ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ชีวิตที่น่าพอใจและมีความสุขเนื่องด้วยความเต็มใจเสียสละ

ชีวิตที่น่าพอใจและมีความสุขเนื่องด้วยความเต็มใจเสียสละ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ชีวิต​ที่​น่า​พอ​ใจ​และ​มี​ความ​สุข​เนื่อง​ด้วย​ความ​เต็ม​ใจ​เสีย​สละ

เล่า​โดย​แมเรียน​และ​โรซา ซู​มี​กา

บทเพลง​สรรเสริญ 54:6 แจ้ง​ดัง​นี้: “ข้าพเจ้า​จะ​นำ​เครื่อง​บูชา​มา​ถวาย​พระองค์​ด้วย​ความ​เต็ม​ใจ.” คำ​กล่าว​นี้​กลาย​มา​เป็น​สาระ​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ของ​แมเรียน ซู​มี​กา​และ​โรซา ภรรยา​ของ​เขา​ซึ่ง​อยู่​ที่​ประเทศ​ฝรั่งเศส. ไม่​นาน​มา​นี้ คน​ทั้ง​สอง​ได้​เล่า​เรื่อง​ที่​โดด​เด่น​ใน​ช่วง​ชีวิต​อัน​ยาว​นาน​และ​น่า​พอ​ใจ​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา.

แมเรียน: พ่อ​แม่​ผม​นับถือ​ศาสนา​นิกาย​โรมัน​คาทอลิก ซึ่ง​ย้าย​ถิ่น​ฐาน​มา​จาก​ประเทศ​โปแลนด์. พ่อ​ผม​เป็น​คน​ถ่อม. ท่าน​ไม่​เคย​มี​โอกาส​ได้​เข้า​โรง​เรียน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง พ่อ​หัด​อ่าน​หัด​เขียน​ระหว่าง​ประจำการ​ใน​สนาม​เพลาะ. พ่อ​เป็น​คน​เกรง​กลัว​พระเจ้า แต่​บ่อย​ครั้ง​คริสตจักร​ทำ​ให้​พ่อ​ผิด​หวัง.

พ่อ​จำ​เหตุ​การณ์​หนึ่ง​ได้​อย่าง​ฝัง​ใจ​เป็น​พิเศษ. ใน​ระหว่าง​สงคราม วัน​หนึ่ง​บาทหลวง​ได้​ไป​เยี่ยม​หน่วย​ที่​พ่อ​ประจำการ. เมื่อ​กระสุน​ปืน​ใหญ่​ระเบิด​ใกล้​บริเวณ​นั้น ด้วย​ความ​ตกใจ​สุด​ขีด บาทหลวง​ควบ​ม้า​หนี โดย​ใช้​ไม้กางเขน​ฟาด​ม้า​ให้​วิ่ง. พ่อ​ตกตะลึง​เมื่อ​เห็น “ตัว​แทน” ของ​พระเจ้า​ใช้​เครื่องหมาย “ศักดิ์สิทธิ์” เร่ง​การ​หนี​ให้​เร็ว​ขึ้น. ถึง​แม้​พ่อ​ผ่าน​ประสบการณ์​เช่น​นั้น​และ​พบ​เห็น​ความ​น่า​กลัว​ของ​สงคราม แต่​ความ​เชื่อ​ของ​พ่อ​ใน​เรื่อง​พระเจ้า​ไม่​ได้​เสื่อม​คลาย. พ่อ​มัก​พูด​บ่อย ๆ ว่า​เพราะ​พระเจ้า ท่าน​ถึง​รอด​ชีวิต​ผ่าน​สงคราม​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย.

“โปแลนด์​น้อย”

ปี 1911 พ่อ​แต่งงาน​กับ​เด็ก​สาว​จาก​หมู่​บ้าน​ใกล้​เคียง. เธอ​ชื่อ​อันนา เซโซวสกี. หลัง​สงคราม​เลิก​ไม่​นาน ใน​ปี 1919 พ่อ​กับ​แม่​ได้​อพยพ​จาก​โปแลนด์​ไป​อยู่​ฝรั่งเศส พ่อ​ทำ​งาน​ในเหมือง​ถ่าน​หิน. ผม​เกิด​เดือน​มีนาคม 1926 ใน​เมือง​กาญาก เล มีน ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ของ​ฝรั่งเศส. หลัง​จาก​นั้น พ่อ​แม่​ได้​ปัก​หลัก​ใน​ลูซองโกเอล​ซึ่ง​เป็น​ชุมชน​ชาว​โปแลนด์ ใกล้​เมือง​ลอง ทาง​ภาค​เหนือ​ของ​ฝรั่งเศส. คน​ทำ​ขนมปัง, คน​ขาย​เนื้อ, บาทหลวง​ประจำ​หมู่​บ้าน​ล้วน​เป็น​คน​โปแลนด์. ไม่​แปลก​ที่​พื้น​ที่​แถบ​นี้​ได้​สมญา​นาม​ว่า​โปแลนด์​น้อย. พ่อ​แม่​ของ​ผม​เข้า​ร่วม​กิจกรรม​ต่าง ๆ ของ​ชุมชน. บ่อย​ครั้ง​พ่อ​จัด​แสดง​ละคร, ดนตรี, และ​ร้อง​เพลง. นอก​จาก​นั้น พ่อ​สนทนา​วิสาสะ​กับ​บาทหลวง​เป็น​ประจำ แต่​ก็​ไม่​เคย​ได้​รับ​คำ​ตอบ​อย่าง​จุ​ใจ เนื่อง​จาก​บาทหลวง​มัก​จะ​บอก​ว่า “มี​ข้อ​ลึกลับ​มาก​มาย.”

วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 1930 ผู้​หญิง​สอง​คน​มา​เคาะ​ประตู​บ้าน. พวก​เธอ​เป็น​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น. พ่อ​รับ​เอา​พระ​คัมภีร์​จาก​คน​ทั้ง​สอง ท่าน​อยาก​อ่าน​หนังสือ​นี้​มา​นาน​แล้ว. ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​ต่าง​ก็​กระตือรือร้น​อ่าน​หนังสือ​ต่าง ๆ ที่​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก ซึ่ง​สตรี​ทั้ง​สอง​ฝาก​ไว้​ให้​อ่าน. พ่อ​กับ​แม่​ซาบซึ้ง​ใจ​มาก​จาก​การ​ได้​อ่าน​สิ่ง​พิมพ์​เหล่า​นั้น. แม้​พ่อ​แม่​มี​ชีวิต​ที่​สาละวน​อยู่​กับ​งาน กระนั้น ท่าน​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​จัด​ขึ้น. การ​พิจารณา​ปัญหา​ต่าง ๆ กับ​บาทหลวง​กลาย​เป็น​เรื่อง​ถกเถียง​กัน​อย่าง​เผ็ด​ร้อน กระทั่ง​วัน​หนึ่ง​บาทหลวง​ขู่​ว่า​ถ้า​พ่อ​แม่​ยัง​ขืน​คบ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ สเตฟานี​พี่​สาว​ของ​ผม​จะ​ถูก​ไล่​ออก​จาก​ชั้น​เรียน​แบบ​ปุจฉา​วิสัชนา. พ่อ​ตอบ​ว่า “เรื่อง​นี้​ไม่​ต้อง​กังวล. แต่​นี้​ไป​ลูก​สาว​ผม​และ​เด็ก​คน​อื่น ๆ จะ​ไป​ยัง​ที่​ประชุม​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พวก​เรา.” พ่อ​ได้​ถอน​ชื่อ​ออก​จาก​คริสตจักร และ​ต้น​ปี 1932 พ่อ​กับ​แม่​ก็​รับ​บัพติสมา. ตอน​นั้น ใน​ฝรั่งเศส​มี​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​เพียง​ประมาณ 800 คน.

โรซา: พ่อ​แม่​ของ​ดิฉัน​มา​จาก​ฮังการี​และ​คล้าย​กัน​กับ​ครอบครัว​ของ​แมเรียน คือ​ได้​ตั้ง​รกราก​อยู่​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​ฝรั่งเศส ทำ​งาน​ใน​เหมือง​ถ่าน​หิน. ดิฉัน​เกิด​ปี 1925. พอ​มา​ปี 1937 พยาน​พระ​ยะโฮวา​ชื่อ​ออกุสต์ เบอแกง หรือ​ปาปา​ออกุสต์​ชื่อ​ที่​เรา​ตั้ง​ให้​ก็​เริ่ม​เอา​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ภาษา​ฮังการี​มา​ให้​พ่อ​แม่​อ่าน. ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​พบ​ว่า​วารสาร​นี้​น่า​สนใจ แต่​ก็​ไม่​มี​คน​ใด​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

ถึง​แม้​อายุ​ยัง​น้อย ดิฉัน​ซาบซึ้ง​ตรึง​ใจ​เมื่อ​ได้​อ่าน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​ซูซาน เบอแกง​ลูก​สะใภ้​ปาปา​ออกุสต์​ให้​ความ​เอา​ใจ​ใส่​ดิฉัน​เป็น​ส่วน​ตัว. พ่อ​แม่​อนุญาต​ให้​เธอ​พา​ดิฉัน​ไป​ยัง​การ​ประชุม​ต่าง ๆ. ต่อ​มา เมื่อ​ดิฉัน​ได้​งาน​ทำ​นอก​บ้าน การ​เข้า​ร่วม​ประชุม​วัน​อาทิตย์​ทำ​ให้​พ่อ​ขัด​เคือง​ใจ. แม้​ปกติ​พ่อ​เป็น​คน​อารมณ์​ดี แต่​ก็​บ่น​ว่า “วัน​ธรรมดา​ลูก​ไม่​ได้​อยู่​บ้าน พอ​ถึง​วัน​อาทิตย์​ลูก​ก็​ออก​บ้าน​ไป​ประชุม​อีก!” อย่าง​ไร​ก็​ดี ดิฉัน​ยัง​คง​ไป​ประชุม​เช่น​เคย. วัน​หนึ่ง​พ่อ​จึง​บอก​ว่า “เก็บ​เสื้อ​ผ้า​ข้าวของ​ของ​แก​แล้ว​ออก​ไป​เดี๋ยว​นี้!” ตอน​นั้น​ดึก​แล้ว. ดิฉัน​เพิ่ง​อายุ 17 และ​คิด​ไม่​ออก​ว่า​จะ​ไป​ที่​ไหน. ท้าย​ที่​สุด​ก็​ไป​ที่​บ้าน​ซูซาน​ทั้ง​น้ำตา​นอง​หน้า. ดิฉัน​พัก​อยู่​กับ​ซูซาน​ประมาณ​หนึ่ง​สัปดาห์​ก่อน​ที่​พ่อ​จะ​ให้​พี่​สาว​ไป​รับ​กลับ​บ้าน. ดิฉัน​เป็น​คน​ไม่​กล้า แต่​แนว​คิด​ใน 1 โยฮัน 4:18 ช่วย​ดิฉันยืนหยัด​มั่นคง​อยู่​ได้. ข้อ​คัมภีร์​นั้น​บอก​ว่า “ความ​รัก​ที่​สมบูรณ์​ก็​กำจัด​ความ​กลัว​เสีย.” ปี 1942 ดิฉัน​รับ​บัพติสมา.

