ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เอบลาเมืองโบราณที่เคยถูกลืมถูกค้นพบอีก

เอบลาเมืองโบราณที่เคยถูกลืมถูกค้นพบอีก

เอบลา​เมือง​โบราณ​ที่​เคย​ถูก​ลืม​ถูก​ค้น​พบ​อีก

ฤดู​ร้อน​ปี 1962 ปาโอโล มาตีไอ นัก​โบราณคดี​หนุ่ม​ชาว​อิตาลี ได้​สำรวจ​บริเวณ​ที่​ราบ​ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ​ของ​ซีเรีย​โดย​ที่​ไม่​ทราบ​ว่า​จะ​พบ​สิ่ง​ใด​หรือ​ไม่. บริเวณ​ตอน​กลาง​ของ​ซีเรีย​เป็น​ที่​ที่​เคย​คิด​กัน​ว่า​ไม่​มี​แหล่ง​สำรวจ​ทาง​โบราณคดี​มาก​นัก. แต่​จาก​การ​ขุด​ค้น​ซึ่ง​เริ่ม​ขึ้น​ใน​สอง​ปี​ถัด​มา​ที่​เตล มาร์ดิคห์ ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​เมือง​อะเลปโป​ไป​ทาง​ใต้​ประมาณ 60 กิโลเมตร ก็​พบ​สิ่ง​ซึ่ง​หลาย​คน​ถือ​ว่า​เป็น ‘การ​ค้น​พบ​ทาง​โบราณคดี​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ศตวรรษ​ที่ 20.’

ข้อ​ความ​จารึก​โบราณ​ยืน​ยัน​ว่า​เมือง​ที่​ชื่อ​ว่า​เอบลา​เคย​มี​อยู่​จริง. อย่าง​ไร​ก็​ดี ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​ภาย​ใต้​เนิน​ดิน​กอง​ใด​ใน​จำนวน​มาก​มาย​ที่​กระจัด​กระจาย​อยู่​ทั่ว​ตะวัน​ออก​กลาง​นั้น​จะ​เป็น​ที่​ตั้ง​ของ​เมือง​ดัง​กล่าว. ข้อ​ความ​หนึ่ง​กล่าว​ถึง​ชัย​ชนะ​ของ​ซาร์กอน กษัตริย์​แห่ง​อัก​กาด​ที่​มี​เหนือ “มารี, ยาร์มุตี, และ​เอบลา.” ใน​ข้อ​ความ​จารึก​อีก​แห่ง​หนึ่ง กษัตริย์​กูเดีย​ชาว​สุเมเรียน​ได้​กล่าว​ถึง​ไม้​ซุง​ล้ำ​ค่า​ซึ่ง​ทรง​ได้​รับ​จาก “ภูเขา​แห่ง​อิบลา [เอบลา].” นอก​จาก​นี้ ชื่อ​ของ​เอบลา​ยัง​ปรากฏ​อยู่​ที่​คาร์นัก ประเทศ​อียิปต์ ใน​ราย​ชื่อ​เมือง​ต่าง ๆ ยุค​โบราณ​ที่​ฟาโรห์​ทุตโมส​ที่ 3 พิชิต​ได้. คุณ​คง​เข้าใจ​ได้​ว่า​เพราะ​เหตุ​ใด​นัก​โบราณคดี​จึง​พยายาม​ค้น​หา​เมือง​เอบลา.

อย่าง​ไร​ก็​ดี การ​ขุด​ค้น​ต่อ​ไป​ช่วย​ให้​ทราบ​อะไร​เพิ่ม​ขึ้น. ใน​ปี 1968 มี​การ​พบ​ส่วน​หนึ่ง​ของ​รูป​ปั้น​ของ​ไอบิท-ลิม ราชา​แห่ง​เอบลา. คำ​ปฏิญาณ​ซึ่ง​จารึก​ไว้​ใน​ภาษา​อัก​กาด​เปิด​เผย​ว่า​รูป​ปั้น​ดัง​กล่าว​อุทิศ​แด่​เทพ​ธิดา​อิชทาร์ ผู้ “เจิด​จรัส​อยู่​ใน​เอบลา.” ใช่​แล้ว การ​ค้น​พบ​ทาง​โบราณคดี​เริ่ม​เผย​ให้​เห็น “ภาษา, ประวัติศาสตร์, และ​วัฒนธรรม​ที่​นัก​โบราณคดี​ไม่​เคย​รู้​จัก​มา​ก่อน.”

