ผม. เมื่อ​เรา​ไป​ถึง​สถาน​ที่​ประชุม​ภาค ผม​ก็​ไป​หา​แผนก​ไพโอเนียร์​และ​รับ​งาน​มอบหมาย​อีก​อย่าง​หนึ่ง.

“ผม​จะ​ลอง​ดู​พระ​ยะโฮวา”

เรา​ขน​สรรพหนังสือ​ใส่​เต็ม​รถ​พ่วง​คัน​เล็ก​ของ​เรา​แล้ว​เข้า​ร่วม​ประชุม​ครั้ง​สุด​ท้าย​ใน​เมือง​แคม​เดน​เพื่อ​อำลา​พวก​พี่​น้อง. พร้อม​ด้วย​ลูก​สาว​เล็ก ๆ สอง​คน​ที่​ต้อง​ดู​แล​และ​ยัง​ไม่​รู้​ว่า​หลัง​จาก​การ​ประชุม​ใหญ่​แล้ว​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​ต่อ​ไป แผนการ​ของ​เรา​ดู​เหมือน​จะ​เป็น​จริง​ไป​ไม่​ได้​สำหรับ​พี่​น้อง​บาง​คน และ​หลาย​คน​ใน​พวก​นั้น​พูด​ว่า “เดี๋ยว​คุณ​ก็​คง​กลับ​มา.” ผม​จำ​คำ​พูด​ของ​ผม​ได้​ที่​ว่า “ผม​ไม่​ได้​บอก​ว่า​ผม​จะ​ไม่​กลับ. พระ​ยะโฮวา​ตรัส​ว่า​พระองค์​จะ​ทรง​ดู​แล​ผม และ​ผม​จะ​ลอง​ดู​พระ​ยะโฮวา.”

หลัง​จาก​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​หก​สิบ​ปี​ใน 20 เมือง​จาก​รัฐ​แมสซาชูเซตส์​ถึง​รัฐ​มิสซิสซิปปี เรา​พูด​ได้​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทำ​มาก​กว่า​ที่​พระองค์​ทรง​สัญญา​ไว้​เสีย​อีก. พระ​พร​ที่​พระองค์​ประทาน​ให้​ผม​กับ​แมเรียน และ​ลูก​สาว​สอง​คน​ของ​เรา​นั้น​มาก​เกิน​กว่า​ที่​ผม​ได้​คาด​หวัง​เมื่อ​ย้อน​ไป​ใน​ปี 1941. พระ​พร​นั้น​รวม​ถึง​การ​ที่​ลูก​สาว​ของ​เรา​ได้​ทำ​งาน​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​ซื่อ​สัตย์​ใน​ประชาคม​ใกล้​เคียง และ (เมื่อ​นับ​ครั้ง​สุด​ท้าย) เรา​มี​ลูก​ชาย​ลูก​สาว​ฝ่าย​วิญญาณ​ร่วม​ร้อย​คน​กระจัด​กระจาย​อยู่​ทั่ว​ชายฝั่ง​ตะวัน​ออก​ของ​สหรัฐ. ผม​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ 52 คน และ​แมเรียน​ศึกษา​กับ 48 คน บุคคล​เหล่า​นี้​ก้าว​หน้า​จน​ถึง​ขั้น​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า.

