คุณจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้เสมอไหม?
คุณจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้เสมอไหม?
“ข้าฯจะไม่เอาความซื่อสัตย์มั่นคงไปจากตัวข้าฯ จนกว่าข้าฯจะสิ้นลม!”—โยบ 27:5, ล.ม.
1, 2. เราจำเป็นต้องร่วมในโครงการก่อสร้างอะไร และเราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
ขอให้นึกภาพว่าคุณกำลังพิจารณาแบบแปลนสำหรับการสร้างบ้าน. คุณรู้สึกทึ่งที่มีการออกแบบไว้ให้ใช้ประโยชน์จากบ้านได้เป็นอย่างดี. คุณเพลินไปกับความคิดที่ว่าบ้านนั้นสามารถให้ประโยชน์แก่คุณและครอบครัวในทางใดได้บ้าง. แต่คุณคงเห็นด้วยมิใช่หรือว่าแบบแปลนนั้นและความคิดใด ๆ ที่คุณอาจมีต่อแบบแปลนนั้นคงแทบไม่มีประโยชน์อะไรหากคุณไม่ได้ลงมือสร้างบ้านจริง ๆ, ย้ายเข้าไปอยู่, แล้วก็บำรุงรักษาบ้านนั้นไว้?
2 คล้ายกัน เราอาจรู้สึกประทับใจว่าความซื่อสัตย์มั่นคงเป็นคุณลักษณะที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเราและคนที่เรารัก. แต่การคิดว่าความซื่อสัตย์มั่นคงเป็นคุณลักษณะที่ดีจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับเรามากนักหากเราไม่สร้างความซื่อสัตย์มั่นคงในฐานะคริสเตียนและรักษาไว้. ในโลกทุกวันนี้ การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนมักต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก. (ลูกา 14:28, 29) ในทำนองเดียวกัน การสร้างความซื่อสัตย์มั่นคงต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ว่าคุ้มค่าที่จะทำอย่างนั้น. ดังนั้น ให้เราพิจารณาสามคำถามต่อไปนี้: เราจะเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไร? เราจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงในฐานะคริสเตียนได้อย่างไร? เราจะทำอะไรได้บ้างถ้าบางคนไม่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงชั่วระยะหนึ่ง?
เราจะเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไร?
3, 4. (ก) พระยะโฮวาทรงช่วยเราสร้างความซื่อสัตย์มั่นคงอย่างไร? (ข) เราจะสร้างความซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไร ดังที่พระเยซูทรงวางแบบอย่างไว้?
3 เราทราบจากบทความที่แล้วว่าพระยะโฮวาทรงให้เกียรติเราโดยให้เราเลือกเองว่าเราจะเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคงหรือไม่. อย่างไรก็ตาม น่ายินดีที่พระองค์ไม่เพียงแต่ปล่อยให้เราสร้างความซื่อสัตย์มั่นคงเอง. พระองค์ทรงสอนวิธีที่เราจะสร้างคุณลักษณะอันล้ำค่านี้ และพระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เราอย่างมากมายซึ่งช่วยเราประพฤติตามคำสอนของพระองค์. (ลูกา 11:13) นอกจากนั้น พระองค์ประทานการปกป้องฝ่ายวิญญาณแก่คนที่พยายามดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์มั่นคง.—สุภา. 2:7.
4 พระยะโฮวาทรงสอนเราอย่างไรให้เป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง? วิธีที่สำคัญที่สุดก็คือ พระองค์ทรงส่งพระเยซูพระบุตรของพระองค์มาที่แผ่นดินโลก. พระเยซูทรงดำเนินฟิลิป. 2:8) ในทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำพระองค์เชื่อฟังพระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์ แม้แต่เมื่อเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ. พระองค์ตรัสกับพระยะโฮวาว่า “อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด.” (ลูกา 22:42) เราแต่ละคนควรถามตัวเองว่า ‘ฉันมีน้ำใจเชื่อฟังคล้าย ๆ กันไหม?’ ด้วยการดำเนินตามแนวทางที่เชื่อฟังพร้อมกับมีแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง เราจะเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. ขอให้พิจารณาบางแง่มุมของชีวิตที่การเชื่อฟังสำคัญเป็นพิเศษ.
ชีวิตในแนวทางที่เชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แบบ. พระองค์ “เชื่อฟังจนสิ้นพระชนม์.” (5, 6. (ก) ดาวิดเน้นอย่างไรถึงความสำคัญของการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงแม้แต่เมื่อคนอื่นไม่เห็นเรา? (ข) คริสเตียนในทุกวันนี้เผชิญข้อท้าทายอะไรในเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคงเมื่ออยู่ตามลำพัง?
5 เราต้องเชื่อฟังพระยะโฮวาแม้แต่เมื่อดูเหมือนว่าเราอยู่ตามลำพัง. ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์มั่นคงในโอกาสต่าง ๆ เมื่อท่านอาจอยู่คนเดียว. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 101:2.) เนื่องจากเป็นกษัตริย์ มีผู้คนแวดล้อมดาวิดอยู่ตลอด. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลายครั้งมีคนนับร้อยนับพันเฝ้าดูท่านอยู่. (เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 26:12) การรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงในโอกาสเหล่านั้นนับว่าสำคัญ เพราะกษัตริย์ต้องวางตัวอย่างที่ดีแก่พสกนิกร. (บัญ. 17:18, 19) อย่างไรก็ตาม ดาวิดเรียนรู้ว่าเมื่อท่านอยู่ตามลำพัง—‘ภายในเคหาของท่าน’—ก็ยังจำเป็นที่ท่านต้องดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์มั่นคง. จะว่าอย่างไรสำหรับเรา?