ใน​ปี 1974/1975 มี​การ​ยืน​ยัน​ว่า​เตล มาร์ดิคห์​คือ​เมือง​เดียว​กับ​เอบลา​โบราณ เมื่อ​ได้​ค้น​พบ​แผ่น​จารึก​อักษร​รูป​ลิ่ม​ที่​กล่าว​ถึง​ชื่อ​โบราณ​นี้​หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง. การ​ขุด​ค้น​ยัง​แสดง​ให้​เห็น​ด้วย​ว่า​เมือง​นี้​เคย​มี​อย่าง​น้อย​สอง​ยุค. หลัง​จาก​เรือง​อำนาจ​ใน​ครั้ง​แรก เมือง​นี้​ก็​เริด​ร้าง. จาก​นั้น เอบลา​ก็​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ใหม่ แต่​แล้ว​ก็​เริด​ร้าง​อีก​และ​ถูก​ลืม​ไป​นาน​นับ​ศตวรรษ.

หนึ่ง​เมือง​แต่​หลาย​ประวัติศาสตร์

เมือง​โบราณ​ส่วน​ใหญ่​ถูก​สร้าง​ขึ้น​บน​ที่​ราบ​ตะกอน​น้ำ​พา เช่น ที่​ราบ​ระหว่าง​แม่น้ำ​ไทกริส​และ​ยูเฟรทิส ซึ่ง​สามารถ​ทำ​การ​เกษตร​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่. เมือง​แรก ๆ ที่​กล่าว​ถึง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​อยู่​ใน​เมโสโปเตเมีย. (เยเนซิศ 10:10) ชื่อ​เอบลา​ดู​เหมือน​จะ​มี​ความ​หมาย​ว่า “หิน​สี​ขาว” หมาย​ถึง​ชั้น​หินปูน​ซึ่ง​เป็น​ฐาน​ราก​ของ​เมือง​นี้. ดู​เหมือน​ว่า​มี​การ​เลือก​สร้าง​เมือง​ขึ้น​ใน​บริเวณ​นี้​เนื่อง​จาก​ชั้น​หินปูน​เป็น​สิ่ง​รับประกัน​ว่า​ที่​นี่​มี​แหล่ง​น้ำ​ธรรมชาติ ซึ่ง​เป็น​ปัจจัย​สำคัญ​ต่อ​ภูมิภาค​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​แม่น้ำ​สาย​หลัก.

ปริมาณ​น้ำ​ฝน​ใน​เอบลา​ทำ​ให้​การ​เพาะ​ปลูก​จำกัด​อยู่​เพียง​ธัญพืช, ไม้​เถา, และ​ต้น​มะกอก. พื้น​ที่​บริเวณ​นี้​ยัง​เหมาะ​แก่​การ​เลี้ยง​ปศุสัตว์ โดย​เฉพาะ​แกะ​อีก​ด้วย. ที่​ตั้ง​อัน​เป็น​ชัยภูมิ​ทาง​การ​ค้า เนื่อง​จาก​อยู่​ระหว่าง​ที่​ราบ​เมโสโปเตเมีย​กับ​ชายฝั่ง​เมดิเตอร์เรเนียน​ทำ​ให้​เมือง​นี้​เหมาะ​แก่​การ​ค้า​ขาย​ไม้​ซุง, พลอย, และ​โลหะ. เอบลา​ครอบ​คลุม​เขต​ที่​มี​ประชากร​อาศัย​อยู่​ประมาณ 200,000 คน โดย​เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์​ของ​จำนวน​นี้​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​หลวง.

ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​พระ​ราชวัง​ขนาด​ใหญ่​เป็น​หลักฐาน​ถึง​ความ​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​อารยธรรม​เอบลา​ใน​ยุค​ดัง​กล่าว. เพื่อ​จะ​เข้า​ไป​ใน​พระ​ราชวัง​ต้อง​ผ่าน​ประตู​ที่​สูง 12 ถึง 15 เมตร. เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​พระ​ราชวัง​หลัง​นี้​ได้​ถูก​ขยาย​ต่อ​เติม​เพื่อ​จะ​รอง​รับ​ความ​จำเป็น​ต่าง ๆ ที่​เพิ่ม​ขึ้น​ขณะ​ที่​อำนาจ​การ​บริหาร​ขยาย​ออก​ไป. พวก​เจ้าหน้าที่​ทำ​งาน​ภาย​ใต้​ระบบ​การ​บริหาร​ที่​ซับซ้อน ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​กษัตริย์​และ​มเหสี พร้อม​ด้วย​ผู้​ช่วย​คือ “เจ้านาย” และ “ผู้​ปกครอง.”

มี​การ​พบ​แผ่นดิน​เหนียว และ​เศษ​ที่​แตก​หัก​มาก​กว่า 17,000 ชิ้น. เดิม​ที​เป็น​ไป​ได้​ว่า​มี​การ​วาง​แผ่นดิน​เหนียว​ที่​จารึก​เสร็จ​สมบูรณ์​มาก​กว่า 4,000 ชิ้น​อย่าง​ระมัดระวัง​ไว้​บน​ชั้น​ไม้. เอกสาร​ดัง​กล่าว​ให้​หลักฐาน​ว่า​เอบลา​เคย​ทำ​การ​ค้า​ใน​ขอบ​เขต​ที่​ใหญ่​โต. ตัว​อย่าง​เช่น เมือง​นี้​เคย​ค้า​ขาย​กับ​อียิปต์ ดัง​จะ​เห็น​ได้​จาก​ราช​ลัญจกร​ของ​ฟาโรห์​สอง​องค์. แผ่นดิน​เหนียว​เหล่า​นี้​ส่วน​ใหญ่​เขียน​ด้วย​อักษร​รูป​ลิ่ม​ภาษา​สุเมเรียน. แต่​ก็​มี​บาง​ส่วน​ที่​เขียน​เป็น​ภาษา​เอบลา​ซึ่ง​เป็น​ภาษา​เซมิติก​ที่​เก่า​แก่​มาก​แต่​สามารถ​ถอด​ความ​หมาย​ได้​เนื่อง​จาก​เอกสาร​ดิน​เหนียว​เหล่า​นี้. บรรดา​ผู้​เชี่ยวชาญ​ด้าน​ภาษา​และ​วัฒนธรรม​ตะวัน​ออก​ต่าง​ก็​ประหลาด​ใจ​ที่​พบ​ภาษา​เซมิติก​ที่​เก่า​แก่​ขนาด​นี้. คุณ​อาจ​สนใจ​ที่​ได้​รู้​ว่า​แผ่นดิน​เหนียว​เหล่า​นี้​บาง​แผ่น​มี​รายการ​ที่​เขียน​ด้วย​สอง​ภาษา​คือ​สุเมเรียน-เอบลา. หนังสือ​ที่​ชื่อ​เอบลา—อัล​เล ออริจินิ เดลลา ซิวิลตา อูร์บานา (เอบลา—ณ ต้น​กำเนิด​อารยธรรม​เมือง, ภาษา​อิตาลี) เรียก​แผ่นดิน​เหนียว​เหล่า​นี้​ว่า “พจนานุกรม​เก่า​แก่​ที่​สุด​ที่​เรา​เคย​รู้​จัก.”

เห็น​ได้​ชัด​ว่า​เอบลา​มี​กอง​ทหาร​ที่​ทรง​อานุภาพ เนื่อง​จาก​งาน​แกะ​สลัก​หลาย​ชิ้น​ที่​ขุด​พบ​มี​ภาพ​นัก​รบ​ชาว​เอบลา​ใน​ท่า​กำลัง​สังหาร​ศัตรู​หรือ​ถวาย​ศีรษะ​ที่​ตัด​มา​ได้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ความ​รุ่งเรือง​ของ​เอบลา​ก็​ถึง​กาล​อวสาน​เมื่อ​ประวัติศาสตร์​ของ​พวก​เขา​มา​ถึง​ช่วง​ที่​อัสซีเรีย​และ​บาบิโลน​กำลัง​เรือง​อำนาจ. ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​ที่​จะ​สืบ​ย้อน​เหตุ​การณ์​จริง​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​สมัย​โน้น แต่​ดู​เหมือน​ว่า​กษัตริย์​ซาร์กอน​ที่ 1 (ไม่​ใช่​ซาร์กอน​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​ยะซายา 20:1) และ​นา​ราม-ซิน​ผู้​เป็น​นัดดา​ได้​ยก​ทัพ​มา​ตี​เอบลา. หลักฐาน​ทาง​โบราณคดี​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​การ​ต่อ​สู้​ครั้ง​นั้น​เป็น​ไป​อย่าง​ดุเดือด​และ​เป็น​การ​โจมตี​ที่​ป่า​เถื่อน​อย่าง​ยิ่ง.

