ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

‘ถ้าท่านถูกเกณฑ์ให้ทำงาน’

‘ถ้าท่านถูกเกณฑ์ให้ทำงาน’

‘ถ้า​ท่าน​ถูก​เกณฑ์​ให้​ทำ​งาน’

“นี่​แก! ทิ้ง​งาน​ตรง​นั้น​ซะ แล้ว​มา​แบก​ของ​ให้​ฉัน​หน่อย.” คุณ​คิด​ว่า​ชาว​ยิว​ใน​สมัย​ศตวรรษ​แรก​ที่​กำลัง​มี​ธุระ​ยุ่ง​อาจ​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร​ถ้า​นาย​ทหาร​โรมัน​พูด​อย่าง​นั้น​กับ​เขา? ใน​คำ​เทศน์​บน​ภูเขา พระ​เยซู​ให้​คำ​แนะ​นำ​ว่า “ถ้า​ผู้​ใด​จะ​เกณฑ์​ท่าน​ให้​เดิน​ทาง​ไป​สี่​สิบ​เส้น, ก็​ให้​เลย​ไป​กับ​เขา​ถึง​แปด​สิบ​เส้น.” (มัดธาย 5:41) ผู้​ฟัง​ของ​พระ​เยซู​เข้าใจ​คำ​แนะ​นำ​นั้น​อย่าง​ไร? และ​คำ​แนะ​นำ​นี้​มี​ความ​หมาย​อย่าง​ไร​สำหรับ​เรา​ใน​ทุก​วัน​นี้?

เพื่อ​จะ​ได้​คำ​ตอบ เรา​ต้อง​มี​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​การ​เกณฑ์​คน​เพื่อ​ใช้​แรงงาน​ใน​สมัย​โบราณ. ชาว​อิสราเอล​ใน​สมัย​พระ​เยซู​คุ้น​เคย​กับ​เรื่อง​นี้​เป็น​อย่าง​ดี.

การ​เกณฑ์​คน​เพื่อ​ทำ​งาน

การ​เกณฑ์​คน​เพื่อ​ทำ​งาน (หรือ​งาน​ที่​ไม่​มี​ค่า​แรง) ใน​ดินแดน​ตะวัน​ออก​ใกล้​มี​หลักฐาน​ย้อน​หลัง​ไป​ถึง​สมัย​ศตวรรษ​ที่ 18 ก่อน​สากล​ศักราช. ข้อ​ความ​เกี่ยว​กับ​การ​บริหาร​จาก​เมือง​อา​ลา​ลัก​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ของ​ซีเรีย​โบราณ ได้​อ้าง​ถึง​กลุ่ม​คน​งาน​ที่​ทำ​งาน​โดย​ไม่​ได้​รับ​ค่า​แรง​ซึ่ง​ถูก​เกณฑ์​โดย​รัฐ​เพื่อ​ทำ​งาน​รับใช้​เหล่า​ผู้​ปกครอง​เมือง. ใน​เมือง​อูการิต​บน​ชายฝั่ง​ทะเล​ของ​ซีเรีย ชาว​นา​ที่​ทำ​นา​เช่า​ถูก​เกณฑ์​ให้​ทำ​งาน​คล้าย​กัน​เว้น​แต่​จะ​ได้​รับ​การ​ยก​เว้น​จาก​กษัตริย์.

แน่นอน​ว่า ประชาชน​จาก​เมือง​ที่​แพ้​สงคราม​หรือ​ถูก​พิชิต​มัก​จะ​ถูก​บังคับ​ใช้​แรงงาน. ผู้​คุม​คน​งาน​ชาว​อียิปต์​บังคับ​ให้​ชาว​อิสราเอล​เป็น​ทาส​เพื่อ​ทำ​อิฐ​ให้​พวก​เขา. ต่อ​มา ชาว​อิสราเอล​ก็​ใช้​ชาว​คะนาอัน​ที่​อาศัย​ใน​แผ่นดิน​ตาม​คำ​สัญญา​ทำ​งาน​เป็น​ทาส และ​ดาวิด​กับ​ซะโลโม​ก็​ยัง​ทำ​คล้าย ๆ กัน​นั้น​ต่อ​ไป.—เอ็กโซโด 1:13, 14; 2 ซามูเอล 12:31; 1 กษัตริย์ 9:20, 21.