มรดก​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​มี​ค่า

แมเรียน: ผม​รับ​บัพติสมา​ปี 1942 พร้อม​กับ​พี่​สาว​คือ​สเตฟานี, เมลานี, และ​สเตฟาน​พี่​ชาย. ที่​บ้าน ชีวิต​ครอบครัว​รวม​จุด​อยู่​ที่​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. ขณะ​ที่​เรา​นั่ง​รอบ​โต๊ะ พ่อ​จะ​อ่าน​พระ​คัมภีร์​ภาษา​โปแลนด์​ให้​พวก​เรา​ฟัง. ตก​เย็น บ่อย​ครั้ง​พวก​เรา​ใช้​เวลา​ฟัง​พ่อ​แม่​เล่า​ประสบการณ์​ของ​ท่าน​เกี่ยว​กับ​งาน​ประกาศ​ราชอาณาจักร. ช่วง​เวลา​ที่​เป็น​การ​เสริม​สร้าง​ฝ่าย​วิญญาณ​เช่น​นี้​สอน​เรา​ให้​รัก​พระ​ยะโฮวา​และ​ไว้​วางใจ​พระองค์​มาก​ยิ่ง ๆ ขึ้น. เนื่อง​จาก​สุขภาพ​ไม่​ค่อย​แข็งแรง พ่อ​จำเป็น​ต้อง​เลิก​ทำ​งาน แต่​ท่าน​ยัง​คง​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​พวก​เรา​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​ทั้ง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ฝ่าย​วัตถุ.

เนื่อง​จาก​ตอน​นั้น​พ่อ​มี​เวลา​ว่าง ท่าน​จึง​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ภาษา​โปแลนด์​สัปดาห์​ละ​ครั้ง​กับ​หนุ่ม​สาว​ใน​ประชาคม. ตอน​นั้น​แหละ​ที่​ผม​ได้​เรียน​อ่าน​ภาษา​โปแลนด์. พ่อ​ยัง​สนับสนุน​พวก​เด็ก ๆ ใน​ทาง​อื่น​อีก​ด้วย. ครั้ง​หนึ่ง เมื่อ​บราเดอร์​กุสตาฟ ซอพเฟอร์ ซึ่ง​เวลา​นั้น​ดู​แล​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​ฝรั่งเศส​ได้​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ของ​เรา พ่อ​จัด​วง​นัก​ร้อง​ประสาน​เสียง​และ​มี​การ​แสดง​ละคร​โดย​แต่ง​ชุด​โบราณ​แสดง​ฉาก​การ​เลี้ยง​ใหญ่​ของ​กษัตริย์​เบละซาซัร​และ​ลายมือ​บน​ผนัง. (ดานิเอล 5:1-31) หลุยส์ เพียโคตา​แสดง​เป็น​ดานิเอล ต่อ​มา​ภาย​หลัง เขา​ยืนหยัด​ต้านทาน​พวก​นาซี. * พวก​เรา​เด็ก ๆ ได้​รับ​การ​อบรม​เลี้ยง​ดู เติบโต​ขึ้น​มา​ใน​บรรยากาศ​แบบ​นี้​แหละ. พวก​เรา​สังเกต​เห็น​พ่อ​แม่​ของ​เรา​หมกมุ่น​กับ​เรื่อง​ฝ่าย​วิญญาณ​ตลอด​เวลา. ทุก​วัน​นี้ ผม​สำนึก​ว่า​พวก​เรา​ได้​รับ​มรดก​อัน​มี​ค่า​ที่​พ่อ​แม่​ละ​ไว้​ให้.

ปี 1939 เมื่อ​เกิด​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 งาน​ประกาศ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​ฝรั่งเศส​ถูก​สั่ง​ห้าม. มี​อยู่​ช่วง​หนึ่ง หมู่​บ้าน​ของ​เรา​ถูก​ค้น. ทหาร​เยอรมัน​เข้า​ล้อม​บ้าน​ทุก​หลัง. พ่อ​ได้​ปรับ​แต่ง​พื้น​ใต้​ตู้​เสื้อ​ผ้า​พราง​ตา​ไว้ และ​พวก​เรา​ก็​ซุก​ซ่อน​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไว้​ที่​นั่น. อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​ลิ้น​ชัก​ใต้​โต๊ะ​ที่​ห้อง​รับประทาน​อาหาร​ยัง​มี​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ชื่อ​ลัทธิ​ฟาสซิสต์​หรือ​อิสรภาพ อยู่​บาง​เล่ม. พ่อ​รีบ​เก็บ​หนังสือ​เหล่า​นั้น​ซ่อน​ไว้​ใน​กระเป๋า​เสื้อ​แจ็กเกต​ที่​แขวน​ไว้​ที่​ระเบียง. ทหาร​สอง​นาย​พร้อม​ด้วย​ตำรวจ​ฝรั่งเศส​อีก​หนึ่ง​นาย​เข้า​ค้น​บ้าน​ของ​เรา. เรา​รอ​ดู​อย่าง​ระทึก​ใจ. ทหาร​นาย​หนึ่ง​เริ่ม​ตรวจ​ค้น​ดู​เสื้อ​ผ้า​ซึ่ง​แขวน​อยู่​ที่​ระเบียง จาก​นั้น​ไม่​นาน​ก็​ถือ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​เดิน​มา​หา​พวก​เรา​ใน​ห้อง​ครัว. เขา​ถลึง​ตา​จ้อง​เรา, วาง​หนังสือ​ลง​บน​โต๊ะ, และ​พยายาม​ค้น​หา​ที่​อื่น ๆ ต่อ​ไป. ผม​รีบ​ฉวย​หนังสือ​เหล่า​นั้น​ใส่​ลิ้น​ชัก​ที่​ค้น​ไป​แล้ว. ทหาร​ไม่​ทวงถาม​เรื่อง​หนังสือ​นั้น​อีก​เลย—ราว​กับ​ว่า​เขา​ลืม​เสีย​สนิท!