เดือน​สิงหาคม 1941 เรา​ไป​ถึง​เมือง​เซนต์​หลุยส์​และ​ได้​พบ​บราเดอร์ ที. เจ. ซัลลิแวน​จาก​เบเธล. เขา​ได้​นำ​จดหมายแต่ง​ตั้ง​จาก​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​มา​ให้​ผม ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​สำหรับ​ผม​มาก เนื่อง​จาก​อยู่​ใน​ภาวะ​สงคราม​และ​มี​การ​เกณฑ์​ทหาร. ผม​บอก​บราเดอร์​ซัลลิแวน​ว่า​ภรรยา​ผม​ก็​ใช้​เวลา​ใน​งาน​เผยแพร่​มาก​พอ ๆ กับ​ผม และ​เธอ​เอง​อยาก​เป็น​ไพโอเนียร์​ทำ​งาน​กับ​ผม​ด้วย. แม้​แผนก​ไพโอเนียร์ ณ การ​ประชุม​ภาค​ยัง​ไม่​ได้​เริ่ม​ทำ​งาน แต่​บราเดอร์​ซัลลิแวน​ก็​เซ็น​อนุมัติ​ทันที​ให้​แมเรียน​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้ และ​ถาม​เรา​ว่า “หลัง​การ​ประชุม​ภาค​นี้​แล้ว​คุณ​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​ไหน?” เรา​เอง​ยัง​ไม่​รู้​จะ​ไป​ที่​ไหน. เขา​พูด​ว่า “ไม่​ต้อง​ห่วง ณ การ​ประชุม​นี้​คุณ​จะ​พบ​บาง​คน​มา​จาก​ท้อง​ที่​ซึ่ง​ต้องการ​ไพโอเนียร์ แล้ว​คุณ​ก็​คง​รู้​เอง​ว่า​จะ​เป็น​ที่​ไหน. คุณ​เพียง​แต่​เขียน​มา​แจ้ง​ให้​เรา​ทราบ​ว่า​คุณ​อยู่​ที่​ไหน แล้ว​พวก​เรา​จะ​ส่ง​จดหมาย​แจ้ง​เขต​งาน​มอบหมาย​ให้​คุณ.” นั่น​คือ​สิ่ง​ที่​ได้​เกิด​ขึ้น. ปรากฏ​ว่า​บราเดอร์​แจ็ก เดวิตต์ อดีต​ผู้​รับใช้​โซน​รู้​จัก​บาง​คน​ใน​เมือง​นิว​มาร์เกต รัฐ​เวอร์จิเนีย ซึ่ง​มี​บ้าน​สำหรับ​ไพโอเนียร์ ที่​นั่น​ต้องการ​ไพโอเนียร์​อีก​สอง​สาม​คน. ดัง​นั้น หลัง​การ​ประชุม​ภาค​ครั้ง​นั้น​ผ่าน​ไป เรา​จึง​มุ่ง​หน้า​ไป​ยัง​เมือง​นิว​มาร์เกต.

ใน​เมือง​นิว​มาร์เกต​เรา​มี​เหตุ​ผล​พิเศษ​ที่​จะ​มี​ความ​ยินดี. เบนจามิน แรนซัม​จาก​ฟิลาเดลเฟีย​ได้​มา​สมทบ​กับ​เรา​ใน​งาน​ไพโอเนียร์! ใช่ ลุง​เบน​แน่ ๆ เลย. น่า​เพลิดเพลิน​ยินดี​เสีย​จริง ๆ ที่​ได้​ออก​ไป​ทำ​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน​กับ​ลุง หลัง​จาก​ท่าน​ได้​เพาะ​เมล็ด​แห่ง​ความ​จริง​ลง​ใน​หัวใจ​ของ​ผม​ตอน​อยู่​ใน​เมือง​บอสตัน​มาก​กว่า 25 ปี​มา​แล้ว! ทั้ง ๆ ที่​ลุง​เบน​ประสบ​ความ​ไม่​แยแส, ถูก​เยาะเย้ย, และ​ถึง​กับ​ถูก​ครอบครัว​ข่มเหง​นาน​นับ​ปี ลุง​เบน​ไม่​เคย​ให้​ความ​รัก​ที่​มี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​งาน​รับใช้​สูญ​สิ้น​ไป.

เรา​พัก​อยู่​ที่​บ้าน​ไพโอเนียร์​ใน​เมือง​นิว​มาร์เกต​นาน​ถึง​แปด​เดือน. ช่วง​นั้น เรา​เรียน​รู้​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง อาทิ วิธี​เอา​ไก่​หรือ​ไข่​แลก​กับ​หนังสือ. ใน​เวลา​ต่อ​มา ลุง​เบน, ผม​และ​แมเรียน, พร้อม​กับ​สอง​สามี​ภรรยา​และ​ลูก​สาว​ของ​เขา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​รับใช้​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​เมือง​ฮาโนเวอร์ รัฐ​เพนซิลเวเนีย—แห่ง​แรก​ใน​จำนวน​หก​เขต​ใน​รัฐ​เพนซิลเวเนีย​ที่​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​ระหว่าง​ปี 1942 ถึง 1945.

ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2

มี​อยู่​หลาย​ครั้ง​ระหว่าง​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​ที่​พวก​เรา​ต้อง​รับมือ​กับ​การ​เป็น​ปฏิปักษ์ เนื่อง​จาก​จุด​ยืน​ใน​เรื่อง​การ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ของ​เรา แต่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เกื้อ​หนุน​พวก​เรา​มิ​ได้​ขาด. ครั้ง​หนึ่ง​ใน​เมือง​โพรวินซ์ทาวน์ รัฐ​แมสซาชูเซตส์ รถ​บิวอิก​คัน​เก่า​ของ​เรา​เสีย และ​ผม​ต้อง​เดิน​หลาย​กิโลเมตร​ผ่าน​ย่าน​คาทอลิก​ที่​เป็น​ปรปักษ์​เพื่อ​จะ​ทำ​การ​กลับ​เยี่ยม​เยียน. ผม​เดิน​ผ่าน​พวก​หนุ่ม​อันธพาล​ที่​จำ​หน้า​ผม​ได้​และ​พา​กัน​ร้อง​ตะโกน. ผม​เร่ง​ฝีเท้า​ขณะ​เดียว​กัน​ก็​มี​เสียง​ก้อน​หิน​ดัง​หวือ​เฉียด​หู​ผม ผม​ได้​แต่​หวัง​ว่า​เด็ก​หนุ่ม​เหล่า​นั้น​จะ​ไม่​ไล่​ตาม. ใน​ที่​สุด ผม​ก็​ไป​ถึง​บ้าน​ผู้​สนใจ​โดย​ปลอด​ภัย. แต่​เจ้าของ​บ้าน​ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​ที่​ได้​รับ​ความ​นับถือ​ของ​หน่วย​ทหาร​นอก​ประจำการ​ของ​อเมริกา​ได้​กล่าว​ขอ​โทษ และ​พูด​ว่า “คืน​นี้​ผม​คง​จะ​อยู่​คุย​ด้วย​ไม่​ได้ ผม​ลืม​บอก​ว่า​พวก​เรา​จะ​ออก​ไป​ดู​หนัง.” ผม​รู้สึก​กลัว เพราะ​ผม​จำ​ได้​ว่า​อันธพาล​กลุ่ม​ที่​ขว้าง​ปา​ก้อน​หิน​ใส่​ผม​ยัง​อยู่​ที่​มุม​ถนน รอ​ให้​ผม​กลับ​ไป​ทาง​นั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ใจ​ชื้น​ขึ้น​เมื่อ​สุภาพ​บุรุษ​ผู้​นั้น​พูด​ต่อ​ว่า “ทำไม​คุณ​ไม่​เดิน​ไป​พร้อม​กับ​เรา​ล่ะ? เรา​จะ​ได้​คุย​กัน​ระหว่าง​ทาง.” ดัง​นั้น ผม​จึง​มี​โอกาส​ให้​คำ​พยาน​แก่​เขา และ​ผ่าน​จุด​อันตราย​ไป​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย.

สมดุล​ทั้ง​ด้าน​ครอบครัว​และ​งาน​รับใช้

หลัง​สงคราม เรา​มี​เขต​งาน​มอบหมาย​หลาย​แห่ง​ใน​รัฐ​เวอร์จิเนีย รวม​ทั้ง​ช่วง​แปด​ปี​ที่​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​และ​ไพโอเนียร์​ประจำ​ใน​เมือง​ชาร์ลอตส์วิลล์. พอ​ถึง​ปี 1956 ลูก​สาว​ของ​เรา​โต​เป็น​ผู้​ใหญ่​และ​แต่งงาน​ไป​แล้ว แมเรียน​กับ​ผม​ก็​ย้าย​ที่​อีก เรา​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​เมือง​แฮร์ริซันเบิร์ก รัฐ​เวอร์จิเนีย แล้ว​มา​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​เมือง​ลินคอล์น​ตัน รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา.

