พวกเขารับมือหนามในเนื้อหนังของตน
พวกเขารับมือหนามในเนื้อหนังของตน
“ให้ข้าพเจ้ามีหนามในเนื้อหนัง คือทูตของซาตาน ให้คอยตบข้าพเจ้าเรื่อย ๆ.”—2 โกรินโธ 12:7, ล.ม.
1. ผู้คนกำลังเผชิญปัญหาอะไรบ้างในปัจจุบัน?
คุณกำลังต่อสู้กับความยากลำบากบางอย่างอยู่ไหม? หากเป็นอย่างนั้น คุณไม่ได้ต่อสู้อยู่คนเดียว. ใน “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” นี้ คริสเตียนที่ซื่อสัตย์กำลังรับมือการต่อต้านอย่างรุนแรง, ปัญหาครอบครัว, ความเจ็บป่วย, ความกังวลในเรื่องเงิน, ความทุกข์ใจ, การสูญเสียผู้เป็นที่รักเนื่องด้วยความตาย, และข้อท้าทายอื่น ๆ. (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.) ในบางประเทศ ชีวิตของคนจำนวนมากตกอยู่ในอันตรายเนื่องด้วยการขาดแคลนอาหารและภัยสงคราม.
2, 3. ปัญหาที่เป็นเหมือนหนามซึ่งเราเผชิญอาจทำให้เกิดเจตคติในแง่ลบเช่นไร และเจตคติแบบนั้นอาจเป็นอันตรายอย่างไร?
2 ปัญหาเช่นนั้นอาจทำให้คนเรารู้สึกอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะหากความทุกข์ยากหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน. ขอให้สังเกตสุภาษิต 24:10 (ล.ม.) ซึ่งกล่าวว่า “เจ้าแสดงตัวท้อแท้ในวันที่มีความทุกข์ยากหรือ? กำลังของเจ้าจะมีน้อย.” ถูกแล้ว ความท้อแท้เนื่องด้วยความยากลำบากอาจทำลายความเข้มแข็งที่เราจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมี และอาจทำให้ความตั้งใจแน่วแน่ของเราที่จะอดทนจนถึงที่สุดอ่อนลงไปได้. เป็นเช่นนั้นโดยวิธีใด?
3 ความท้อแท้อาจทำให้เราสูญเสียความสามารถในการรับรู้ที่ไม่ถูกแทรกแซงโดยอารมณ์หรืออคติส่วนตัว. ตัวอย่างเช่น เป็นเรื่องง่ายที่เราจะขยายความทุกข์ยากให้ดูหนักกว่าความเป็นจริงและเริ่มรู้สึกสงสารตัวเอง. บางคนถึงกับร้องต่อพระเจ้าว่า “ทำไมพระองค์ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า?” หากเจตคติในแง่ลบเช่นนั้นเริ่มงอกรากขึ้นในหัวใจของใคร เจตคตินั้นอาจเซาะกร่อนความยินดีและความเชื่อมั่นของคนนั้นได้. ผู้รับใช้ของพระเจ้าอาจเริ่มท้อใจอย่างมากจนถึงกับละทิ้ง “การสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ.”—1 ติโมเธียว 6:12, ล.ม.
4, 5. ในบางกรณี ซาตานเกี่ยวข้องกับปัญหาของเราอย่างไร ถึงกระนั้นเรามีความเชื่อมั่นเช่นไร?