เมื่อ​ชาว​อิสราเอล​ร้อง​ขอ​ให้​มี​กษัตริย์ ซามูเอล​อธิบาย​ถึง​สิ่ง​ที่​กษัตริย์​สม​ควร​จะ​ได้​รับ​โดย​ชอบธรรม. พระองค์​ต้อง​มี​คน​งาน​เพื่อ​เป็น​พล​รถ​และ​พล​ม้า, ไถ​นา​และ​เก็บ​เกี่ยว, ทำ​อาวุธ, และ​อื่น ๆ. (1 ซามูเอล 8:4-17) อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​ช่วง​การ​ก่อ​สร้าง​พระ​วิหาร​ของ​พระ​ยะโฮวา ขณะ​ที่​คน​ต่าง​ชาติ​ถูก​เกณฑ์​ให้​ทำ​งาน​หนัก​เยี่ยง​ทาส “แต่​พวก​ยิศราเอล​นั้น​ซะโลโม​มิ​ได้​ทรง​ให้​เป็น​ทาส: แต่​เขา​เป็น​ทหาร, เป็น​ผู้​ปรนนิบัติ​พระองค์, เป็น​เจ้านาย, เป็น​นาย​ทหาร, เป็น​ผู้​ขับ​ราชรถ, และ​เป็น​ทหาร​ม้า​ของ​พระองค์.”—1 กษัตริย์ 9:22.

ใน​กรณี​ของ​ชาว​อิสราเอล​ที่​ถูก​ใช้​ให้​ทำ​งาน​ใน​โครงการ​ก่อ​สร้าง 1 กษัตริย์ 5:13, 14 กล่าว​ว่า “กษัตริย์​ซะโลโม​จึง​ทรง​มี​รับสั่ง​ให้​เกณฑ์​คน​ตลอด​ทั่ว​พวก​ยิศราเอล, ได้​สาม​หมื่น​คน. แล้ว​พระองค์​ก็​ใช้​เขา​ไป​ยัง​ละบาโนน​เป็น​เวร​กัน​เดือน​ละ​หมื่น​คน คือ​เดือน​หนึ่ง​อยู่​ที่​ละบาโนน, และ​สอง​เดือน​อยู่​ที่​บ้าน.” ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ไม่​มี​ข้อ​สงสัย​เลย​ว่า กษัตริย์​ชาว​อิสราเอล​และ​ยูดาห์​ใช้​ประโยชน์​จาก​แรงงาน​ที่​ไม่​ต้อง​จ่าย​ค่า​แรง​เพื่อ​การ​ก่อ​สร้าง​และ​งาน​ใน​ที่​ดิน​ของ​กษัตริย์.”

ประชาชน​มี​ภาระ​หนัก​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​ซะโลโม. ภาระ​หนัก​นั้น​ยิ่ง​กลาย​เป็น​การ​กดขี่​อย่าง​มาก​เมื่อ​ระฮับอาม​ขู่​จะ​เพิ่ม​งาน​ให้​มาก​ขึ้น​ไป​อีก ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​สิ้น​จึง​ก่อ​การ​ปฏิวัติ​และ​เอา​หิน​ขว้าง​เจ้าหน้าที่​ที่​ถูก​มอบหมาย​ให้​เกณฑ์​คน​มา​ใช้​แรงงาน. (1 กษัตริย์ 12:12-18) อย่าง​ไร​ก็​ตาม ธรรมเนียม​การ​บังคับ​ใช้​แรงงาน​ก็​ยัง​ไม่​หมด​ไป. อาซา​ซึ่ง​เป็น​หลาน​ของ​ระฮับอาม​ได้​เกณฑ์​ชาว​ยูดาห์​ให้​ก่อ​สร้าง​เมือง​เกบา (เฆบา) และ​มิซพาห์ (มิศเฟ) และ “มิ​ได้​เว้น​สัก​คน​เลย.”—1 กษัตริย์ 15:22.

