พระพรอันอุดมเนื่องจากการรักษาน้ำใจมิชชันนารี
เรื่องราวชีวิตจริง
พระพรอันอุดมเนื่องจากการรักษาน้ำใจมิชชันนารี
เล่าโดยทอม คุก
จู่ ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้นทำลายความสงบของบ่ายวันนั้น. กระสุนหลายนัดทะลุทะลวงต้นไม้ในสวนของเรา. นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไม่นานเราก็ได้รู้ว่ามีการก่อรัฐประหารขึ้นและตอนนี้ประเทศยูกันดาอยู่ภายใต้การปกครองของนายพลอีดี อามิน. ตอนนั้นเป็นปี 1971.
เหตุใดแอนน์ภรรยาผมและตัวผมจึงย้ายจากประเทศซึ่งค่อนข้างสงบสุขอย่างประเทศอังกฤษ มายังภูมิภาคหนึ่งของแอฟริกาที่มีแต่ความไม่แน่นอนและไม่ค่อยปลอดภัยนี้? ผมคิดว่าผมเป็นคนชอบผจญภัยอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญเป็นเพราะแบบอย่างของพ่อแม่ในการทำงานรับใช้ราชอาณาจักรอย่างกระตือรือร้นต่างหากที่ปลูกฝังน้ำใจมิชชันนารีในตัวผม.
ผมยังจำวันที่มีอากาศร้อนในเดือนสิงหาคมปี 1946 ได้ ซึ่งเป็นวันที่พ่อแม่ผมพบกับพยานพระยะโฮวาเป็นครั้งแรก. พ่อกับแม่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านและคุยกับผู้มาเยือนสองคนซึ่งดูเหมือนนานเป็นชั่วโมง. แขกสองคนนั้นคือเฟรเซอร์ แบรดเบอรีย์และเมมี ชรีฟ ได้กลับมาเยี่ยมอีกหลายครั้ง และในช่วงหลายเดือนหลังจากนั้นชีวิตของครอบครัวเราก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด.
แบบอย่างแห่งความกล้าหาญของพ่อแม่
พ่อกับแม่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลายอย่างของชุมชน. ตัวอย่างเช่น ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล มีภาพขนาดใหญ่ของวินสตัน เชอร์ชิลล์ประดับบ้านของเรา. ในช่วงการเลือกตั้งหลังสงคราม มีการใช้บ้านของเราเป็นศูนย์การประชุมของคณะกรรมการพรรคอนุรักษ์นิยมในท้องถิ่น. ครอบครัวเรายังรู้จักบุคคลที่มีชื่อเสียงทางศาสนาและในสังคมอีกด้วย. แม้ในขณะนั้นผมอายุเพียงเก้า
ขวบ แต่ผมรู้สึกได้ถึงความตกตะลึงของบรรดาญาติ ๆ เมื่อพวกเขารู้ว่าเรากำลังจะมาเป็นพยานพระยะโฮวา.แบบอย่างของการทำอย่างสิ้นสุดจิตวิญญาณและด้วยความกล้าหาญของพยานฯ ที่เราคบหาสมาคมด้วย ได้ช่วยกระตุ้นพ่อแม่ให้ขยันขันแข็งในงานประกาศ. ไม่ช้าพ่อก็ได้ให้คำบรรยายกลางแจ้งผ่านเครื่องขยายเสียงในตลาดสโพนดอนซึ่งเป็นหมู่บ้านของเรา ขณะที่พวกเราซึ่งเป็นเด็กยืนถือวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! ในทำเลที่เห็นได้ชัด. ผมยอมรับว่าเมื่อเห็นเด็ก ๆ ที่ไปโรงเรียนด้วยกันเดินเข้ามาใกล้ ผมอยากจะให้แผ่นดินกลืนผมให้หายไปจากตรงนั้นเลยทีเดียว.
แบบอย่างของพ่อแม่กระตุ้นให้แดฟนีพี่สาวคนโตของผมเริ่มงานไพโอเนียร์. ในปี 1955 เธอเข้าร่วมโรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียดและได้รับมอบหมายให้เป็นมิชชันนารีที่ประเทศญี่ปุ่น. * แต่โซอีน้องสาวคนเล็กเลิกรับใช้พระยะโฮวา.