4 พระยะโฮวาพระเจ้าไม่ทรงเป็นเหตุให้เกิดความยากลำบากที่เราประสบอย่างแน่นอน. (ยาโกโบ 1:13) การทดสอบบางอย่างเกิดขึ้นกับเราเนื่องจากเรากำลังพยายามรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระองค์. ที่จริง ทุกคนที่รับใช้พระยะโฮวาตกเป็นเป้าของศัตรูตัวสำคัญของพระองค์ คือซาตานพญามาร. ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่มันยังมีเหลืออยู่ ตัวชั่วร้ายนั้นซึ่งเป็น “พระเจ้าของระบบนี้” กำลังพยายามทำให้ใครก็ตามที่รักพระยะโฮวาละทิ้งการทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. (2 โกรินโธ 4:4, ล.ม.) ซาตานก่อความทุกข์ยากมากเท่าที่มันจะทำได้ต่อสังคมพี่น้องทั้งสิ้นของเราทั่วโลก. (1 เปโตร 5:9) จริงอยู่ ซาตานไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาโดยตรงทุกอย่าง แต่มันสามารถฉวยประโยชน์จากปัญหาต่าง ๆ ที่เราเผชิญ พยายามทำให้เราอ่อนแอลงไปอีก.
5 แต่ไม่ว่าซาตานหรืออาวุธของมันจะน่ากลัวขนาดไหน เราสามารถเอาชนะมันได้! เราสามารถแน่ใจเช่นนั้นได้อย่างไร? เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าทรงต่อสู้เพื่อเรา. พระองค์ได้ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้รับใช้ของพระองค์รู้ยุทธวิธีของซาตาน. (2 โกรินโธ 2:11) ที่จริง พระคำของพระเจ้าบอกเรามากมายเกี่ยวกับการทดลองต่าง ๆ ที่ก่อความทุกข์ยากแก่คริสเตียนแท้. ในกรณีของอัครสาวกเปาโล คัมภีร์ไบเบิลใช้วลี “หนามในเนื้อหนัง.” เพราะเหตุใด? ให้เรามาพิจารณาว่าพระคำของพระเจ้าอธิบายวลีนี้อย่าง ไร. แล้วเราจะเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเพื่อจะชนะการทดลอง.
เหตุที่การทดสอบต่าง ๆ เป็นเหมือนหนาม
6. เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อกล่าวถึง “หนามในเนื้อหนัง” และหนามนั้นอาจได้แก่อะไร?
6 เปาโล ซึ่งถูกทดลองอย่างแสนสาหัส ได้รับการดลใจให้เขียนว่า “ให้ข้าพเจ้ามีหนามในเนื้อหนัง คือทูตของซาตาน ให้คอยตบข้าพเจ้าเรื่อย ๆ เพื่อข้าพเจ้าจะไม่สูงส่งเกินไป.” (2 โกรินโธ 12:7, ล.ม.) หนามในเนื้อหนังของเปาโลที่ว่านี้คืออะไร? หนามที่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวหนังคงทำให้เจ็บปวดอย่างแน่นอน. ดังนั้น คำเปรียบนี้บ่งชี้ว่ามีบางสิ่งที่ก่อความเจ็บปวดแก่เปาโล อาจเป็นทางกาย, ทางอารมณ์, หรือทั้งสองทาง. อาจเป็นได้ว่าเปาโลทนทุกข์จากปัญหาที่เกี่ยวกับดวงตาหรือความอ่อนแออื่น ๆ ทางกาย. หรือหนามนั้นอาจเกี่ยวข้องกับบางคนที่ได้ท้าทายความน่าเชื่อถือแห่งคุณสมบัติของเปาโลในฐานะอัครสาวกและตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับงานประกาศและการสั่งสอนของท่าน. (2 โกรินโธ 10:10-12; 11:5, 6, 13) ไม่ว่าจริง ๆ แล้วคืออะไร หนามนั้นอยู่กับเปาโลและไม่สามารถขจัดออกไปได้.
7, 8. (ก) วลี ‘คอยตบเรื่อย ๆ’ บ่งชี้ถึงอะไร? (ข) เหตุใดจึงสำคัญที่เราจะรับมือหนามใด ๆ ก็ตามที่ทิ่มตำเราในขณะนี้?