ภาย​ใต้​การ​ครอบครอง​ของ​โรมัน

คำ​เทศน์​บน​ภูเขา​แสดง​ให้​เห็น​ว่า ชาว​ยิว​ใน​สมัย​ศตวรรษ​แรก​คุ้น​กับ​การ​ที่​เขา​อาจ​จะ​ถูก ‘เกณฑ์​ให้​ทำ​งาน.’ คำ​ที่​ใช้​แปล​คำ​ภาษา​กรีก​อากาเรโว ซึ่ง​เดิม​ที​เกี่ยว​ข้อง​กับ​งาน​ของ​คน​ส่ง​ข่าว​ชาว​เปอร์เซีย. พวก​เขา​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ขอ​ใช้​คน, ม้า, เรือ, หรือ​อะไร​ก็​ได้​ที่​จำเป็น​เพื่อ​เร่ง​ให้​งาน​ส่วน​รวม​เสร็จ​เร็ว​ขึ้น.

ใน​สมัย​ของ​พระ​เยซู พวก​โรมัน​ปกครอง​อิสราเอล​และ​ได้​นำ​ระบบ​ที่​คล้าย​กัน​นี้​มา​ใช้. ใน​ภูมิภาค​ทาง​ตะวัน​ออก นอก​จาก​จะ​มี​การ​เก็บ​ภาษี​ตาม​ปกติ​แล้ว อาจ​มี​การ​เกณฑ์​พลเมือง​ให้​ทำ​งาน​ประจำ​หรือ​ใน​โอกาส​พิเศษ. งาน​เช่น​นั้น​คง​ไม่​มี​ใคร​ชอบ​อย่าง​แน่นอน. นอก​จาก​นี้ เป็น​เรื่อง​ปกติ​ที่​จะ​มี​การ​ยึด​สัตว์, คน​ขับ, หรือ​เกวียน​โดย​ที่​กษัตริย์​ไม่​ได้​สั่ง​เพื่อ​ใช้​ใน​งาน​ขน​ส่ง​ของ​รัฐ. ตาม​ที่​นัก​ประวัติศาสตร์​ไมเคิล รอสท็อฟทซิฟ​กล่าว​ไว้ เหล่า​ผู้​ปกครอง​เมือง “พยายาม​วาง​ข้อ​กำหนด​และ​จัด​ระบบ [ธรรมเนียม​นี้] เนื่อง​จาก​ตราบ​ใด​ที่​ธรรมเนียม​นี้​ยัง​คง​อยู่​ก็​จะ​เกิด​ผล​ร้าย​ตาม​มา​อย่าง​แน่นอน แต่​ปรากฏ​ว่า​ทำ​ไม่​สำเร็จ. มี​การ​ออก​คำ​สั่ง​หลาย​ครั้ง​หลาย​หน​โดย​ข้าหลวง​ซึ่ง​พยายาม​อย่าง​จริง​ใจ​ที่​จะ​หยุด​ยั้ง​การ​ใช้​อำนาจ​ที่​กดขี่ ซึ่ง​เป็น​เรื่อง​ปกติ​ธรรมดา​ใน​ระบบ​การ​บังคับ​ใช้​แรงงาน . . . แต่​ธรรมเนียม​นี้​ก็​ยัง​คง​สร้าง​ความ​ลำบาก​ต่อ​ไป.”