ในระหว่างนั้น ผมได้ศึกษาศิลปะการวาดเขียนและพิมพ์ภาพ. ตอนนั้น ประเด็นร้อนแรงที่ถกเถียงกันในหมู่เพื่อนฝูงของผมคือเรื่องการเกณฑ์ทหาร. เมื่อผมบอกพวกเขาว่าผมปฏิเสธการเป็นทหารเนื่องจากสติรู้สึกผิดชอบ พวกเขาคิดว่าผมพูดเรื่องตลก. ประเด็นนี้ทำให้ผมมีโอกาสสนทนาเรื่องคัมภีร์ไบเบิลกับเพื่อนนักศึกษาบางคน. ต่อมาผมถูกตัดสินจำคุก 12 เดือนเนื่องจากปฏิเสธการรับราชการทหาร. นักศึกษาคนหนึ่งที่วิทยาลัยช่างศิลป์ ซึ่งแสดงความสนใจข่าวสารของคัมภีร์ไบเบิลได้กลายเป็นภรรยาของผมในเวลาต่อมา. แต่ผมจะขอให้แอนน์เล่าให้คุณฟังว่า เธอได้เรียนความจริงอย่างไร.
วิธีที่แอนน์เรียนรู้ความจริง
“ครอบครัวของดิฉันไม่ใช่ครอบครัวที่เคร่งศาสนา และดิฉันไม่ได้รับบัพติสมาในศาสนาใด ๆ ทั้งนั้น. แต่ดิฉันก็อยากรู้เรื่องศาสนาและไปโบสถ์ไหนก็ได้ที่เพื่อนเข้าร่วม. ดิฉันเกิดความสนใจในคัมภีร์ไบเบิล เมื่อบังเอิญได้ยินการสนทนาที่มีชีวิตชีวาของทอมและพยานฯ อีกคนหนึ่งซึ่งคุยกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่วิทยาลัย. เมื่อทอมและพยานฯ คนอื่น ๆ ถูกส่งไปยังเรือนจำเพราะปฏิเสธการรับราชการทหาร ดิฉันตกใจมาก.
“ดิฉันเขียนจดหมายโต้ตอบกับทอมในช่วงที่เขาอยู่ในคุก และดิฉันรู้สึกสนใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น. เมื่อย้ายไปยังลอนดอนเพื่อเรียนต่อ ดิฉันตกลงศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับมิวริเอล อัลเบร็ค. มิวริเอลเคยรับใช้ในฐานะมิชชันนารีในเอสโตเนีย ทั้งเธอและแม่เป็นแหล่งแห่งการหนุนใจที่สำคัญของดิฉัน. ภายในไม่กี่สัปดาห์ ดิฉันเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ และยังได้ยืนอยู่นอกสถานีรถไฟวิกตอเรียเพื่อเสนอวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด!
“ดิฉันเข้าร่วมประชุมกับประชาคมซัทเอิร์กทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน. ประชาคมนี้ประกอบด้วยพี่น้องชายหญิงฝ่ายวิญญาณที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ และหลายคนในพวกเขามีสิ่งฝ่ายวัตถุน้อยมาก. แม้ว่าดิฉันเป็นคนแปลกหน้า แต่พวกเขาปฏิบัติกับดิฉันเหมือนเป็นสมาชิกครอบครัวของพวกเขา. ความรักที่มีในประชาคมนั้นนั่นเองทำให้ดิฉันมั่นใจว่านี่คือความจริง ดิฉันจึงรับบัพติสมาในปี 1960.”