เข้า​สู่​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา

ปี 1948 ผม​ตัดสิน​ใจ​ทำ​ตัว​ให้​พร้อม​สำหรับ​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา​โดย​การ​เป็น​ไพโอเนียร์. ไม่​กี่​วัน​ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​สำนักงาน​สาขา​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ฝรั่งเศส. จดหมาย​นั้น​ระบุ​เขต​งาน​มอบหมาย​ให้​ผม​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ร่วม​กับ​ประชาคม​เมือง​ซี​ดาน ใกล้​เบลเยียม. ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​ดีใจ​ที่​เห็น​ผม​ยึด​เอา​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​โดย​วิธี​นั้น. แต่​กระนั้น พ่อ​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​การ​เป็น​ไพโอเนียร์​นั้น​ไม่​ง่าย ไม่​ใช่​งาน​สบาย ๆ เป็น​งาน​ที่​ต้อง​ทุ่มเท. อย่าง​ไร​ก็​ดี ท่าน​พูด​ว่า​ท่าน​เปิด​บ้าน​ต้อนรับ​ผม​ทุก​เวลา และ​หาก​ผม​มี​ปัญหา​ก็​พึ่ง​พา​ท่าน​ได้​เสมอ. ทั้ง​ที่​พ่อ​แม่​ผม​ไม่​มี​เงิน​มาก แต่​ท่าน​ซื้อ​จักรยาน​คัน​ใหม่​ให้​ผม. ผม​ยัง​คง​เก็บ​รักษา​ใบ​เสร็จ​ค่า​จักรยาน​นั้น​ไว้ และ​เมื่อ​ผม​เห็น​ใบ​เสร็จ​ที​ไร ผม​กลั้น​น้ำตา​ไม่​อยู่. พ่อ​และ​แม่​ได้​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1961 แต่​คำ​พูด​ที่​ฉลาด​สุขุม​ของ​พ่อ​ยัง​คง​ก้อง​อยู่​ใน​หู​ผม ถ้อย​คำ​เหล่า​นั้น​เป็น​กำลังใจ​และ​ปลอบ​ใจ​ผม​ตลอด​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ผม​ทำ​งาน​รับใช้.

อีก​แหล่ง​หนึ่ง​ที่​ให้​กำลังใจ​ผม​คือ​ซิสเตอร์​คริสเตียน​วัย 75 ปี​ใน​ประชาคม​เมือง​ซี​ดาน เธอ​ชื่อ​เอ​ลิซ มอตต์. ระหว่าง​ช่วง​หน้า​ร้อน ผม​ขี่​จักรยาน​ไป​ประกาศ​ตาม​หมู่​บ้าน​รอบ​นอก ส่วน​เอ​ลิซ​ขึ้น​รถไฟ​ไป​สมทบ​ผม​ที่​นั่น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม วัน​หนึ่ง พวก​วิศวกร​รถไฟ​นัด​หยุด​งาน​ประท้วง และ​เอ​ลิซ​กลับ​บ้าน​ไม่​ได้. ทาง​แก้​อย่าง​เดียว​เท่า​ที่​ผม​นึก​ออก​คือ​ให้​เธอ​นั่ง​ซ้อน​ท้ายจักรยาน​และ​พา​กลับ​บ้าน ซึ่ง​ไม่​ค่อย​สะดวก​สบาย​นัก. เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น ผม​ไป​รับ​เอ​ลิซ​ที่​บ้าน​ของ​เธอ​และ​เอา​เบาะ​รอง​นั่ง​ติด​ไป​ด้วย. เธอ​เลย​เลิก​เดิน​ทาง​โดย​รถไฟ และ​ใช้​เงิน​ที่​ไม่​ต้อง​จ่าย​เป็น​ค่า​รถ​นั้น​ซื้อ​เครื่อง​ดื่ม​ร้อน ๆ ดื่ม​กัน​ตอน​อาหาร​กลางวัน. ใคร​จะ​คิด​ว่า​รถ​จักรยาน​ของ​ผม​ใช้​รับ​ส่ง​ผู้​โดยสาร​ได้?