ผู้​คง​แก่​เรียน​ชาว​กรีก​กล่าว​ว่า “อาจ​มี​การ​เกณฑ์​ใคร​ก็​ได้​ให้​แบก​สัมภาระ​ของ​กองทัพ​ใน​ระยะ​ทาง​ช่วง​หนึ่ง และ​อาจ​บังคับ​ใคร​ก็​ได้​ให้​ทำ​งาน​ตาม​แต่​ผู้​ปกครอง​โรมัน​จะ​เลือก​ให้​ทำ.” นั่น​เป็น​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​ซีโมน​ชาว​กุเรเน ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​ทหาร​โรมัน “เกณฑ์” ให้​แบก​เสา​ทรมาน​ของ​พระ​เยซู.—มัดธาย 27:32.

ข้อ​ความ​ของ​พวก​รับบี​ก็​เช่น​กัน​ได้​อ้าง​ถึง​ธรรมเนียม​นี้​ที่​คน​ทั่ว​ไป​ไม่​ชอบ. ตัว​อย่าง​เช่น รับบี​คน​หนึ่ง​ถูก​ใช้​ให้​ขน​ดอก​เมอทิล​ไป​ยัง​พระ​ราชวัง. อาจ​มี​การ​ดึง​คน​งาน​ไป​จาก​นาย​จ้าง​และ​มอบ​งาน​อื่น​ให้​ทำ ใน​ขณะ​ที่​นาย​จ้าง​ยัง​คง​ต้อง​จ่าย​ค่า​แรง​ให้. สัตว์​บรรทุก​ของ​หรือ​วัว​อาจ​ถูก​ยึด​เอา​ไป​ได้. หาก​มี​การ​ส่ง​สัตว์​คืน​เจ้าของ พวก​มัน​อาจ​ไม่​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​จะ​ใช้​งาน​ได้​อีก. คุณ​คง​เห็น​แล้ว​ว่า​เหตุ​ใด​ผู้​คน​จึง​มอง​ว่า​การ​ยึด​ทรัพย์​สิน​หรือ​สัตว์ “ชั่ว​คราว” จึง​เหมือน​กับ​การ​ยึด​ถาวร. ด้วย​เหตุ​นี้ สุภาษิต​ยิว​จึง​ยืน​ยัน​ว่า “อาการีอา เปรียบ​เหมือน​หายนะ.” นัก​ประวัติศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “หมู่​บ้าน​อาจ​ล่ม​จม​ได้​เมื่อ​วัว​สำหรับ​ใช้​ไถ​นา​ถูก​ยึด​ไป​เพื่อ​อาการีอา แทน​ที่​จะ​ยึด​สัตว์​ที่​เหมาะ​จะ​ใช้​ลาก​ของ​มาก​กว่า.”

คุณ​คง​นึก​ภาพ​ออก​ว่า ผู้​คน​ไม่​ชอบ​งาน​นี้ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ถ้า​มี​การ​บังคับ​โดย​คน​ที่​ยโส​และ​อยุติธรรม. เมื่อ​คำนึง​ถึง​ความ​เกลียด​ชัง​ที่​ชาว​ยิว​มี​ต่อ​อำนาจ​ของ​ชาว​ต่าง​ชาติ​ที่​ปกครอง​พวก​เขา ชาว​ยิว​รู้สึก​ไม่​พอ​ใจ​อย่าง​มาก​ที่​ต้อง​เสื่อม​เสีย​เกียรติ​เพราะ​ถูก​บังคับ​ให้​ทำ​งาน​ที่​น่า​ข้องขัดใจ​เช่น​นี้. ไม่​มี​กฎหมาย​เรื่อง​นี้​หลง​เหลือ​อยู่​เพื่อ​บอก​ให้​เรา​รู้​ว่า​พลเมือง​คน​หนึ่ง​อาจ​ถูก​บังคับ​ให้​แบก​ของ​ไกล​เพียง​ไร. เป็น​ไป​ได้​ว่า หลาย​คน​คง​ไม่​อยาก​ทำ​งาน​เกิน​กว่า​ที่​กฎหมาย​เรียก​ร้อง​แม้​แต่​นิด​เดียว.