เป้าหมายเดียวกัน—แต่ต่างสภาพการณ์
ต่อมาผมและแอนน์แต่งงานกันในปี 1960 และเรามีเป้าหมายรับใช้ในงานมิชชันนารี. แต่สภาพการณ์ของเรา
เปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเรากำลังจะมีลูก. หลังจากลูกสาวของเราคือซาราเกิดมา แอนน์และผมยังคงปรารถนาจะรับใช้ในประเทศที่มีความต้องการผู้ประกาศราชอาณาจักรมากกว่า. ผมสมัครงานไว้หลายประเทศ และในเดือนพฤษภาคม 1966 มีจดหมายฉบับหนึ่งจากกระทรวงศึกษาธิการประเทศยูกันดาตอบรับผมเข้าทำงานในที่สุด. แต่ตอนนั้นแอนน์กำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง. บางคนสงสัยว่าเป็นเรื่องฉลาดสุขุมหรือไม่ที่เราตัดสินใจจะย้าย. เราจึงปรึกษากับคุณหมอของเรา เขาบอกว่า “ถ้าคุณจะไป คุณควรบินไปช่วงที่ภรรยาคุณตั้งครรภ์ยังไม่ถึงเจ็ดเดือน.” ดังนั้น เราจึงมุ่งหน้าไปยังยูกันดาทันที. ด้วยเหตุนี้ พ่อกับแม่จึงไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวคนที่สองของเราที่ชื่อราเชล จนกระทั่งเธออายุสองขวบ. ปัจจุบันนี้เราเป็นตากับยายแล้ว เราได้เข้าใจและรู้สึกหยั่งรู้ค่าน้ำใจเสียสละของพ่อแม่ผู้เป็นที่รักของเราอย่างแท้จริง.เมื่อมาถึงยูกันดาในปี 1966 เราสองคนทั้งตื่นเต้นและหวั่นกลัว. ขณะก้าวลงจากเครื่องบิน เราประทับใจสีสันรอบ ๆ ตัวเราในทันที. สีสันต่าง ๆ สดใสมาก. บ้านหลังแรกของเราอยู่ใกล้เมืองเล็ก ๆ ที่ชื่ออิกางกา อยู่ห่างจากเมืองจินจา 50 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์. พยานฯ ที่อยู่ใกล้บ้านเราที่สุดคือกลุ่มโดดเดี่ยวที่เมืองจินจา. กิลเบิร์ตและโจน วอลเทอส์ สตีเฟนและบาร์บารา ฮาร์ดีเป็นมิชชันนารีที่ดูแลกลุ่มนี้อยู่. ผมได้ขอย้ายไปทำงานที่เมืองจินจาเพื่อเราจะสามารถช่วยกลุ่มโดดเดี่ยวนี้ได้. ไม่นานหลังจากราเชลเกิด เราจึงย้ายไปอยู่ที่เมืองจินจา. ณ ที่นั่นเราได้ชื่นชมยินดีในการรับใช้ร่วมกับพยานฯ ที่ซื่อสัตย์กลุ่มเล็ก ๆ นี้ กระทั่งเติบโตขึ้นจนกลายเป็นประชาคมที่สองในยูกันดา.
รับใช้ฐานะเป็นครอบครัวในเขตงานต่างแดน
แอนน์และผมรู้สึกว่า เราได้เลือกสภาพแวดล้อมที่ดีมากสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัวของเรา. เรารู้สึกชื่นชมยินดีที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับมิชชันนารีจากหลายประเทศและได้ช่วยประชาคมที่กำลังตั้งขึ้นใหม่ให้ก้าวหน้า. เราชอบการคบหาสมาคมกับพี่น้องชายหญิงชาวยูกันดา ซึ่งมักมาเยี่ยมที่บ้านของเราบ่อย ๆ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวสแตนลีย์และเอสสินาลา มากุมบาได้ให้การหนุนใจเราเป็นพิเศษ.
ไม่เฉพาะแต่พี่น้องเท่านั้นที่เป็นผู้มาเยือน เนื่องจากมีสัตว์ป่านานาชนิดที่น่าทึ่งอยู่รอบ ๆ เราด้วย. ฮิปโปโปเตมัสขึ้นจากแม่น้ำไนล์ตอนกลางคืนและเดินเฉียดบ้านของเราทีเดียว. ผมยังคงจำได้ชัดเจนถึงวันที่งูหลามยาว 6 เมตรเข้ามาในสวน. บางครั้งเราไปดูสัตว์ป่าโดยเดินทางไปที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ที่สิงโตและสัตว์ป่าอื่น ๆ ท่องไปอย่างอิสระ.