7 โปรดสังเกตว่าหนามนั้นคอยตบเปาโลอยู่เรื่อย ๆ. น่าสนใจ คำกริยาภาษากรีกที่เปาโลใช้ในที่นี้มาจากคำที่หมายถึง “ข้อนิ้ว.” มีการใช้คำนี้ในความหมายตามตัวอักษรที่มัดธาย 26:67 และใช้ในความหมายเป็นนัยที่ 1 โกรินโธ 4:11. ทั้งสองข้อนี้สื่อความหมายให้คิดถึงการถูกต่อยด้วยกำปั้น. เมื่อคำนึงถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงที่ซาตานมีต่อพระยะโฮวาและผู้รับใช้ของพระองค์ เราสามารถแน่ใจได้ว่าพญามารยินดีที่มีหนาม ซึ่งคอยตบเปาโลเรื่อย ๆ. ปัจจุบัน ซาตานก็ยินดีเช่นกันเมื่อเราประสบความลำบากเนื่องด้วยหนามในเนื้อหนังคล้าย ๆ กัน.
8 ด้วยเหตุนั้น เช่นเดียวกับเปาโล เราจำเป็นต้องทราบวิธีรับมือหนามเช่นนั้น. การทราบวิธีรับมือหมายถึงชีวิตของเราเลยทีเดียว! พึงจำไว้ว่า พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เรามีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ของพระองค์ ซึ่ง ณ ที่นั่นปัญหาต่าง ๆ ซึ่งคล้ายกับหนามจะไม่เกิดขึ้นกับเราอีก. เพื่อช่วยเราให้ได้รับรางวัลอันยอดเยี่ยมนี้ พระเจ้าประทานตัวอย่างมากมายแก่เราในพระคำบริสุทธิ์ของพระองค์ คือคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งแสดงว่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์รับมือหนามในเนื้อหนังของพวกเขาได้. พวกเขาเป็นคนธรรมดาและไม่สมบูรณ์เหมือนกับเรา. การพิจารณาชีวิตของบางคนในหมู่ “เมฆใหญ่แห่งพยาน” นี้อาจช่วยเราให้ “วิ่งด้วยความเพียรอดทนในการวิ่งแข่งซึ่งอยู่ต่อหน้าเรา.” (เฮ็บราย 12:1, ล.ม.) การคิดรำพึงเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาอดทนสามารถสร้างเสริมความเชื่อมั่นว่า เราสามารถรับมือหนามใด ๆ ที่ซาตานอาจใช้โจมตีเรา.
หนามที่ทิ่มตำมะฟีโบเซ็ธ
9, 10. (ก) หนามในเนื้อหนังของมะฟีโบเซ็ธเกิดขึ้นอย่างไร? (ข) กษัตริย์ดาวิดแสดงความกรุณาต่อมะฟีโบเซ็ธเช่นไร และเราอาจเลียนแบบดาวิดอย่างไร?
9 ขอให้พิจารณาเรื่องราวของมะฟีโบเซ็ธ ราชบุตรของโยนาธานสหายของดาวิด. เมื่อมะฟีโบเซ็ธอายุได้ห้าพรรษา มีข่าวแจ้งมาว่าโยนาธานราชบิดา และกษัตริย์ซาอูลพระอัยกา ถูกปลงพระชนม์. พี่เลี้ยงของพระกุมารตกใจจนทำอะไรไม่ถูก. เธอ “อุ้ม . . . เมื่อรีบหนีไปนั้นกุมารก็พลัดตกเป็นง่อย.” (2 ซามูเอล 4:4) ความพิการนี้คงต้องเป็นเหมือนกับหนามที่มะฟีโบเซ็ธต้องอดทนขณะที่เขาเจริญวัยขึ้น.