ใน​ปี 1966 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด งาน​ซึ่ง​ต้อง​เดิน​ทาง​จาก​ประชาคม​หนึ่ง​ไป​อีก​ประชาคม​หนึ่ง​และ​หนุน​กำลังใจ​พวก​พี่​น้อง เหมือน​กับ​ที่​บราเดอร์​วินเชสเตอร์​เคย​หนุน​กำลังใจ​ผม​ตอน​อยู่​นิวเจอร์ซีย์​ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1930. ผม​รับใช้​หมวด​ซึ่ง​มี​หลาย​ประชาคม​ใน​รัฐ​เทนเนสซี​นาน​สอง​ปี. ครั้น​แล้ว มี​การ​ขอ​ให้​ผม​กับ​แมเรียน​กลับ​ไป​ทำ​งาน​ที่​เรา​รัก​มาก​ที่​สุด ซึ่ง​ก็​คือ​การ​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ. ตั้ง​แต่​ปี 1968 ถึง 1977 เรา​ได้​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ทาง​ตอน​ใต้​ของ​สหรัฐ จาก​รัฐ​จอร์เจีย​ไป​จน​ถึง​รัฐ​มิสซิสซิปปี.

ที่​เมือง​อิสมัน รัฐ​จอร์เจีย ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ประชาคม (ปัจจุบัน​เรียก​ว่า​ผู้​ดู​แล​ผู้​เป็น​ประธาน) แทน​บราเดอร์​พาวเวลล์ เคิร์กแลนด์ พี่​น้อง​สูง​อายุ​ที่​น่า​รัก​ซึ่งเคย​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​นาน​หลาย​ปี แต่​ตอน​นี้​สุขภาพ​ไม่​แข็งแรง. เขา​เป็น​คน​หยั่ง​รู้​ค่า​และ​ให้​การ​สนับสนุน​ที่​ดี​เยี่ยม. การ​สนับสนุน​ของ​เขา​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​เพราะ​มี​การ​แตก​แยก​กัน​บาง​เรื่อง​ภาย​ใน​ประชาคม แถม​มี​คน​สำคัญ​บาง​คน​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​ด้วย. ปัญหา​นั้น​ร้อน​ระอุ และ​ผม​ได้​ใช้​เวลา​มาก​ใน​การ​ทูล​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​ยะโฮวา. ผม​นึก​ถึง​ข้อ​คัมภีร์ อาทิ สุภาษิต 3:5, 6 ที่​ว่า “จง​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​สุด​ใจ​ของ​เจ้า, อย่า​พึ่ง​ใน​ความ​เข้าใจ​ของ​ตน​เอง: จง​รับ​พระองค์​ให้​เข้า​ส่วน​ใน​ทาง​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า, และ​พระองค์​จะ​ชี้​ทาง​เดิน​ของ​เจ้า​ให้​แจ่ม​แจ้ง.” ด้วย​ความ​เพียร​พยายาม​จะ​พูด​คุย​กัน​อย่าง​เปิด​อก เรา​จึง​สามารถ​สร้าง​ความ​เป็น​เอกภาพ​ขึ้น​ใน​ประชาคม​พร้อม​กับ​มี​ผล​ดี​แก่​ทุก​คน.