เมื่อเราไปประกาศ เราดูแปลกสำหรับผู้คนในท้องถิ่นซึ่งไม่เคยเห็นรถเข็นเด็กมาก่อน. เมื่อเราไปประกาศตามบ้าน มักจะมีเด็กเล็ก ๆ เดินตามเราเป็นพรวน. ผู้คนจ้องมองเราด้วยความนับถือแล้วก็แตะที่เด็กทารกผิวขาว. การให้คำ
พยานเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีเพราะคนที่นั่นมีอัธยาศัยดีมาก. เราคิดว่าทุกคนคงจะเข้ามาในความจริง เพราะเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. อย่างไรก็ดี หลายคนรู้สึกว่ายากที่จะเลิกปฏิบัติธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์. แต่ก็มีหลายคนที่รับเอามาตรฐานสูงทางศีลธรรมของคัมภีร์ไบเบิล และจำนวนประชาคมก็เพิ่มขึ้น. การประชุมหมวดครั้งแรกของเราในเมืองจินจาในปี 1968 นับเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญ. การรับบัพติสมาในแม่น้ำไนล์ของบางคนที่เราได้นำการศึกษาเป็นความทรงจำหนึ่งที่เราจะไม่ลืม. แต่ความสงบสุขของเราจะถูกทำลายในไม่ช้า.การสั่งห้าม—ทดสอบความเชื่อและปฏิภาณ
ในปี 1971 นายพลอีดี อามินขึ้นครองอำนาจ. ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในเมืองจินจา และช่วงที่เรากำลังจิบน้ำชาอยู่ในสวน ฉากเหตุการณ์ที่พรรณนาไว้ดังข้างต้นก็เกิดขึ้น. ในช่วงระหว่างสองปีถัดมา มีการขับไล่ชุมชนชาวเอเชียออกไปเป็นจำนวนมาก. ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะจากไป และโรงเรียนรวมทั้งสถานพยาบาลต่าง ๆ ประสบปัญหาอย่างหนัก. ต่อมาได้มีการประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า พยานพระยะโฮวาถูกสั่งห้าม. เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของเรา กระทรวงศึกษาธิการจึงย้ายเราไปอยู่ในเมืองหลวงคือกัมปาลา. การย้ายครั้งนี้ได้ประโยชน์ถึงสองทาง. เนื่องจากไม่ค่อยมีคนรู้จักเราในกัมปาลา เราจึงมีอิสระมากกว่าที่จะไปไหนมาไหนได้. นอกจากนั้น ที่นั่นยังมีงานที่จะต้องทำอีกมากทั้งในประชาคมและในเขตประกาศ.
ไบรอันและแมเรียน วอลเลซรวมทั้งลูกอีกสองคนอยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ กันกับเรา และพวกเขาก็เช่นกันตัดสินใจจะอยู่ที่ยูกันดาต่อไป. เราชื่นชอบการคบหาสมาคมกับพวกเขามาก ขณะที่เรารับใช้ด้วยกันในประชาคมกัมปาลาในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้. เรื่องราวที่เราเคยอ่านเกี่ยวกับงานรับใช้ของพี่น้องในประเทศอื่น ๆ ที่รับใช้ภายใต้การถูกสั่งห้าม ตอนนี้เรื่องเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งที่หนุนกำลังใจเราเป็นพิเศษ. เราประชุมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และเดือนละครั้งเราจัดการประชุมที่ใหญ่กว่าในสวนพฤกษศาสตร์เอนเทบเบ โดยทำเหมือนกับว่ามีงานเลี้ยง. ลูกสาวของเราคิดว่านี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก.