10 ในเวลาต่อมา ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ต่อโยนาธาน กษัตริย์ดาวิดแสดงความรักกรุณาต่อมะฟีโบเซ็ธ. ดาวิดยกทรัพย์สินที่ดินทั้งสิ้นของซาอูลให้เขาและแต่งตั้งซีบาคนรับใช้ของซาอูลให้ดูแลที่ดินดังกล่าว. ดาวิดยังบอกมะฟีโบเซ็ธด้วยว่า ‘เราจะเลี้ยงเจ้าไว้ที่โต๊ะของเราเสมอ.’ (2 ซามูเอล 9:6-10) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความรักกรุณาของดาวิดให้การปลอบประโลมแก่มะฟีโบเซ็ธและช่วยลดทอนความเจ็บปวดจากความพิการของเขา. ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ! เราเองก็ควรแสดงความกรุณาต่อคนที่กำลังต่อสู้กับหนามในเนื้อหนัง.
11. ซีบากล่าวหามะฟีโบเซ็ธเช่นไร แต่เราทราบได้อย่างไรว่าคำกล่าวหานั้นเป็นความเท็จ? (โปรดดูเชิงอรรถ.)
11 ภายหลัง มะฟีโบเซ็ธต้องต่อสู้กับหนามในเนื้อหนังอีกอย่างหนึ่ง. ซีบาคนรับใช้ใส่ร้ายเขาต่อพระพักตร์กษัตริย์ดาวิด ซึ่งในตอนนั้นกำลังหนีออกจากกรุงเยรูซาเลมเนื่องด้วยการกบฏของอับซาโลม ราชบุตรของดาวิดเอง. ซีบากล่าวว่ามะฟีโบเซ็ธรั้งรออยู่ในกรุงเยรูซาเลมด้วยความไม่ * ดาวิดเชื่อคำใส่ร้ายของซีบาและยกทรัพย์สินที่ดินทั้งหมดของมะฟีโบเซ็ธให้แก่คนพูดมุสาผู้นี้!—2 ซามูเอล 16:1-4.
ภักดี โดยหวังตำแหน่งกษัตริย์สำหรับตนเอง.12. มะฟีโบเซ็ธแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต และเขาวางตัวอย่างที่ดีอย่างไรสำหรับเรา?
12 อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุดมะฟีโบเซ็ธได้พบกับดาวิด เขาบอกกษัตริย์ถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ. เขาได้เตรียมตัวจะไปด้วยกันกับดาวิดอยู่แล้ว แต่ซีบาหลอกลวงเขาและอาสาไปแทน. ดาวิดได้แก้ไขความผิดพลาดนี้ไหม? เพียงบางส่วน. ท่านให้ชายทั้งสองแบ่งทรัพย์สินกัน. ดังนั้น เรื่องนี้อาจเป็นหนามอีกประการหนึ่งในเนื้อหนังของมะฟีโบเซ็ธ. เขารู้สึกผิดหวังอย่างแรงไหม? เขาคัดค้านการตัดสินใจของดาวิด โดยร้องครวญว่าไม่ยุติธรรมไหม? ไม่ เขายอมตามความประสงค์ของกษัตริย์ด้วยความถ่อมใจ. เขาเพ่งมองในด้านบวก ยินดีที่กษัตริย์ผู้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมของอิสราเอลกลับมาโดยปลอดภัย. มะฟีโบเซ็ธวางตัวอย่างไว้อย่างดีเยี่ยมจริง ๆ โดยอดทนกับความพิการ, การถูกใส่ร้าย, และความผิดหวัง.—2 ซามูเอล 19:24-30.
นะเฮมยารับมือการทดลอง
13, 14. หนามอะไรที่นะเฮมยาต้องอดทนเมื่อท่านกลับมาเพื่อสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเลมขึ้นใหม่?