หน้า​ที่​รับผิดชอบ​เพิ่ม​ขึ้น

ปี 1950 ทาง​สำนักงาน​สาขา​ขอ​ให้​ผม​ปฏิบัติ​งาน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​หมวด​ทั่ว​ภาค​เหนือ​ของ​ฝรั่งเศส. เนื่อง​จาก​ผม​อายุ​แค่ 23 ปฏิกิริยา​แรก​ของ​ผม​คือ​รู้สึก​หวั่น​กลัว. ผม​นึก​เอา​ว่า​ทาง​สำนักงาน​สาขา​มอบหมาย​ผิด​คน​กระมัง! คำ​ถาม​หลาย​ข้อ​ผุด​ขึ้น​ใน​ใจ: ‘ผม​มี​คุณสมบัติ​จะ​ทำ​งาน​นี้​ได้​ไหม ไม่​ว่า​ฝ่าย​วิญญาณ​หรือ​ด้าน​ร่าง​กาย? ผม​จะ​รับมือ​ได้​ไหม​กับ​การ​เปลี่ยน​ที่​อยู่​ทุก ๆ สัปดาห์?’ นอก​จาก​นั้น ผม​ทน​ลำบาก​เรื่อย​มา​กับ​โรค​ตา​เหล่​ตั้ง​แต่​อายุ​หก​ขวบ. ดัง​นั้น ผม​จึง​มัว​แต่​เป็น​ห่วง​ตัว​เอง วิตก​กังวล​ว่า​คน​อื่น​จะ​มี​ท่าที​อย่าง​ไร​ต่อ​ผม. น่า​ดีใจ​ที่​ตอน​นั้น​ผม​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​เป็น​อย่าง​มาก​จาก​บราเดอร์​สเตฟาน เบฮุนิก ซึ่ง​เรียน​จบ​หลัก​สูตร​อบรม​มิชชันนารี​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด. บราเดอร์​เบฮุนิก​ถูก​ขับ​ออก​จาก​โปแลนด์​เนื่อง​ด้วย​กิจกรรม​การ​เผยแพร่​และ​ได้​รับ​การ​มอบหมาย​ให้​ไป​ทำ​งาน​ที่​ฝรั่งเศส. ความ​กล้า​หาญ​ของ​เขา​ประทับใจ​ผม​จริง ๆ. เขา​แสดง​ความ​นับถือ​อย่าง​ลึกซึ้ง​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ต่อ​ความ​จริง. บาง​คน​คิด​ว่า​เขา​เข้มงวด​กับ​ผม แต่​ผม​เรียน​รู้​จาก​เขา​มาก​ที​เดียว. ความ​กล้า​ของ​เขา​ช่วย​ให้​ผม​มี​ความ​มั่น​ใจ​มาก​ขึ้น.

การ​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด​ทำ​ให้​ผม​มี​ประสบการณ์​ดี ๆ บาง​อย่าง​ใน​เขต​งาน​ประกาศ. ใน​ปี 1953 ผม​ถูก​ขอ​ให้​ไป​เยี่ยม​ราย​สนใจ​ชื่อ​นาย​ปา​โอ​ลี เขา​อาศัย​อยู่​ทาง​ใต้​ของ​กรุง​ปารีส และ​ได้​บอกรับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์. เรา​พบ​กัน​และ​ผม​ได้​มา​รู้​ว่า​เขา​เกษียณ​อายุ​ราชการ​แล้ว และ​เขา​ค้น​พบ​สิ่ง​น่า​ทึ่ง​น่า​ดึงดูด​ใจ​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์. เขา​เล่า​ว่า​หลัง​จาก​ได้​อ่าน​บทความ​หนึ่ง​ไม่​นาน​มา​นี้​เรื่อง​การ​รำลึก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์ เขา​จึง​ได้​จัด​อนุสรณ์​ที่​ระลึก​ขึ้น​เอง และ​ใช้​เวลา​เย็น​วัน​นั้น​อ่าน​พระ​ธรรม​บทเพลง​สรรเสริญ. การ​สนทนา​ของ​เรา​ยืดเยื้อ​เกือบ​ตลอด​บ่าย​วัน​นั้น. ก่อน​ลา​กลับ เรา​คุย​กัน​สั้น ๆ ถึง​เรื่อง​บัพติสมา. ต่อ​มา ผม​ส่ง​ใบ​เชิญ​ถึง​เขา​ให้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​หมวด ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ตอน​ต้น​ปี 1954. เขา​ได้​เข้า​ร่วม และ​ใน​จำนวน 26 คน​ที่​รับ​บัพติสมา ณ การ​ประชุม​คราว​นั้น มี​บราเดอร์​ปา​โอ​ลี​รวม​อยู่​ด้วย. ประสบการณ์​คล้าย ๆ กัน​นี้​ก็​ยัง​คง​เป็น​แหล่ง​แห่ง​ความ​ยินดี​สำหรับ​ผม.

โรซา: เดือน​ตุลาคม 1948 ดิฉัน​เริ่ม​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์. ภาย​หลัง​รับใช้​ที่​เมือง​อะนอร์ ซึ่ง​ไม่​ไกล​จาก​ประเทศ​เบลเยียม ดิฉัน​รับ​การ​มอบหมาย​ไป​ทำ​งาน​ที่​ปารีส​พร้อม​กับ​ไพโอเนียร์​อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อี​แรน โกลันสกี (ตอน​นี้​เธอ​คือ​เลอรัว). ห้อง​พัก​ของ​เรา​เป็น​ห้อง​แคบ ๆ ใน​แซง-เช​แมง-เด แปร ณ ใจ​กลาง​เมือง. เนื่อง​จาก​ดิฉัน​เป็น​เด็ก​บ้าน​นอก จึง​นึก​หวั่น​หวาด​ชาว​กรุง​ปารีส. ดิฉัน​คิด​ว่า​พวก​เขา​เป็น​คน​รอบรู้​และ​เฉลียวฉลาด​มาก ๆ. แต่​จาก​การ​ประกาศ​ไม่​นาน​เท่า​ไร ดิฉัน​จึง​ได้​เข้าใจ​ว่า​เขา​ก็​ไม่​ต่าง​จาก​คน​ทั่ว ๆ ไป. พวก​เรา​ถูก​คน​เฝ้า​ประตู​ไล่​ออก​จาก​บ้าน​บ่อย ๆ และ​ที่​จะ​เริ่ม​นำ​การ​ศึกษาพระ​คัมภีร์​เป็น​เรื่อง​ยาก. แม้​เป็น​เช่น​นั้น บาง​คน​ได้​ตอบรับ​ข่าวสาร​ของ​เรา.