กระนั้น นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​กล่าว​ถึง​เมื่อ​พระองค์​ตรัส​ว่า “ถ้า​ผู้​ใด​จะ​เกณฑ์​ท่าน​ให้​เดิน​ทาง​ไป​สี่​สิบ​เส้น, ก็​ให้​เลย​ไป​กับ​เขา​ถึง​แปด​สิบ​เส้น.” (มัดธาย 5:41) เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นี้ บาง​คน​ต้อง​คิด​ว่า​พระองค์​ไม่​มี​เหตุ​ผล. แล้ว​พระ​เยซู​หมาย​ถึง​อะไร?

คริสเตียน​ควร​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร

พูด​ง่าย ๆ ก็​คือ พระ​เยซู​บอก​ผู้​ฟัง​ของ​พระองค์​ว่า ถ้า​ผู้​มี​อำนาจ​เกณฑ์​พวก​เขา​ให้​ทำ​งาน​บาง​อย่าง​ที่​ชอบ​ด้วย​กฎหมาย พวก​เขา​ควร​เต็ม​ใจ​ทำ​งาน​และ​ไม่​ควร​รู้สึก​ขุ่นเคือง​ใจ. ด้วย​เหตุ​นี้ พวก​เขา​จึง “คืน​ของ​ของ​ซีซาร์​แก่​ซีซาร์” แต่​ไม่​มอง​ข้าม​พันธะ​หน้า​ที่​ที่​จะ​คืน ‘ของ​ของ​พระเจ้า​แด่​พระเจ้า.’—มาระโก 12:17, ล.ม. *

ยิ่ง​กว่า​นั้น อัครสาวก​เปาโล​กระตุ้น​เตือน​คริสเตียน​ดัง​นี้: “ให้​คน​ทุก​คน​ยอม​อยู่​ใต้​บังคับ​ผู้​มี​อำนาจ ด้วย​ว่า​ไม่​มี​อำนาจ​อัน​ใด​เว้น​ไว้​ซึ่ง​มา​จาก​พระเจ้า และ​ผู้​มี​อำนาจ​ซึ่ง​ดำรง​อยู่​นั้น​พระเจ้า​ก็​ได้​ทรง​ตั้ง​ไว้. เหตุ​ฉะนั้น​ผู้​ที่​ขัด​ขืน​อำนาจ​นั้น​ก็​ได้​ขัด​ขืน​พระ​ดำริ​ของ​พระเจ้า . . . แต่​ถ้า​ท่าน​กระทำ​การ​ชั่ว​ก็​จง​กลัว เพราะ​ว่า​ผู้​ครอบครอง​นั้น​หา​ได้​ถือ​ดาบ​เปล่า ๆ ไม่.”—โรม 13:1-4.

โดย​การ​กล่าว​เช่น​นี้ พระ​เยซู​และ​เปาโล​จึง​ยอม​รับ​ว่า​กษัตริย์​หรือ​รัฐบาล​มี​สิทธิ​จะ​ลง​โทษ​คน​ที่​ขัด​ขืน​คำ​สั่ง​ของ​พวก​เขา. เป็น​การ​ลง​โทษ​แบบ​ใด? เอพิคเททุส นัก​ปรัชญา​ชาว​กรีก​ที่​มี​ชีวิต​ใน​สมัย​ศตวรรษ​ที่​หนึ่ง​และ​สอง​สากล​ศักราช​ให้​คำ​ตอบ​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​นี้: “ถ้า​มี​การ​เรียก​ร้อง​ที่​ไม่​ได้​คาด​ล่วง​หน้า​เกิด​ขึ้น​และ​มี​ทหาร​คน​หนึ่ง​เอา​ลา​หนุ่ม​ของ​ท่าน​ไป จง​ยอม​ให้​เขา​เอา​ไป. อย่า​ขัด​ขืน อย่า​บ่น เกรง​ว่า​ท่าน​จะ​ถูก​ทำ​ร้าย​และ​สูญ​เสีย​ลา​ของ​ท่าน.”