13 ขอให้คิดถึงหนามโดยนัยที่นะเฮมยาต้องอดทนเมื่อท่านกลับมายังกรุงเยรูซาเลมที่ปราศจากกำแพงล้อมรอบในศตวรรษที่ห้าก่อนสากลศักราช. ท่านพบว่ากรุงนี้ปราศจากการป้องกันจริง ๆ และชาวยิวที่กลับมาก็ไม่มีระเบียบ, ท้อแท้, และไม่สะอาดในสายพระเนตรพระยะโฮวา. แม้ได้รับอำนาจจากกษัตริย์อะระธาสัศธาให้สร้างกำแพงกรุงเยรูซาเลมขึ้นใหม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนะเฮมยาก็ทราบว่าภารกิจของท่านเป็นที่เกลียดชังของพวกผู้ปกครองดินแดนข้างเคียง. “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่พอใจเขาอย่างยิ่งที่มีคนมาหาความสุขให้คนอิสราเอล.”—นะเฮมยา 2:10, ฉบับแปลใหม่.
14 ชาวต่างชาติผู้ต่อต้านทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลังเพื่อหยุดยั้งงานของนะเฮมยา. คำขู่, คำโกหก, การใส่ร้าย, การขู่ขวัญ ตลอดจนการส่งคนสอดแนมมาเพื่อทำให้ท่านหมดกำลังใจ คงต้องเป็นเหมือนกับหนามในเนื้อหนังที่ทิ่มตำท่านอย่างไม่หยุดหย่อน. ท่านยอมแพ้แก่ยุทธอุบายของศัตรูเหล่านี้ไหม? ไม่เลย! ท่านไว้วางใจเต็มที่ในพระเจ้าและไม่ได้อ่อนกำลังลงไป. ด้วยเหตุนั้น เมื่อสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเลมเสร็จในที่สุด กำแพงเหล่านี้เป็นหลักฐานที่ยั่งยืนว่าพระยะโฮวาทรงสนับสนุนนะเฮมยาด้วยความรัก.—นะเฮมยา 4:1-12; 6:1-19.
15. มีปัญหาอะไรบ้างในหมู่ชาวยิวที่ทำให้นะเฮมยาลำบากใจอย่างยิ่ง?
15 ในฐานะผู้สำเร็จราชการ นะเฮมยาต้องต่อสู้กับปัญหาหลายอย่างในหมู่ไพร่พลของพระเจ้าด้วย. เรื่องยุ่งยากเหล่านี้เป็นเหมือนหนามที่สร้างความลำบากใจแก่ท่านอย่างยิ่ง เพราะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของประชาชนกับนะเฮมยา 5:1-10) ชาวยิวหลายคนฝ่าฝืนซะบาโตและไม่สนับสนุนชาวเลวีและพระวิหาร. นอกจากนั้น บางคนได้รับ “ผู้หญิงชาติอัศโดด, ชาติอำโมน, และชาติโมอาบมาเป็นภรรยา.” เรื่องนี้ทำให้นะเฮมยาเจ็บปวดใจสักเพียงไร! แต่ไม่มีหนามอันใดที่ทำให้ท่านล้มเลิก. ครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านทุ่มเทตัวเองในฐานะผู้ยึดมั่นในกฎหมายอันชอบธรรมของพระเจ้าที่มีใจแรงกล้า. เช่นเดียวกับนะเฮมยา ขอเราอย่าปล่อยให้ความประพฤติที่ไม่ซื่อสัตย์ของผู้อื่นมาหน่วงเหนี่ยวเราไว้จากการรับใช้พระยะโฮวาอย่างภักดี.—นะเฮมยา 13:10-13, 23-27.
พระยะโฮวา. คนที่ร่ำรวยเรียกเก็บดอกเบี้ยแพง, และพวกพี่น้องที่ยากจนของพวกเขาต้องสละที่ดินและแม้แต่ขายบุตรไปเป็นทาส เพื่อจะจ่ายหนี้และเสียภาษีอากรแก่รัฐบาลเปอร์เซีย. (ผู้ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ อีกมากมายรับมือหนามในเนื้อหนัง
16-18. ความขัดแย้งในครอบครัวสร้างปัญหาอย่างไรแก่ยิศฮาคและริบะคา, นางฮันนา, ดาวิด, และโฮเซอา?