ระหว่าง​การ​ประชุม​หมวด​ใน​ปี 1951 มี​การ​สัมภาษณ์​ดิฉัน​กับ​อี​แรน​เกี่ยว​กับ​งาน​ไพโอเนียร์​ของ​เรา. ลอง​ทาย​สิ​ว่า​ใคร​สัมภาษณ์​เรา? ผู้​ดู​แล​หมวด​หนุ่ม​ชื่อ​แมเรียน ซู​มี​กา​น่ะ​แหละ. เรา​พบ​กัน​มา​แล้ว​ครั้ง​หนึ่ง แต่​หลัง​การ​ประชุม เรา​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กัน. แมเรียน​กับ​ดิฉัน​มี​อะไร​เหมือน ๆ กัน​หลาย​อย่าง รวม​ถึง​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​เรา​รับ​บัพติสมา​ปี​เดียว​กัน​และ​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​ปี​เดียว​กัน. แต่​สำคัญ​ที่​สุด​คือ​เรา​ทั้ง​สอง​ต้องการ​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา. ดัง​นั้น หลัง​จาก​พิจารณา​เรื่อง​นี้​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน เรา​ก็​แต่งงาน​กัน​ใน​วัน​ที่ 31 กรกฎาคม 1956. พอ​ก้าว​มา​ถึง​ขั้น​นี้ วิถี​ชีวิต​ใหม่​สำหรับ​ดิฉัน​ได้​เริ่ม​ขึ้น. ดิฉัน​ต้อง​ทำ​ตัว​ให้​ชิน​ไม่​เฉพาะ​บทบาท​การ​เป็น​ภรรยา แต่​ต้อง​ชิน​กับ​การ​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด​กับ​แมเรียน​ด้วย ซึ่ง​หมาย​ถึง​การ​ย้าย​ที่​หลับ​ที่​นอน​ทุก​สัปดาห์. ตอน​แรก ๆ ยาก​มาก ทว่า ความ​ปีติ​ยินดี​มาก​มาย​กำลัง​รอ​อยู่​เบื้อง​หน้า.

ชีวิต​ที่​น่า​พอ​ใจ

แมเรียน: ตลอด​หลาย​ปี เรา​มี​สิทธิ​พิเศษ​ที่​ได้​ช่วย​เตรียม​การ​ประชุม​ใหญ่​หลาย​ครั้ง. โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง ผม​จด​จำ​การ​ประชุม​ใหญ่​ปี 1966 ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ที่​บอร์โดซ์. เวลา​นั้น มี​การ​สั่ง​ห้าม​งาน​ประกาศ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​โปรตุเกส. ฉะนั้น​การ​นำ​เสนอ​ระเบียบ​วาระ​การ​ประชุม​จึง​เป็น​ภาษา​โปรตุเกส​ด้วย​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​เหล่า​พยาน​ฯ ที่​ได้​เดิน​ทาง​ไป​ฝรั่งเศส. พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ของ​เรา​หลาย​ร้อย​คน​มา​จาก​โปรตุเกส แต่​ปัญหา​อยู่​ที่​ว่า​เรา​จะ​จัด​ที่​พัก​ให้​เขา​ที่​ไหน. เนื่อง​จาก​บ้าน​ของ​พยาน​ฯ ใน​เมือง​บอร์โดซ์​ไม่​มี​ห้อง​ต้อนรับ​เพียง​พอ เรา​จึง​ได้​เช่า​โรง​ภาพยนตร์​ร้าง​และ​ดัด​แปลง​เป็น​หอ​พัก. เรา​ขน​ย้าย​ที่​นั่ง​ทุก​ตัว​ออก​ไป​และ​ใช้​ม่าน​จาก​เวที​กั้น​แบ่ง​ห้อง​โถง​เป็น​สอง​ห้อง​พัก สำหรับ​พี่​น้อง​ชาย​ห้อง​หนึ่ง​และ​พี่​น้อง​หญิง​ห้อง​หนึ่ง. อนึ่ง เรา​ยัง​ได้​จัด​ที่​อาบ​น้ำ​ชนิดฝัก​บัว​และ​อ่าง​น้ำ จัด​หา​หญ้า​แห้ง​มา​ปู​บน​พื้น​คอนกรีต​และ​ใช้​ผ้า​ใบ​ปู​ทับ​อีก​ชั้น​หนึ่ง. ทุก​คน​พอ​ใจ​กับ​การ​จัด​เตรียม​แบบ​นี้.

หลัง​วาระ​การ​ประชุม​ผ่าน​ไป​แล้ว พวก​เรา​ไป​เยี่ยม​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ของ​เรา​ที่​หอ​พัก. บรรยากาศ​ที่​นั่น​วิเศษ​มาก. เรา​ได้​กำลังใจ​มาก​เพียง​ใด​จาก​ประสบการณ์​ของ​พวก​เขา แม้​ว่า​ต้อง​อด​ทน​การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​นาน​หลาย​ปี! เมื่อ​การ​ประชุม​สิ้น​สุด​ลง​และ​พวก​เขา​ได้​อำลา​กลับ พวก​เรา​ทุก​คน​ถึง​กับ​น้ำตา​ซึม.