กระนั้น ทั้ง​ใน​สมัย​โบราณ​และ​ใน​ปัจจุบัน บาง​ครั้ง​คริสเตียน​รู้สึก​ว่า​เขา​ทำ​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​ของ​รัฐบาล​ไม่​ได้ เพราะ​สิ่ง​นั้น​ขัด​ต่อ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ดี​ของ​เขา. บาง​ครั้ง​ผล​ที่​ตาม​มา​อาจ​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง. คริสเตียน​บาง​คน​ถูก​พิพากษา​ประหาร​ชีวิต. ส่วน​คน​อื่น​ถูก​จำ​คุก​หลาย​ปี​เพราะ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​กิจกรรม​ที่​พวก​เขา​ถือ​ว่า​ไม่​เป็น​กลาง​ทาง​การ​เมือง. (ยะซายา 2:4; โยฮัน 17:16; 18:36) ใน​โอกาส​อื่น ๆ คริสเตียน​รู้สึก​ว่า​พวก​เขา​สามารถ​ทำ​ตาม​ที่​รัฐบาล​เรียก​ร้อง​ได้. ตัว​อย่าง​เช่น คริสเตียน​บาง​คน​รู้สึก​ว่า สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ดี​ของ​เขา​ยอม​ให้​ทำ​งาน​ภาย​ใต้​การ​บริหาร​ของ​ฝ่าย​พลเรือน​ซึ่ง​เป็น​งาน​ทั่ว​ไป​ที่​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​ชุมชน. นั่น​อาจ​หมาย​ถึง​การ​ช่วยเหลือ​คน​ชรา​หรือ​ทุพพลภาพ, เป็น​เจ้าหน้าที่​ดับ​เพลิง, ทำ​ความ​สะอาด​ชาย​หาด, ทำ​งาน​ใน​สวน​สาธารณะ, ป่า​ไม้, หรือ​ห้อง​สมุด, และ​อื่น ๆ.

แน่นอน สภาพการณ์​ย่อม​ต่าง​กัน​ไป​ใน​แต่​ละ​ดินแดน. ดัง​นั้น เพื่อ​จะ​ตัดสิน​ใจ​ได้​ว่า​ควร​ทำ​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​ใด ๆ หรือ​ไม่​นั้น คริสเตียน​แต่​ละ​คน​ต้อง​ทำ​ตาม​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​อบรม​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล.

การ​เลย​ไป​ถึง​แปด​สิบ​เส้น

หลักการ​ที่​พระ​เยซู​สอน คือ​การ​เต็ม​ใจ​ทำ​งาน​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​ที่​ชอบ​ด้วย​กฎหมาย เป็น​หลักการ​ที่​ใช้​ได้​ผล​ไม่​เพียง​แต่​สิ่ง​ที่​รัฐบาล​เรียก​ร้อง​เท่า​นั้น แต่​ใช้​ได้​กับ​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​บุคคล​ใน​ชีวิต​ประจำ​วัน​ด้วย. ตัว​อย่าง​เช่น อาจ​เป็น​ได้​ว่า​คน​ที่​มี​อำนาจ​เหนือ​คุณ​อาจ​ขอ​ให้​คุณ​ทำ​บาง​สิ่ง​ที่​คุณ​ไม่​อยาก​ทำ แต่​สิ่ง​นั้น​ไม่​ขัด​กับ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า. คุณ​จะ​มี​ปฏิกิริยา​เช่น​ไร? คุณ​อาจ​รู้สึก​ว่า นั่น​เป็น​ข้อ​เรียก​ร้อง​ที่​ไม่​มี​เหตุ​ผล​ซึ่ง​ทำ​ให้​คุณ​เสีย​เวลา​และ​พลังงาน และ​คุณ​จึง​อาจ​แสดง​ปฏิกิริยา​ไม่​พอ​ใจ. นั่น​อาจ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​เป็น​ปฏิปักษ์​ต่อ​กัน​ได้. ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง หาก​คุณ​ทำ​ตาม​ด้วย​ความ​ข้องขัดใจ คุณ​อาจ​ไม่​มี​ความ​สงบ​ใจ. ทาง​แก้​คือ​อะไร? จง​ทำ​ตาม​ที่​พระ​เยซู​แนะ​นำ​ไว้ นั่น​คือ จง​เลย​ไป​กับ​เขา​ถึง​แปด​สิบ​เส้น. จง​ทำ​ไม่​เพียง​สิ่ง​ที่​ถูก​ขอ​ให้​ทำ แต่​จง​ทำ​มาก​กว่า​นั้น. ทำ​อย่าง​เต็ม​ใจ. ด้วย​ทัศนะ​เช่น​นี้ คุณ​จะ​ไม่​รู้สึก​ว่า​ถูก​เอา​เปรียบ​อีก​ต่อ​ไป แต่​คุณ​ยัง​คง​เป็น​นาย​ของ​ตัว​เอง.