แต่​ดัง​ที่​กล่าว​ไป​แล้ว เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ระยะ​หนึ่ง​เมือง​นี้​ก็​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก​ครั้ง​และ​ถึง​กับ​กลาย​เป็น​เมือง​สำคัญ​ของ​ภูมิภาค​ด้วย​ซ้ำ. เมือง​ใหม่​นี้​สร้าง​ขึ้น​ตาม​แบบ​แปลน​ทุก​ประการ ซึ่ง​ทำ​ให้​ดู​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​เดิม. เมือง​ส่วน​ที่​อยู่​ต่ำ​กว่า​มี​บริเวณ​ศักดิ์สิทธิ์​ซึ่ง​อุทิศ​แด่​เทพ​ธิดา​อิชทาร์ ผู้​ที่​ชาว​บาบิโลน​ถือ​ว่า​เป็น​เทพ​ธิดา​แห่ง​การ​เจริญ​พันธุ์. คุณ​อาจ​เคย​ได้​ยิน​เกี่ยว​กับ​ประตู​อิชทาร์​อัน​เลื่อง​ชื่อ​ซึ่ง​พบ​อยู่​ใต้​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​บาบิโลน. สิ่ง​ก่อ​สร้าง​แห่ง​หนึ่ง​ใน​เอบลา​ที่​น่า​ประทับใจ​เป็น​พิเศษ​ดู​เหมือน​จะ​เคย​เป็น​ที่​อยู่​ของ​สิงโต​ซึ่ง​ถือ​กัน​ว่า​ศักดิ์สิทธิ์​สำหรับ​เทพ​ธิดา​อิชทาร์. นี่​นำ​เรา​มา​ถึง​ศาสนา​ของ​ชาว​เอบลา.

ศาสนา​ใน​เอบลา

เช่น​เดียว​กับ​ที่​อื่น ๆ ใน​ตะวัน​ออก​โบราณ เอบลา​มี​เทพเจ้า​มาก​มาย. เทพ​เหล่า​นี้​รวม​ถึง​บาละ, ฮะดัด (ชื่อ​ที่​เป็น​ส่วน​ประกอบ​ของ​ชื่อ​กษัตริย์​ซีเรีย​บาง​องค์), และ​ดา​กาน. (1 กษัตริย์ 11:23; 15:18; 2 กษัตริย์ 17:16) ชาว​เอบลา​เกรง​กลัว​เทพ​เหล่า​นี้​ทุก​องค์. พวก​เขา​ถึง​กับ​นับถือ​พระ​ของ​ชน​ชาติ​อื่น​ด้วย. การ​ค้น​พบ​ทาง​โบราณคดี​บ่ง​ชี้​ว่า​มี​การ​นมัสการ​บรรพ​กษัตริย์​ผู้​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​เป็น​เทพ​ด้วย โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ช่วง​สหัสวรรษ​ที่​สอง​ก่อน​สากล​ศักราช.