16 คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างมากมายของผู้คนที่รับมือสถานการณ์ที่ก่อความทุกข์ลำบากซึ่งเป็นเหมือนหนาม. ที่มาอย่างหนึ่งของหนามเช่นนั้นซึ่งเห็นโดยทั่วไปคือปัญหาครอบครัว. ภรรยาสองคนของเอซาว “ทำให้ยิศฮาคกับนางริบะคา [บิดามารดาของเอซาว] มีใจโศกเศร้านัก.” ริบะคาถึงกับกล่าวว่าเธอเบื่อชีวิตเพราะภรรยาทั้งสองของบุตรชาย. (เยเนซิศ 26:34, 35; 27:46) นอกจากนี้ ขอให้นึกถึงนางฮันนาและวิธีที่คู่อริของเธอ คือนางพะนีนาซึ่งเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของสามีเธอ ‘รบกวนเธอเป็นที่ยิ่ง’ เนื่องจากนางฮันนาเป็นหมัน. นางฮันนาอาจเป็นทุกข์ใจด้วยเรื่องนี้บ่อย ๆ เมื่ออยู่กันเป็นส่วนตัวที่บ้าน. พะนีนายังรังควานเธอต่อหน้าผู้อื่นด้วย ซึ่งก็คงจะต่อหน้าญาติและเพื่อน ๆ ขณะที่ครอบครัวร่วมฉลองเทศกาลที่เมืองซีโล. การทำอย่างนี้เป็นเหมือนกับการดันหนามให้ตำลึกลงไปในเนื้อหนังของนางฮันนา.—1 ซามูเอล 1:4-7.
17 ขอให้ใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่ดาวิดต้องอดทนเนื่องด้วยความอิจฉาอย่างไร้เหตุผลของพ่อตา คือกษัตริย์ซาอูล. เพื่อเอาชีวิตรอด ดาวิดจำต้องอาศัยตามถ้ำในถิ่นทุรกันดารเมืองเอนเกดี ซึ่งท่านต้องปีนป่ายข้ามช่องเขาอันเต็มด้วยหินผาซึ่งลึกชันและอันตราย. ความอยุติธรรมที่ท่านประสบคงต้องทำให้ท่านหงุดหงิด เพราะท่านมิได้ทำสิ่งใดผิดต่อซาอูลเลย. ถึงกระนั้น ดาวิดต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นเวลาหลายปี ทั้งหมดนี้เพราะความอิจฉาของซาอูล.—1 ซามูเอล 24:14, 15; สุภาษิต 27:4.
18 ขอให้นึกภาพถึงความขัดแย้งในครอบครัวที่สร้างปัญหาอย่างมากแก่ผู้พยากรณ์โฮเซอา. ภรรยาของท่านเป็นหญิงที่เล่นชู้. การประพฤติผิดศีลธรรมของเธอคงต้องเป็นเหมือนหนามที่ทิ่มตำหัวใจท่าน. และท่านคงต้องเจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอคลอดบุตรนอกกฎหมายสองคนซึ่งเกิดจากการผิดประเวณีของเธอ!—โฮเซอา 1:2-9.
19. ผู้พยากรณ์มีคายาถูกข่มเหงเช่นไร?
19 หนามในเนื้อหนังอีกอย่างหนึ่งคือการข่มเหง. ขอให้นึกถึงประสบการณ์ของผู้พยากรณ์มีคายา. การที่ท่านเห็นว่ากษัตริย์อาฮาบผู้ชั่วร้ายถูกห้อมล้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จและการที่อาฮาบเชื่อคนเหล่านี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากล่าวเท็จคงต้องเป็นเรื่องที่ทำให้จิตวิญญาณอันชอบธรรมของมีคายา1 กษัตริย์ 22:6, 9, 15-17, 23-28) นอกจากนี้ ขอให้นึกถึงยิระมะยาและวิธีที่พวกผู้ข่มเหงซึ่งมีเจตนาฆ่าปฏิบัติต่อท่าน.—ยิระมะยา 20:1-9.