นัก​เขียน​คน​หนึ่ง​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ตลอด​ชีวิต หลาย​คน​ทำ​งาน​เฉพาะ​เมื่อ​ถูก​บังคับ​ให้​ทำ. สำหรับ​พวก​เขา​แล้ว ชีวิต​ไม่​น่า​พึง​พอ​ใจ​เลย และ​เขา​รู้สึก​เหนื่อย​อยู่​ตลอด​เวลา. ส่วน​คน​อื่น​ทำ​มาก​กว่า​ที่​ถูก​คาด​หมาย​และ​เต็ม​ใจ​ช่วยเหลือ​ผู้​อื่น.” ที่​จริง​แล้ว มี​หลาย​สถานการณ์​ที่​คน​เรา​ต้อง​เลือก​ว่า​จะ​ไป​เพียง​สี่​สิบ​เส้น​เมื่อ​ถูก​บังคับ—หรือ​เลย​ไป​แปด​สิบ​เส้น. ถ้า​คน​เรา​เลือก​ที่​จะ​ทำ​อย่าง​แรก เขา​อาจ​สนใจ​แค่​ทำ​ตาม​สิทธิ​ของ​เขา. ถ้า​เลือก​อย่าง​ที่​สอง เขา​อาจ​ได้​รับ​ประสบการณ์​ที่​ยัง​ความ​ชื่นชม​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง. คุณ​เป็น​คน​แบบ​ไหน? คุณ​คง​จะ​มี​ความ​สุข​และ​เกิด​ผล​มาก​ขึ้น​ถ้า​คุณ​มอง​ว่า​งาน​ที่​คุณ​ทำ​ไม่​ใช่​เป็น​เพียง​หน้า​ที่​หรือ​สิ่ง​ที่​คุณ​ต้อง​ทำ แต่​นั่น​เป็น​สิ่ง​ที่​คุณ​อยาก​ทำ.