ชาว​เอบลา​ไม่​ได้​วางใจ​ใน​เทพ​ของ​ตน​โดย​สิ้นเชิง. เมือง​เอบลา​ที่​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​มี​กำแพง​วง​แหวน​สอง​ชั้น​ที่​ใหญ่​โต​มโหฬาร​ซึ่ง​คง​ต้อง​ทำ​ให้​พวก​ข้าศึก​ครั่นคร้าม. กำแพง​ชั้น​นอก​มี​เส้น​รอบ​วง​ยาว​เกือบ​สาม​กิโลเมตร ซึ่ง​ปัจจุบัน​ยัง​มอง​เห็น​ได้​ชัดเจน.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม แม้​แต่​เมือง​เอบลา​ที่​สร้าง​ใหม่​นี้​ก็​ถึง​กาล​อวสาน. บาง​ที​อาจ​เป็น​ชาว​ฮิตไทต์ ใน​ช่วง​ประมาณ​ปี 1600 ก่อน ส.ศ. ที่​พิชิต​เมือง​ซึ่ง​เคย​เรือง​อำนาจ​นี้. บท​กวี​โบราณ​บท​หนึ่ง​กล่าว​ว่า เอบลา “แตก​กระจัด​กระจาย​เหมือน​แจกัน​เซรามิก.” ไม่​ช้า เมือง​นี้​ก็​สาบสูญ​ไป​จาก​ประวัติศาสตร์. ใน​เอกสาร​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​เขียน​โดย​นัก​รบ​ครูเสด​ที่​ยก​ทัพ​มา​ยัง​เยรูซาเลม​ใน​ปี 1098 มี​การ​กล่าว​ถึง​บริเวณ​ซึ่ง​เคย​เป็น​ที่​ตั้ง​ของ​เอบลา โดย​เรียก​บริเวณ​นั้น​ว่า​เมือง​หน้า​ด่าน​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​ใน​ชนบท ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า​มาร์ดิคห์. เอบลา​เกือบ​จะ​ถูก​ลืม​ไป​แล้ว ก่อน​จะ​มี​ผู้​ค้น​พบ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​หลาย​พัน​ปี​ต่อ​มา.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 14]

เอบลา​และ​คัมภีร์​ไบเบิล

บทความ​ที่​ตี​พิมพ์​เมื่อ​ปี 1976 ใน​วารสาร​นัก​โบราณคดี​คัมภีร์​ไบเบิล (ภาษา​อังกฤษ) ได้​กระตุ้น​ให้​เกิด​ความ​สนใจ​ใคร่​รู้​ใน​หมู่​ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล. ผู้​ถอด​ความ​หมาย​ข้อ​ความ​บน​แผ่นดิน​เหนียว​ของ​ชาว​เอบลา​แสดง​ให้​เห็น​ความ​เป็น​ไป​ได้​ที่​ว่า ใน​บรรดา​เรื่อง​ต่าง ๆ ที่​มี​จารึก​ไว้ แผ่นดิน​เหนียว​เหล่า​นั้น​ได้​กล่าว​ถึง​ชื่อ​คน​และ​สถาน​ที่​ซึ่ง​หลาย​ศตวรรษ​ต่อ​มา​ได้​ปรากฏ​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. บาง​ที​อาจ​เป็น​เพราะ​พวก​เขา​คิด​ไป​ไกล​กว่า​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​บทความ​นั้น ผู้​คง​แก่​เรียน​บาง​คน​จึง​เริ่ม​เขียน​ว่า​เอบลา​ให้​หลักฐาน​ทาง​โบราณคดี​ซึ่ง​แสดง​ว่า​บันทึก​ใน​เยเนซิศ​เป็น​เรื่อง​ที่​เชื่อถือ​ได้. * มิตเชล เดฮุด สมาชิก​นิกาย​เยสุอิต อ้าง​ว่า “แผ่น​จารึก​ดิน​เหนียว [จาก​เอบลา] ให้​ความ​กระจ่าง​แก่​ความ​คลุมเครือ​ที่​มี​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.” ตัว​อย่าง​เช่น เขา​เชื่อ​ว่า​แผ่น​จารึก​เหล่า​นั้น​สามารถ​ไข “ปัญหา​เรื่อง​ความ​เก่า​แก่​ของ​พระ​นาม​พระเจ้า​แห่ง​อิสราเอล.”