มา​ถึง​ปี 1977 เรา​เริ่ม​ตระหนัก​ถึง​อายุ​ของ​เรา​อยู่​บ้าง และ​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​เขต​งาน​ใน​ชาร์ลอตส์วิลล์​อีก ซึ่ง​ลูก​สาว​ของ​เรา​อยู่​ที่​นั่น​กับ​ครอบครัว. ตลอด 23 ปี​ที่​ผ่าน​มา​นี้ เรา​รู้สึก​ชื่นชม​ยินดี​ที่​ได้​ทำ​งาน​ใน​เขต​นี้ เรา​ได้​ช่วย​ก่อ​ตั้ง​ประชาคม​รักเกอส์วิลล์ เวอร์จิเนีย และ​ได้​เห็น​ลูก​หลาน​ของ​คน​ที่​เคย​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เรา​รุ่น​แรก ๆ เจริญ​เติบโต​ถึง​ขั้น​เป็น​ผู้​ดู​แล​ใน​ประชาคม​ต่าง ๆ, เป็น​ไพโอเนียร์, และ​สมาชิก​เบเธล. ผม​กับ​แมเรียน​ยัง​คง​แข็งแรง​พอ​จะ​รักษา​ตาราง​เวลา​ที่​ดี​ใน​การ​ออก​ประกาศ​ใน​เขต​งาน​ได้ และ​ผม​ยัง​มี​สิทธิ​พิเศษ​รับใช้​ด้วย​ความ​กระปรี้กระเปร่า​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​อีสต์​เมือง​ชาร์ลอตส์วิลล์ นำ​การ​ศึกษา​หนังสือ​ประจำ​ประชาคม​และ​บรรยาย​สาธารณะ.

ตลอด​เวลา​หลาย​ปี เรา​ประสบ​ปัญหา​เหมือน​คน​อื่น ๆ. อย่าง​เช่น ทั้ง ๆ ที่​เรา​บากบั่น​พยายาม ดอริส​กลาย​เป็น​คน​อ่อนแอ​ฝ่าย​วิญญาณ​ระยะ​หนึ่ง​ตอน​ที่​โต​เป็น​สาว และ​แต่งงาน​กับ​ชาย​ซึ่ง​ไม่​เป็น​พยาน​ฯ. แต่​เธอ​ไม่​ถึง​กับ​สูญ​เสีย​ความ​รัก​ต่อ​พระ​ยะโฮวา และ​บิลล์​บุตร​ชาย​ของ​เธอ​ได้​รับใช้​เป็น​เวลา 15 ปี​ใน​ครอบครัว​เบเธล​วอลล์คิลล์ นิวยอร์ก. เวลา​นี้​ทั้ง​ดอริส​และ​ลูอิส​ต่าง​ก็​เป็น​ม่าย แต่​ทั้ง​สอง​คน​รับใช้​ด้วย​ความ​ชื่นชม​ยินดี​อยู่​ใกล้​กัน​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ประจำ.

ได้​บทเรียน​มาก​มาย​ตลอด​เวลา​หลาย​ปี

ผม​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​ใช้​กฎ​ง่าย ๆ เพียง​ไม่​กี่​ข้อ​เพื่อ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา: การ​ทำ​ชีวิต​ให้​เรียบ​ง่าย​เสมอ. จง​เป็น​แบบ​อย่าง​ใน​การ​ดำเนิน​งาน​ทุก​อย่าง รวม​ถึง​ใน​ชีวิต​ส่วน​ตัว​ด้วย. ปฏิบัติ​ตาม​การ​ชี้​นำ​ทุก​ประการ​ที่​มา​จาก “ทาส​สัตย์​ซื่อ​และ​สุขุม.”—มัดธาย 24:45, ล.ม.

แมเรียน​ได้​นำ​รายการ​ข้อ​เสนอ​แนะ​สั้น ๆ มา​ใช้​เพื่อ​ความ​สำเร็จ​ใน​งาน​ไพโอเนียร์​ขณะ​ที่​ยัง​ต้อง​เลี้ยง​ดู​ลูก ๆ อาทิ: จัด​และ​รักษา​ตาราง​เวลา​ที่​สามารถ​ปฏิบัติ​ตาม​ได้. ทำ​ให้​งาน​รับใช้​ประเภท​ไพโอเนียร์​เป็น​งาน​ประจำ​ชีพ​จริง ๆ. รับประทาน​อาหาร​ที่​มี​ประโยชน์​ต่อ​สุขภาพ. พักผ่อน​ให้​พอ. ไม่​มี​นันทนาการ​มาก​เกิน​ไป. ทำ​ให้​ความ​จริง รวม​ทั้ง​ทุก​แง่​มุม​ของ​งาน​รับใช้ เป็น​ประสบการณ์​อัน​นำ​มา​ซึ่ง​ความ​สนุก​เพลิดเพลิน​แก่​ชีวิต​ของ​ลูก. ทำ​ให้​งาน​รับใช้​เป็น​ประสบการณ์​ที่​น่า​สนใจ​สำหรับ​ลูก ๆ ตลอด​เวลา.