เป็นทุกข์หนัก. ต่อมา เมื่อมีคายาบอกอาฮาบว่าผู้พยากรณ์ทั้งหมดเหล่านั้นกล่าวคำที่มาจาก “ปีศาจล่อลวง” ผู้นำของคนหลอกลวงพวกนี้ทำเช่นไร? เขา “ตบมีคายาที่แก้ม”! ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือปฏิกิริยาของอาฮาบต่อคำเตือนของพระยะโฮวาที่ว่าการต่อสู้เพื่อตีเอาเมืองราโมทกิเลอาดคืนจะไม่สำเร็จ. อาฮาบมีรับสั่งให้เอามีคายาไปขังคุกและให้อาหารรับประทานเพียงเล็กน้อย. (20. นาอะมีต้องอดทนกับหนามเช่นไร และเธอได้รับบำเหน็จอย่างไร?
20 การสูญเสียผู้เป็นที่รักเป็นสภาพการณ์อันขมขื่นอีกอย่างหนึ่งที่อาจเป็นเหมือนหนามในเนื้อหนัง. นาอะมีต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีและบุตรชายสองคนเนื่องด้วยความตาย. เธอกลับมาที่เมืองเบธเลเฮมในขณะที่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดจากเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น. เธอบอกมิตรสหายว่าอย่าเรียกเธอว่านาอะมี แต่ให้เรียกว่ามารา ซึ่งเป็นชื่อที่สะท้อนถึงความขมขื่นของประสบการณ์ที่เธอได้รับ. อย่างไรก็ตาม ในที่สุดพระยะโฮวาทรงตอบแทนความอดทนของเธอให้เธอมีหลานชายที่กลายมาเป็นผู้เชื่อมต่อวงศ์ตระกูลซึ่งพระมาซีฮาจะมาประสูติ.—ประวัตินางรูธ 1:3-5, 19-21; 4:13-17; มัดธาย 1:1, 5.
21, 22. โยบถูกกลุ้มรุมด้วยความสูญเสียอย่างไร และท่านแสดงปฏิกิริยาอย่างไร?
21 ขอให้นึกดูว่าโยบคงต้องตกตะลึงสักเพียงใดเมื่อได้ยินว่าบุตรผู้เป็นที่รักสิบคนเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยเหตุอันผิดธรรมดา แถมยังสูญเสียฝูงปศุสัตว์และคนรับใช้ทั้งหมด. โลกทั้งหมดของท่านราวกับพังทลายไปโดยพลัน! ต่อมา ขณะที่โยบกำลังซวนเซจากเรื่องอันเลวร้ายเหล่านี้ ซาตานโจมตีท่านด้วยความเจ็บป่วย. โยบคงคิดว่าความเจ็บป่วยร้ายแรงนี้กำลังจะทำให้ท่านเสียชีวิต. ความเจ็บปวดของท่านสาหัสสุดจะทานทนได้จนท่านอยากตายเพื่อจะได้พ้นทุกข์.—โยบ 1:13-20; 2:7, 8.