ปัจจุบัน​ข้อ​ความ​ใน​แผ่นดิน​เหนียว​เหล่า​นี้​ได้​รับ​การ​ศึกษา​และ​ตรวจ​สอบ​อย่าง​ถูก​ต้อง​มาก​ขึ้น. เนื่อง​จาก​ทั้ง​ภาษา​ฮีบรู​และ​ภาษา​เอบลา​ต่าง​ก็​เป็น​ภาษา​เซมิติก จึง​เป็น​ไป​ได้​ว่า​ชื่อ​เมือง​หรือ​คน​อาจ​คล้ายคลึง​หรือ​ตรง​กับ​ชื่อ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. อย่าง​ไร​ก็​ตาม นี่​ไม่​ใช่​ข้อ​พิสูจน์​ว่า​หมาย​ถึง​สถาน​ที่​หรือ​บุคคล​เดียว​กัน. ยัง​คง​ต้อง​ดู​กัน​ต่อ​ไป​ว่า​การ​ค้น​พบ​ใน​เอบลา​จะ​มี​ผล​ต่อ​การ​ศึกษา​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​น้อย​เพียง​ไร. ใน​เรื่อง​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า ผู้​เขียน​บทความ​ใน​วารสาร​นัก​โบราณคดี​คัมภีร์​ไบเบิล ได้​ปฏิเสธ​ว่า​เขา​ไม่​เคย​บอก​ว่า​มี​การ​กล่าว​ถึง “ยาห์เวห์” ใน​ข้อ​ความ​ภาษา​เอบลา. สำหรับ​ผู้​คง​แก่​เรียน​บาง​คน เครื่องหมาย​รูป​ลิ่ม​ที่​มี​การ​แปล​ว่า ยา​เพียง​แต่​บ่ง​ชี้​ถึง​พระองค์​หนึ่ง​ใน​บรรดา​พระ​ที่​ชาว​เอบลา​ยอม​รับ​นับถือ ใน​ขณะ​ที่​ผู้​เชี่ยวชาญ​อีก​หลาย​คน​อธิบาย​ว่า​สัญลักษณ์​ดัง​กล่าว​เป็น​เพียง​เครื่องหมาย​ทาง​ไวยากรณ์​เท่า​นั้น. ไม่​ว่า​จะ​อย่าง​ไร สัญลักษณ์​นี้​ก็​ไม่​ได้​หมาย​ถึง​พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​เที่ยง​แท้​องค์​เดียว.—พระ​บัญญัติ 4:35; ยะซายา 45:5.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 19 สำหรับ​การ​พิจารณา​ว่า​หลักฐาน​ทาง​โบราณคดี​สนับสนุน​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ไร โปรด​ดู​บท​ที่ 4 ของ​หนังสือ​คัมภีร์​ไบเบิล—คำ​ของ​พระเจ้า​หรือ​ของ​มนุษย์? (ภาษา​อังกฤษ) จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[แผนที่/รูป​ภาพ​หน้า 12]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

ทะเล​ใหญ่

คะนาอัน

ซีเรีย

อะเลปโป

เอบลา (เตล มาร์ดิคห์)

แม่น้ำ​ยูเฟรทิส

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Archaeologist: Missione Archeologica Italiana a Ebla - Università degli Studi di Roma ‘La Sapienza’

[ภาพ​หน้า 12, 13]

สร้อย​คอ​ทองคำ​อายุ​ย้อน​ไป​ถึง​ประมาณ​ปี 1750 ก่อน ส.ศ.

[ภาพ​หน้า 13]

ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​พระ​ราชวัง​ขนาด​ใหญ่

[ภาพ​หน้า 13]

ภาพ​เขียน​ของ​จิตรกร​แสดง​ให้​เห็น​แผ่นดิน​เหนียว​ที่​ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​ห้อง​เก็บ​เอกสาร

[ภาพ​หน้า 13]

แผ่นดิน​เหนียว​จารึก​อักษร​รูป​ลิ่ม

[ภาพ​หน้า 13]

คทา​ของ​กษัตริย์​อียิปต์​ปี 1750-1700 ก่อน ส.ศ.

[ภาพ​หน้า 13]

นัก​รบ​ชาว​เอบลา​กับ​ศีรษะ​ของ​ศัตรู

[ภาพ​หน้า 14]

ศิลา​จารึก​ที่​อุทิศ​แด่​เทพ​ธิดา​อิชทาร์

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Missione Archeologica Italiana a Ebla - Università degli Studi di Roma ‘La Sapienza’

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 13]

All images (except palace remains): Missione Archeologica Italiana a Ebla - Università degli Studi di Roma ‘La Sapienza’