ตอน​นี้ อายุ​เรา​เกิน 90 แล้ว. หก​สิบ​สอง​ปี​ผ่าน​ไป​นับ​แต่​เรา​ได้​ฟัง​คำ​บรรยาย​เรื่อง​การ​รับ​บัพติสมา​ของ​เรา ณ สนาม​หน้า​บ้าน​ของ​คุณ​สแตกเฮาส์ และ​เรา​ก็​ใช้​เวลา 60 ปี​ไป​กับ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา. ผม​กับ​แมเรียน​สามารถ​กล่าว​ด้วย​ความ​จริง​ใจ​ว่า​เรา​รู้สึก​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​อย่าง​สุด​ซึ้ง​กับ​สภาพการณ์​ใน​ชีวิต​ของ​เรา. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​อย่าง​สุด​ซึ้ง​ที่​ผม​ได้​รับ​การ​ชู​ใจ​ขณะ​เป็น​บิดา​วัย​หนุ่ม​ให้​ตั้ง​เป้าหมาย​ฝ่าย​วิญญาณ​ไว้​เป็น​อันดับ​แรก​แล้ว​พยายาม​ปฏิบัติ​เรื่อย​มา และ​รู้สึก​ขอบคุณ​แมเรียน ภรรยา​สุด​ที่​รัก​ของ​ผม พร้อม​ทั้ง​ลูก​สาว​ทั้ง​สอง​คน​สำหรับ​การ​เกื้อ​หนุน​ตลอด​เวลา​หลาย​ปี. แม้​เรา​ไม่​ร่ำรวย​ด้าน​วัตถุ​เงิน​ทอง แต่​ผม​นำ​เอา​พระ​ธรรม​ท่าน​ผู้​ประกาศ 2:25 (ล.ม.) มา​ใช้​กับ​ตัว​เอง​บ่อย ๆ ที่​ว่า “ด้วย​ว่า​ใคร​กิน​หรือ​ใคร​ดื่ม​ดี​ยิ่ง​กว่า​ข้าพเจ้า?”

ใน​กรณี​ของ​เรา พระ​ยะโฮวา​ทรง​โปรด​ให้​เรา​มี​บริบูรณ์​ล้น​เหลือ​จริง ๆ ตาม​คำ​สัญญา​ของ​พระองค์ ดัง​ที่​พบ​ใน​มาลาคี 3:10. แท้​จริง พระองค์ ‘เท​พร​ให้​เรา​จน​เกิน​ความ​ต้องการ’!

[กรอบ/รูป​ภาพ​หน้า 29]

ความ​ทรง​จำ​ใน​ช่วง​สงคราม

เกือบ 60 ปี​หลัง​สงคราม​ยุติ ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​ยัง​จำ​เหตุ​การณ์​ตอน​นั้น​ได้​ชัดเจน.

ดอริส​เล่า​ว่า “เพนซิลเวเนีย​อากาศ​หนาว​จัด. คืน​หนึ่ง อุณหภูมิ​ลบ 35 องศา​เซลเซียส.” ลูอิส​พูด​เสริม​ว่า “ใน​รถ​บิวอิก​คัน​บุโรทั่ง​ของ​เรา ดอริส​กับ​ฉัน​จะ​นั่ง​ทับ​เท้า​ของ​กัน​และ​กัน​ไว้​เพื่อ​ไม่​ให้​มัน​หนาว​เหน็บ.”