เราต้องระมัดระวังวิธีที่เราเข้าร่วมในการประกาศอย่างมาก. การที่คนผิวขาวไปที่บ้านของชาวยูกันดาเป็นจุดเด่นเกินไป. ดังนั้นร้านค้า, อพาร์ตเมนต์, และวิทยาลัยต่าง ๆ จึงกลายเป็นเขตงานของเรา. วิธีหนึ่งที่ผมใช้ในการประกาศที่ร้านค้าคือ ผมจะถามหาสินค้าที่รู้ว่าขาดตลาด เช่น น้ำตาลหรือข้าวสาร. ถ้าเจ้าของร้านแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึก
เป็นทุกข์เดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ ผมก็จะบอกข่าวสารราชอาณาจักร. วิธีนี้ใช้ได้ผลดีทีเดียว. บางครั้งบางคราวผมออกจากร้านค้าไม่เพียงแต่หวังจะได้กลับเยี่ยมอีกเท่านั้น แต่ยังได้สิ่งของยังชีพที่หายากจำนวนหนึ่งด้วย.ในระหว่างนั้น ความรุนแรงปะทุขึ้นทุกแห่งรอบตัวเรา. เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างยูกันดาและอังกฤษเลวร้ายลง หน่วยงานรัฐบาลจึงไม่ได้ต่อสัญญาจ้างงานให้ผม. ดังนั้นในปี 1974 หลังจากอยู่ในยูกันดาแปดปี ก็ถึงเวลาที่ต้องโบกมืออำลาพี่น้องของเรา. กระนั้น น้ำใจมิชชันนารีของเราไม่เหือดหาย.
ย้ายไปยังเกาะนิวกินี
ในเดือนมกราคมปี 1975 เราถือโอกาสที่จะไปทำงานในปาปัวนิวกินี. นับเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาแปดปีที่ได้รับใช้อย่างชื่นชมยินดีในน่านน้ำแถบแปซิฟิกนี้. ชีวิตที่ได้อยู่กับพี่น้องและทำงานรับใช้เป็นชีวิตที่มีความหมายและน่าพอใจจริง ๆ.
ครอบครัวของเรายังคงจำตอนที่อยู่ในปาปัวนิวกินีได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เรามีส่วนในละคร เป็นละครจากคัมภีร์ไบเบิล. เรามีส่วนในการเตรียมละครสำหรับการประชุมภาคทุกปี เรารู้สึกสนุกมากจริง ๆ! เราชื่นชมที่ได้คบหากับหลายครอบครัวที่ฝักใฝ่สิ่งฝ่ายวิญญาณ และสิ่งนี้ส่งผลกระทบที่ดีต่อลูกสาวของเรา. ซาราลูกสาวคนโตแต่งงานกับเรย์ สมิทซึ่งเป็นไพโอเนียร์พิเศษ และพวกเขาทำงานรับใช้ด้วยกันฐานะไพโอเนียร์พิเศษในเขตที่อยู่ใกล้กับพรมแดนอีเรียนจายา (ปัจจุบันคือ ปาปัว จังหวัดหนึ่งของอินโดนีเซีย). บ้านของพวกเขาเป็นกระท่อมมุงด้วยหญ้าคาตั้งอยู่ในหมู่บ้าน และซาราบอกว่า เวลาที่เธอใช้ในเขตมอบหมายนั้นเป็นการฝึกฝนที่ดีเยี่ยมสำหรับเธอ.
การปรับตัวเข้ากับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป
ช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของผมต้องการการเอาใจใส่ดูแลมากขึ้น. แทนที่เราต้องกลับไปยังประเทศอังกฤษ พ่อแม่ตกลงจะย้ายมาอยู่กับเรา ดังนั้น เราทั้งหมดจึงย้ายไปอยู่ออสเตรเลียในปี 1983. พ่อแม่ยังใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่กับแดฟนีพี่สาวของผมด้วย ซึ่งยังคงอยู่ในประเทศญี่ปุ่น. หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต แอนน์และผมตัดสินใจเข้าสู่งานรับใช้ฐานะไพโอเนียร์ประจำ และสิ่งนี้นำเราไปสู่สิทธิพิเศษที่ผมพบว่าค่อนข้างท้าทาย.