สอง​ปี​ก่อน​หน้า​นั้น คือ​ใน​ปี 1964 เรา​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​อีก​อย่าง​หนึ่ง เมื่อ​ผม​ถูก​มอบหมาย​ให้​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค. อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​ผม​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​จะ​ทำ​หน้า​ที่​นั้น​ได้​หรือ​ไม่. แต่​ผม​บอก​ตัว​เอง​ว่า​หาก​บุคคล​เหล่า​นั้น​ที่​ทำ​งาน​รับผิดชอบ​ขอ​ให้​ผม​รับ​เอา​งาน​มอบหมาย​นี้ พวก​เขา​คง​คิด​เห็น​ชัด​แจ้ง​แล้ว​ว่า​ผม​สามารถ​จะ​ทำ​ได้. นับ​ว่า​เป็น​ประสบการณ์​ที่​ดี​จริง ๆ ที่​ได้​ทำ​งาน​ใกล้​ชิด​กับ​พวก​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​คน​อื่น ๆ. ผม​เรียน​รู้​หลาย​อย่าง​จาก​พวก​เขา. หลาย​คน​เป็น​แบบ​อย่าง​จริง ๆ ใน​ด้าน​คุณลักษณะ​ของ​ความ​อุตสาหะ​พากเพียร​ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​ยะโฮวา. ผม​ได้​มา​เข้าใจ​ว่า​ถ้า​เรา​เรียน​รู้​การ​อด​ทน​รอ พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทราบ​ว่า​จะ​พบ​เรา​ได้​ที่​ไหน.

ปี 1982 สำนักงาน​สาขา​ได้​ขอ​ให้​เรา​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​กลุ่ม​เล็ก ๆ ประกอบ​ด้วย​ผู้​ประกาศ​ชาว​โปแลนด์ 12 คน​ใน​บูโลญ-บียองกูร์ ย่าน​ชาน​เมือง​ของ​กรุง​ปารีส. ผม​ประหลาด​ใจ​มาก. ผม​รู้​จัก​ศัพท์​เกี่ยว​กับ​ระบอบ​ของ​พระเจ้า​ใน​ภาษา​โปแลนด์ แต่​ผม​ไม่​ถนัด​สร้าง​รูป​ประโยค. กระนั้น ความ​กรุณา​และ​การ​ร่วม​มือ​ร่วม​ใจ​ของ​พี่​น้อง​เหล่า​นั้น​ช่วย​ผม​มาก​ที​เดียว. ปัจจุบัน ประชาคม​นี้​มี​ผู้​ประกาศ​ประมาณ 170 คน ใน​จำนวน​นั้น​เป็น​ไพโอเนียร์​เกือบ 60 คน. ใน​เวลา​ต่อ​มา ผม​กับ​โรซา​ก็​ได้​ไป​เยี่ยม​กลุ่ม​และ​ประชาคม​ต่าง ๆ ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​ชาว​โปแลนด์​ทั้ง​ใน​ออสเตรีย, เดนมาร์ก, และ​เยอรมนี.

สภาพ​แวด​ล้อม​เปลี่ยน​ไป

การ​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ เป็น​ชีวิต​จิตใจ​ของ​เรา แต่​สุขภาพ​ของ​ผม​ที่​ทรุดโทรม​นี่​สิ​ทำ​ให้​เรา​ต้อง​หยุด​งาน​เดิน​ทาง​ดู​แล​หมวด​ใน​ปี 2001. เรา​หา​อพาร์ตเมนต์​ได้​หลัง​หนึ่ง​ใน​เมือง​ปีตีวีแยร์ รูท​น้อง​สาว​ของ​ผม​ก็​อยู่​ที่​นั่น. สำนักงาน​สาขา​กรุณา​แต่ง​ตั้ง​เรา​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ พร้อม​กับ​ผ่อน​ผัน​ชั่วโมง​ทำ​งาน​ให้​เหมาะ​กับ​สภาพการณ์​ของ​เรา.

โรซา: ดิฉัน​หนัก​ใจ​มาก​ใน​ช่วง​ปี​แรก​หลัง​จาก​เรา​ไม่​ได้​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด. การ​ผัน​เปลี่ยน​ครั้ง​นี้​สาหัส​สากรรจ์​จริง ๆ จน​ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ไร้​ประโยชน์. ครั้น​แล้ว​ดิฉัน​ย้ำ​เตือน​ตัว​เอง​ว่า ‘เออ​นี่ ฉัน​ยัง​สามารถ​ใช้​เวลา​และ​พละกำลัง​ให้​เป็น​ประโยชน์​โดย​การ​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ได้​อยู่​นะ.’ ทุก​วัน​นี้ ดิฉัน​มี​ความ​สุข​ที่​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​ไพโอเนียร์​คน​อื่น ๆ ใน​ประชาคม​ของ​เรา.

พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​เรา​เสมอ

แมเรียน: ผม​ขอบพระคุณ​พระ​ยะโฮวา​มาก​ที่​โรซา​ได้​มา​เป็น​คู่​ชีวิต​ของ​ผม​ตลอด 48 ปี​ที่​ผ่าน​มา. ตลอด​เวลา​หลาย​ปี​ใน​งาน​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด เธอ​เกื้อ​หนุน​ผม​มาก​ที​เดียว. ผม​ไม่​เคย​ได้​ยิน​เธอ​พูด​เปรย ๆ แม้​แต่​ครั้ง​เดียว​ว่า ‘ฉัน​ปรารถนา​จะ​ไม่​ต้อง​เดิน​ทาง​เสีย​ที และ​อยาก​มี​บ้าน​ของ​เรา​เอง.’