“แต่​เรา​ไม่​เคย​คิด​ว่า​เรา​ยาก​จน​ข้นแค้น” ดอริส​พูด. “เรา​รู้​ว่า​เรา​ย้าย​บ้าน​บ่อย​กว่า​คน​ส่วน​มาก แต่​เรา​มี​อาหาร​กิน​อิ่ม​หนำ​เสมอ และ​เรา​สวม​ใส่​เสื้อ​ผ้า​ดี ๆ ซึ่ง​ได้​มา​จาก​เพื่อน ๆ บาง​คน​ใน​รัฐ​โอไฮโอ เพราะ​เขา​มี​ลูก​สาว​อายุ​ไล่เลี่ย​กับ​เรา.”

ลูอิส​ชี้​แจง​ว่า “ทั้ง​แม่​และ​พ่อ​ทำ​ให้​เรา​รู้สึก​ว่า​เรา​เป็น​ลูก​รัก​และ​เป็น​ความ​ปลื้ม​ใจ​ยินดี​ของ​ท่าน และ​เรา​เอง​ก็​ใช้​เวลา​มาก​มาย​ไป​ใน​งาน​รับใช้​กับ​ท่าน. นี่​คือ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เรา​รู้สึก​ว่า​เรา​เป็น​คน​พิเศษ​และ​ใกล้​ชิด​สนิท​กับ​ท่าน​มาก​ที​เดียว.”

“ผม​มี​รถ​บิวอิกสเปเชียล รุ่น​ปี 1936” พอล​นึก​ทวน​ความ​หลัง “และ​รถ​รุ่น​นั้น​มี​ชื่อเสียง​ใน​เรื่อง​เพลา​หัก​ง่าย. ผม​คิด​ว่า​เครื่อง​ยนต์​แรง​เกิน​ไป​สำหรับ​ตัว​รถ. ดู​เหมือน​ว่า​มัน​เกิด​ขึ้น​ได้​เสมอ​ใน​คืน​ที่​หนาว​ที่​สุด​ของ​เดือน แล้ว​ผม​ก็​ต้อง​ออก​ไป​หา​เพลา​อีก​อัน​หนึ่ง​จาก​ซาก​รถ​เก่า​ที่​เขา​ทิ้ง​แล้ว. ผม​เลย​กลาย​เป็น​ผู้​เชี่ยวชาญ​ใน​การ​เปลี่ยน​เพลา.”

แมเรียน​บอก​ว่า “อย่า​ลืม​บัตร​ปัน​ส่วน. ทุก​อย่าง​ถูก​แบ่ง​สรร​ปัน​ส่วน—ไม่​ว่า​เนื้อ, น้ำมัน​รถ, ยาง​รถยนต์, ของ​ทุก​อย่าง. ทุก​ครั้ง​ที่​เรา​ไป​ถึง​เขต​งาน​ใหม่​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย เรา​ต้อง​ไป​พบ​เจ้าหน้าที่​ที่​ออก​บัตร และ​ขอ​รับ​บัตร​ปัน​ส่วน. กว่า​จะ​ได้​มา​ก็​อาจ​นาน​เป็น​เดือน ๆ และ​ดู​เหมือน​ว่า​ทุก​ครั้ง​ที่​เรา​ได้​รับ​บัตร​ใน​ที่​สุด เรา​จะ​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​เขต​มอบหมาย​อีก​แห่ง​หนึ่ง และ​เรา​ก็​ต้อง​เริ่ม​ดำเนิน​การ​อีก. ถึง​อย่าง​ไร​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​เรา​เสมอ.”

[รูป​ภาพ]

แมเรียน​กับ​ผม ดอริส (ทาง​ซ้าย) กับ​ลูอิส ปี 2000

[ภาพ​หน้า 25]

กับ​คุณ​แม่​ใน​ปี 1918 เมื่อ​ผม​อายุ 11 ขวบ

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​ลูอิส, แมเรียน, และ​ดอริส​ใน​ปี 1948 เมื่อ​ลูก​สาว​ของ​เรา​รับ​บัพติสมา

[ภาพ​หน้า 26]

รูป​แต่งงาน​ของ​เรา เดือน​ตุลาคม 1928

[ภาพ​หน้า 26]

ลูก​สาว (ซ้าย​สุด​และ​ขวา​สุด) และ​ตัว​ผม​เอง ณ สนาม​กีฬา​แยงกี ปี 1955