ตอนที่เราเพิ่งจะเริ่มงานไพโอเนียร์ได้ไม่นาน ก็ได้รับเชิญให้ทำงานเยี่ยมหมวด. ตั้งแต่เป็นเด็กมา ผมมองว่าการเยี่ยมของผู้ดูแลหมวดเป็นโอกาสที่พิเศษจริง ๆ. ตอนนี้ผมเป็นผู้ดูแลหมวด. งานเยี่ยมหมวดปรากฏว่าเป็นงานมอบหมายที่ท้าทายที่สุดเท่าที่เราเคยประสบมาจนถึงตอนนั้น แต่ครั้งแล้วครั้งเล่า พระยะโฮวาได้ทรงช่วยเราในวิธีที่เราไม่เคยประสบมาก่อน.
ระหว่างที่ผู้ดูแลโซนบราเดอร์ทีโอดอร์ จารัซมาเยี่ยมที่ออสเตรเลียในปี 1990 เราถามเขาว่า เขาคิดว่าเราอายุมากเกินกว่าจะรับใช้เต็มเวลาในต่างแดนหรือไม่. เขากล่าวว่า “หมู่เกาะโซโลมอนล่ะเป็นอย่างไร?” ดังนั้น ด้วยวัย 50 เศษ ๆ ทั้งผมและแอนน์จึงมุ่งหน้าเข้าสู่งานมอบหมายฐานะมิชชันนารีอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก.
การรับใช้ใน “หมู่เกาะแห่งความสุข”
หมู่เกาะโซโลมอนเป็นหมู่เกาะที่รู้จักกันในนามของหมู่เกาะแห่งความสุข และงานรับใช้กว่าสิบปีของเราที่นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแท้จริง. พี่น้องชายหญิงในหมู่
เกาะโซโลมอนแสดงความสุภาพอ่อนโยนต่อแอนน์และผมขณะที่ผมรับใช้ฐานะผู้ดูแลภาค. เราซาบซึ้งในน้ำใจต้อนรับที่แสดงต่อเรา และทุกคนอดทนฟังจริง ๆ เมื่อผมพยายามอธิบายในสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นที่เข้าใจได้ในภาษาหมู่เกาะโซโลมอนพิดจิน ซึ่งคงจะเป็นภาษาที่มีคำศัพท์น้อยที่สุดในโลก.ไม่นานหลังจากที่เรามาถึงหมู่เกาะโซโลมอน ผู้ต่อต้านพยายามขัดขวางการใช้หอประชุมใหญ่ของเรา. โบสถ์คริสตจักรแองกลิกันตั้งข้อกล่าวหาพยานพระยะโฮวา โดยอ้างว่าหอประชุมใหญ่แห่งใหม่ของเราในโฮนีอารารุกล้ำเข้ามาในที่ดินของพวกเขา. รัฐบาลสนับสนุนคำร้องของพวกเขา ดังนั้น เราจึงตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูง. ผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์จะกำหนดว่าเราต้องรื้อหอประชุมใหญ่แห่งใหม่ซึ่งมีที่นั่ง 1,200 ที่ออกไปหรือไม่.
มีการพิจารณาคดีในศาลตลอดทั้งสัปดาห์. ทนายฝ่ายตรงข้ามแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องขณะที่มีการเสนอเรื่องที่กล่าวหาพวกเรา. ต่อมา บราเดอร์วอร์เรน แคทคาร์ทจากนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นทนายของเราได้ลบล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายตรงข้ามทีละข้อทีละข้อในแบบที่ไม่สามารถหักล้างได้. วันศุกร์ ข่าวเกี่ยวกับคดีที่น่าสนใจที่ศาลก็แพร่ไปทั่ว ที่ว่าการศาลเต็มไปด้วยนักบวชจากคริสตจักร, เจ้าหน้าที่รัฐบาล, และพี่น้องคริสเตียนของเรา. ผมยังจำข้อผิดพลาดในคำประกาศซึ่งติดอยู่ที่ศาลได้ ซึ่งอ่านว่า “คดีระหว่างรัฐบาลของหมู่เกาะโซโลมอนและคริสตจักรแห่งเมลานีเซียกับพระยะโฮวา.” ในที่สุดเราเป็นฝ่ายชนะ.
อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่ค่อนข้างสงบสุขของหมู่เกาะแห่งความสุขนี้อยู่ได้ไม่นาน. อีกครั้งหนึ่งที่แอนน์และผมพบว่าเราตกอยู่ในวงล้อมของความวุ่นวายและความรุนแรงของการก่อรัฐประหาร. ความเป็นปฏิปักษ์กันระหว่างชาติพันธุ์ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น. ในวันที่ 5 มิถุนายน 2000 รัฐบาลถูกโค่นล้มและเมืองหลวงถูกยึดโดยกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่ติดอาวุธ. เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่หอประชุมใหญ่ของเรากลายเป็นศูนย์กลางของคนไร้ที่อยู่. พวกเจ้าหน้าที่รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นพี่น้องคริสเตียนซึ่งมาจากกลุ่มที่เป็นศัตรูกัน กำลังอยู่ด้วยกันเหมือนกับเป็นครอบครัวที่สงบสุขภายใต้ชายคาหอประชุมใหญ่. สิ่งนี้ปรากฏว่าเป็นการให้คำพยานที่ดีเยี่ยมจริง ๆ!
แม้แต่ฝ่ายต่อต้านก็เคารพฐานะความเป็นกลางของพยานพระยะโฮวา. นี่จึงทำให้เราสามารถโน้มน้าวหนึ่งในผู้บัญชาการที่จะอนุญาตให้เราขับรถบรรทุกคันหนึ่งไปส่งสรรพหนังสือและของจำเป็นอื่น ๆ ให้แก่พี่น้องกลุ่มเล็ก ๆ ที่อยู่ในเขตควบคุมของฝ่ายต่อต้าน. เมื่อเราได้พบพี่น้องหลายครอบครัวที่ขาดการติดต่อกับเรานานหลายเดือน ผมคิดว่าไม่มีใครในพวกเราสามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้.
มีมากมายหลายสิ่งที่จะรู้สึกขอบพระคุณ
เมื่อคำนึงถึงชีวิตของเราในงานรับใช้พระยะโฮวา เรามีมากมายหลายสิ่งเหลือเกินที่จะรู้สึกขอบพระคุณ. ในฐานะพ่อแม่ เราได้พระพรที่เห็นลูกสาวของเราทั้งสองคนและสามีของพวกเขา เรย์และจอห์น ยังคงรับใช้พระยะโฮวาต่อไปอย่างซื่อสัตย์. พวกเขาเป็นแหล่งของการเกื้อหนุนที่แท้จริงสำหรับเราขณะเราอยู่ในงานมอบหมายมิชชันนารี.
เป็นเวลาถึง 12 ปีที่แอนน์และผมมีสิทธิพิเศษได้รับใช้ในสำนักงานสาขาที่หมู่เกาะโซโลมอน และในช่วงเวลานั้นเราได้เห็นจำนวนผู้ประกาศราชอาณาจักรในหมู่เกาะโซโลมอนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มากกว่า 1,800 คน. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นอีกที่ได้เข้าร่วมในโรงเรียนสมาชิกคณะกรรมการสาขาที่แพตเทอร์สัน นิวยอร์ก. ที่จริงแล้ว เราชื่นชมกับชีวิตที่อุดมด้วยพระพรมากมายเนื่องจากการรักษาน้ำใจมิชชันนารีไว้.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 10 ดูบทความ “เราไม่ได้ผัดวันประกันพรุ่ง” ในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 มกราคม 1977.
[ภาพหน้า 23]
วันแต่งงานของเราในปี 1960
[ภาพหน้า 24]
ในยูกันดา สแตนลีย์ และเอสสินาลา มากุมบาเป็นแหล่งแห่งการหนุนใจของครอบครัวเรา
[ภาพหน้า 24]
ซารากำลังเดินเข้าไปในกระท่อมของเพื่อนบ้าน
[ภาพหน้า 25]
ผมวาดภาพเพื่อช่วยในการสอนชาวเกาะโซโลมอน
[ภาพหน้า 25]
ร่วมประชุมกับประชาคมโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งในหมู่เกาะโซโลมอน
[ภาพหน้า 26]
ครอบครัวของเราในปัจจุบัน