22 ราวกับว่าทั้งหมดนี้ยังไม่พอ ภรรยาท่านได้เข้ามาหาท่านด้วยอาการโศกเศร้าและเจ็บปวดรวดร้าว แล้วร้องว่า “จงแช่งด่าพระเจ้า; ถึงจะตายก็ตายเถิด.” ช่างเป็นหนามที่ทิ่มตำเนื้อหนังอันเจ็บปวดอะไรอย่างนั้น! ต่อมา แทนที่สหายสามคนของโยบจะปลอบโยนท่าน พวกเขากลับโจมตีท่านด้วยการหาเหตุผลที่ดูเผิน ๆ แล้วน่าเชื่อถือ กล่าวหาว่าท่านทำบาปลับ ๆ และทึกทักว่าบาปดังกล่าวเป็นต้นเหตุของเหตุร้ายที่ท่านประสบ. การหาเหตุผลอย่างผิด ๆ ของพวกเขาเป็นเหมือนกับการดันหนามในเนื้อหนังของท่านให้ตำลึกเข้าไปอีก. ต้องไม่ลืมด้วยว่าโยบไม่ทราบว่าทำไมเรื่องร้าย ๆ เหล่านี้จึงเกิดขึ้นกับท่าน; อีกทั้งท่านไม่ทราบว่าชีวิตของท่านจะได้รับการรักษาไว้. ถึงกระนั้น “ในเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ท่านโยบหาได้กระทำผิดสิ่งใดไม่, และมิได้กล่าวโทษอันใดต่อพระเจ้าเลย.” (โยบ 1:22; 2:9, 10; 3:3; 14:13; 30:17) แม้ถูกกลุ้มรุมด้วยหนามต่าง ๆ มากมายที่ประดังเข้ามาในคราวเดียว ท่านไม่ละทิ้งแนวทางแห่งความซื่อสัตย์มั่นคงของท่าน. ช่างให้กำลังใจจริง ๆ!
23. เหตุใดเหล่าผู้ซื่อสัตย์ที่เราได้พิจารณากันไปสามารถอดทนหนามในเนื้อหนังซึ่งมีมากมายหลายแบบ?
23 แน่นอน มีตัวอย่างอีกมากมายนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไปข้างต้น. คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างของอีกหลายคน. ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ต้องต่อสู้กับหนามโดยนัยของตนเอง. และพวกเขาเผชิญปัญหาที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ! ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกัน. ไม่มีใครละทิ้งการรับใช้พระยะโฮวา. แม้เผชิญการทดสอบที่ก่อความทุกข์เดือดร้อนทุกรูปแบบ พวกเขามีชัยเหนือซาตานโดยอาศัยกำลังที่พระยะโฮวาประทานแก่พวกเขา. โดยวิธีใด? บทความถัดไปจะตอบคำถามนี้และแสดงให้เราเห็นวิธีที่เราเองสามารถรับมือสิ่งใดก็ตามที่เป็นเหมือนกับหนามในเนื้อหนังของเรา.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 11 แผนการอันทะเยอทะยานแบบนั้นคงต้องเป็นสิ่งที่ขัดกับบุคลิกลักษณะของชายผู้สำนึกบุญคุณและถ่อมใจอย่างมะฟีโบเซ็ธ. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาทราบดีเกี่ยวกับประวัติอันซื่อสัตย์ที่โยนาธานผู้ราชบิดาได้ทำไว้. แม้ว่าเป็นราชบุตรของกษัตริย์ซาอูล โยนาธานถ่อมใจยอมรับดาวิดในฐานะผู้ที่พระยะโฮวาทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล. (1 ซามูเอล 20:12-17) ในฐานะบิดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของมะฟีโบเซ็ธและสหายที่ภักดีของดาวิด โยนาธานย่อมไม่ได้สอนบุตรน้อยให้มีความทะเยอทะยานอยากได้อำนาจในฐานะกษัตริย์.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดปัญหาต่าง ๆ ที่เราเผชิญอาจเปรียบได้กับหนามในเนื้อหนัง?
• หนามในเนื้อหนังอะไรบ้างที่มะฟีโบเซ็ธและนะเฮมยาต้องอดทน?
• ในบรรดาตัวอย่างของชายหญิงหลายคนในพระคัมภีร์ที่อดทนกับหนามในเนื้อหนังมากมายหลายแบบ ตัวอย่างของใครที่คุณรู้สึกว่ากระตุ้นใจเป็นพิเศษ และเพราะเหตุใด?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 15]
มะฟีโบเซ็ธต้องรับมือความพิการ, การถูกใส่ร้าย, และความผิดหวัง
[ภาพหน้า 16]
นะเฮมยาบากบั่นต่อไปแม้เผชิญการต่อต้าน