และ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ถ้า​คุณ​เป็น​ผู้​มี​อำนาจ? เห็น​ได้​ชัด​ว่า คง​ไม่​ได้​เป็น​การ​แสดง​ความ​รัก​หรือ​เป็น​สิ่ง​ที่​คริสเตียน​ควร​ทำ​หาก​ใช้​อำนาจ​บังคับ​คน​อื่น​ให้​ทำ​สิ่ง​ที่​คุณ​ต้องการ​โดย​ที่​เขา​ไม่​เต็ม​ใจ. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ผู้​ครอบครอง​ของ​ชาว​ต่าง​ประเทศ​ย่อม​กดขี่​บังคับ​บัญชา​เขา และ​ผู้​ใหญ่​ทั้ง​หลาย​ก็​เอา​อำนาจ​เข้า​ข่ม.” แต่​นั่น​ไม่​ใช่​แนว​ทาง​ของ​คริสเตียน. (มัดธาย 20:25, 26) ขณะ​ที่​วิธี​บังคับ​ก็​อาจ​ทำ​ให้​งาน​เสร็จ​ได้ แต่​ความ​สัมพันธ์​ของ​ทุก​คน​ที่​เกี่ยว​ข้อง​จะ​ดี​ขึ้น​สัก​เพียง​ไร หาก​คำ​ขอ​ที่​กรุณา​และ​เหมาะ​สม​จะ​มี​ผู้​ทำ​ตาม​ด้วย​ความ​นับถือ​และ​ยินดี! ถูก​แล้ว การ​พร้อม​จะ​เลย​ไป​แปด​สิบ​เส้น​แทน​ที่​จะ​ไป​เพียง​สี่​สิบ​เส้น​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​คุณ​น่า​พึง​พอ​ใจ​มาก​ขึ้น​จริง ๆ.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 18 สำหรับ​การ​พิจารณา​อย่าง​ละเอียด​ถึง​ความ​หมาย​ของ​การ​ที่​คริสเตียน​จะ ‘คืน​ของ​ของ​ซีซาร์​แก่​ซีซาร์ แต่​ของ​ของ​พระเจ้า​คืน​แด่​พระเจ้า’ ดู​หอสังเกตการณ์ 1 พฤษภาคม 1996 หน้า 15-20.

[กรอบ​หน้า 25]

การ​เกณฑ์​อย่าง​ไม่​ถูก​ต้อง​ใน​สมัย​โบราณ

เรา​รู้​ได้​ว่า​มี​การ​เกณฑ์​แบบ​นี้​ซึ่ง​มัก​จะ​ถูก​ใช้​เป็น​ข้อ​อ้าง​เพื่อ​บังคับ​ให้​ผู้​คน​ทำ​งาน เห็น​ได้​จาก​กฎ​ระเบียบ​ที่​วาง​ไว้​เพื่อ​ควบคุม​การ​ปฏิบัติ​ใน​ทาง​ที่​ผิด​เช่น​นี้. ใน​ปี 118 ก่อน ส.ศ. ปโตเลมี ยูเออร์เจเตส​ที่​สอง​แห่ง​อียิปต์​ได้​ออก​กฎ​ข้อ​บังคับ​ว่า ข้าราชการ​ของ​เขา “จะ​ต้อง​ไม่​เกณฑ์​ใคร​ก็​ตาม​ที่​อาศัย​ใน​ประเทศ​นี้​ให้​ทำ​งาน​ส่วน​ตัว ทั้ง​ไม่​ร้อง​ขอ (อากาเรอิน) วัว​ควาย​เพื่อ​จุด​ประสงค์​ของ​ตน​เอง.” นอก​จาก​นี้ “ไม่​ควร​มี​ใคร​ร้อง​ขอ . . . เรือ​เพื่อ​ใช้​ใน​งาน​ส่วน​ตัว​ไม่​ว่า​จะ​มี​ข้อ​อ้าง​ใด ๆ ก็​ตาม.” ใน​ข้อ​ความ​จารึก​สมัย​ปี​สากล​ศักราช 49 ใน​วิหาร​ของ​โอเอซิส​หลวง​แห่ง​อียิปต์ เวอร์จิลลิอุส คาปีโต ข้าหลวง​โรมัน​ยอม​รับ​ว่า พวก​ทหาร​เรียก​ร้อง​อย่าง​ผิด​กฎหมาย และ​เขา​ได้​ตั้ง​กฎ​ว่า “ห้าม​ใคร​ก็​ตาม​ยึด​หรือ​เรียก​ร้อง . . . สิ่ง​ใด ๆ เว้น​แต่​ผู้​นั้น​มี​หนังสือ​มอบ​อำนาจ​จาก​เรา.”

[ภาพ​หน้า 24]

ซีโมน​ชาว​กุเรเน​ถูก​เกณฑ์​ให้​ทำ​งาน

[ภาพ​หน้า 26]

พยาน​ฯ หลาย​คน​ถูก​จำ​คุก​เนื่อง​จาก​รักษา​จุด​ยืน​ของ​คริสเตียน