โรซา: บาง​ครั้ง​มี​บาง​คน​พูด​ว่า “ชีวิต​ของ​คุณ​ไม่​ปกติ. คุณ​ต้อง​อาศัย​อยู่​กับ​คน​อื่น​เสมอ.” แต่​จริง ๆ แล้ว “ชีวิต​ปกติ” เป็น​อย่าง​ไร? บ่อย​ครั้ง​เรา​พบ​ตัว​เอง​แวด​ล้อม​ไป​ด้วย​ข้าวของ​มาก​มาย​หลาย​อย่าง​ซึ่ง​อาจ​เป็น​อุปสรรค​ขัด​ขวาง​การ​มุ่ง​ติด​ตาม​กิจกรรม​ฝ่าย​วิญญาณ. สิ่ง​จำเป็น​ต้อง​มี​คือ​ที่​นอน​ที่​เรา​นอน​ได้​สบาย, โต๊ะ​สัก​ตัว​หนึ่ง, และ​ของ​ใช้​จำเป็น​ไม่​กี่​ชิ้น. ฐานะ​ไพโอเนียร์​อย่าง​เรา​มี​สิ่ง​ฝ่าย​วัตถุ​เพียง​เล็ก​น้อย แต่​เรา​มี​ทุก​อย่าง​ที่​จำเป็น​เพื่อ​จะ​ทำ​ตาม​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา. บาง​ครั้ง​มี​คน​ถาม​ดิฉัน​ว่า “คุณ​จะ​ทำอย่าง​ไร​เมื่อ​คุณ​แก่​ตัว​ลง บ้าน​ก็​ไม่​มี​และ​ไม่​มี​บำนาญ.” แล้ว​ดิฉัน​ก็​จะ​ยก​ถ้อย​คำ​จาก​บทเพลง​สรรเสริญ 34:10 ที่​ว่า “ส่วน​เหล่า​คน​ที่​แสวง​หา​พระ​ยะโฮวา​จะ​ไม่​ขัดสน​สิ่ง​ที่​ดี​เลย.” พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​พวก​เรา​เสมอ​มา.

แมเรียน: จริง​ที​เดียว! อัน​ที่​จริง พระ​ยะโฮวา​ทรง​ให้​เรา​มาก​กว่า​ที่​เรา​จำเป็น​ต้อง​มี​ต้อง​ใช้. อย่าง​เช่น ปี 1958 ผม​ได้​รับ​เลือก​เป็น​ตัว​แทน​หมวด​ของ​เรา​ที่​จะ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ใน​นิวยอร์ก. แต่​เรา​ไม่​มี​เงิน​ซื้อ​ตั๋ว​เดิน​ทาง​สำหรับ​โรซา. เย็น​วัน​หนึ่ง บราเดอร์​คน​หนึ่ง​ยื่น​ซอง​ให้​เรา​พร้อม​กับ​เขียน​หน้า​ซอง​ว่า “นิวยอร์ก.” ของ​ขวัญ​ที่​แนบ​มา​ใน​ซอง​นั้น​ทำ​ให้​โรซา​สามารถ​เดิน​ทาง​ไป​กับ​ผม​ได้!

ผม​กับ​โรซา​ไม่​นึก​เสียดาย​เวลา​หลาย​ปี​ที่​เรา​ได้​ใช้​ไป​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. เรา​ไม่​สูญ​เสีย​สิ่ง​ใด ทว่า​ได้​ทุก​สิ่ง​มา นั่น​คือ​ชีวิต​ที่​น่า​พอ​ใจ​และ​มี​ความ​สุข​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา. พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระเจ้า​ที่​ดี​น่า​พิศวง​อะไร​เช่น​นั้น. เรา​ได้​มา​เรียน​รู้​ที่​จะ​ไว้​วางใจ​พระองค์​เต็ม​ที่ และ​ความ​รัก​ของ​เรา​ต่อ​พระองค์​ยิ่ง​ลึกซึ้ง​มาก​ขึ้น. พี่​น้อง​คริสเตียน​บาง​คน​ต้อง​สละ​ชีวิต​เพื่อ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​เขา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ผม​เชื่อ​ว่า​ตลอด​หลาย​ปี คน​เรา​สามารถ​เสีย​สละ​ตัว​เอง​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ได้​วัน​ต่อ​วัน. นี่​แหละ​เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​และ​โรซา​ได้​บากบั่น​ทำ​เรื่อย​มา​จน​บัด​นี้ และ​เป็น​สิ่ง​ที่​เรา​ตั้งใจ​จะ​ทำ​เช่น​กัน​ใน​อนาคต.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 14 ชีวประวัติ​ของ​หลุยส์ เพียโคตา “ผม​มี​ชีวิต​รอด​จาก ‘ทาง​เดิน​มรณะ’ ” ปรากฏ​ใน​หอสังเกตการณ์​ฉบับ 15 มีนาคม 1981.

[ภาพ​หน้า 20]

ฟรองซัว​กับ​อันนา ซู​มี​กา​พร้อม​กับ​บุตร​ของ​เขา, สเตฟานี, สเตฟาน, เมลานี, และ​แมเรียน ประมาณ​ปี 1930. แมเรียน​ยืน​บน​ม้า​นั่ง

[ภาพ​หน้า 22]

ภาพ​บน: เสนอ​สิ่ง​พิมพ์​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​ที่​แผง​ลอย​ใน​ตลาด เมือง​อาร์​เมน​ตี​แอร์​ทาง​เหนือ​ของ​ฝรั่งเศส เมื่อ​ปี 1950

[ภาพ​หน้า 22]

ภาพ​ซ้าย: สเตฟาน เบฮุนิก​กับ​แมเรียน ใน​ปี 1950

[ภาพ​หน้า 23]

แมเรียน​กับ​โรซา​ก่อน​วัน​แต่งงาน

[ภาพ​หน้า 23]

โรซา (คน​ซ้าย​สุด) กับ​อี​แรน คู่​ไพโอเนียร์ (คน​ที่​สี่​จาก​ซ้าย) โฆษณา​การ​ประชุม​ใหญ่​ปี 1951

[ภาพ​หน้า 23]

การ​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด​ส่วน​ใหญ่​ใช้​รถ​จักรยาน