6 ที่บทเพลงสรรเสริญ 101:3 เราพบคำพูดของดาวิดที่ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ตั้งสิ่งเลวทรามไว้ต่อตาข้าพเจ้า.” มีโอกาสมากมายในทุกวันนี้ที่จะตั้งสิ่งเลวทรามไว้ต่อตาของเรา โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่คนเดียว. การใช้อินเทอร์เน็ตทำให้หลายคนพบกับข้อท้าทายในเรื่องนี้. เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกล่อใจให้อ่านหรือชมสิ่งที่มีเนื้อหาไม่เหมาะหรือแม้แต่สื่อลามก. แต่การทำอย่างนั้นเป็นการเชื่อฟังพระเจ้าที่ทรงดลใจดาวิดให้เขียนถ้อยคำดังกล่าวไหม? สื่อลามกก่อผลเสียหาย เพราะมันปลุกเร้าความปรารถนาที่ผิดและโลภ, ทำให้สติรู้สึกผิดชอบเสียหาย, บ่อนทำลายสายสมรส, และทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสีย.—สุภา. 4:23; 2 โค. 7:1; 1 เทส. 4:3-5.
7. มีหลักอะไรในพระคัมภีร์ที่อาจช่วยเราได้ให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงเมื่ออยู่คนเดียว?
7 แน่นอน ไม่มีผู้รับใช้พระยะโฮวาคนใดที่อยู่ตามลำพังจริง ๆ. พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ทรงเฝ้ามองเราด้วยความรัก. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 11:4.) พระยะโฮวาคงต้องพอพระทัยสักเพียงไรเมื่อพระองค์ทรงเห็นว่าคุณกำลังต่อสู้การล่อใจ! โดยทำอย่างนั้น คุณกำลังเอาใจใส่คำเตือนที่แฝงอยู่ในคำตรัสของพระเยซูที่มัดธาย 5:28. จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่มองดูสิ่งใดที่อาจล่อใจคุณให้ทำผิด. อย่าแลกความซื่อสัตย์มั่นคงอันล้ำค่าของคุณกับการกระทำอันน่าละอายโดยอ่านหรือดูสื่อลามก!
8, 9. (ก) ดานิเอลและเพื่อน ๆ เผชิญข้อท้าทายอะไรในเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคง? (ข) เยาวชนคริสเตียนในทุกวันนี้ทำให้พระยะโฮวาและเพื่อนคริสเตียนยินดีโดยวิธีใด?
8 เราสามารถเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้โดยการดานิ. 1:3-9.
เชื่อฟังพระยะโฮวาเมื่อเราอยู่ในหมู่ผู้ไม่มีความเชื่อ. ขอให้นึกถึงดานิเอลและเพื่อนสามคน. เมื่อยังหนุ่ม พวกเขาตกเป็นเชลยในบาบิโลน. ที่นั่น ผู้คนที่แวดล้อมชาวฮีบรูทั้งสี่คนนี้เป็นผู้ไม่มีความเชื่อซึ่งแทบไม่รู้หรือไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระยะโฮวา. พวกเขาถูกกดดันให้รับประทานอาหารโอชารสที่กฎหมายของพระเจ้าห้ามรับประทาน. เป็นเรื่องง่ายที่เด็กหนุ่มเหล่านี้อาจหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเพื่อจะรับประทานอาหารเหล่านั้น. ที่จริง บิดามารดาของพวกเขา, ผู้เฒ่าผู้แก่, และปุโรหิตทั้งหลายไม่เห็นว่าพวกเขาทั้งสี่คนกำลังทำอะไร. ใครจะรู้ล่ะ? พระยะโฮวาเองทรงรู้. ดังนั้น พวกเขายืนหยัดมั่นคงและเชื่อฟังพระองค์แม้ว่าถูกกดดันและเสี่ยงอันตราย.—9 ทั่วโลก พยานพระยะโฮวาที่เป็นเยาวชนกำลังยืนหยัดมั่นคงคล้าย ๆ กัน ยึดมั่นกับมาตรฐานของพระเจ้าที่ทรงวางไว้สำหรับคริสเตียนและไม่ยอมแพ้แก่ความกดดันที่ก่อผลเสียหายจากคนรุ่นเดียวกัน. เมื่อคุณที่เป็นเยาวชนปฏิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด, ความรุนแรง, การใช้คำหยาบ, การประพฤติผิดศีลธรรม, และการกระทำผิดอื่น ๆ คุณกำลังเชื่อฟังพระยะโฮวา. เมื่อเป็นอย่างนั้น คุณกำลังรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. คุณเองได้ประโยชน์ และยังทำให้พระยะโฮวาและเพื่อนคริสเตียนยินดีอีกด้วย!—เพลง. 110:3.
10. (ก) ทัศนะผิด ๆ เช่นไรเกี่ยวกับการผิดประเวณีที่ทำให้หนุ่มสาวบางคนสูญเสียความซื่อสัตย์มั่นคง? (ข) ความซื่อสัตย์มั่นคงทำให้เราประพฤติตนอย่างไรเมื่อคำนึงถึงอันตรายของการผิดประเวณี?
10 เราต้องเชื่อฟังด้วยเมื่อติดต่อกับคนที่เป็นเพศตรงข้าม. เรารู้ว่าพระคำของพระเจ้าห้ามการผิดประเวณี. อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องง่ายที่คนซึ่งเคยมีน้ำใจเชื่อฟังอาจกลายเป็นคนที่มีทัศนคติแบบปล่อยตามใจ. ตัวอย่างเช่น หนุ่มสาวบางคนร่วมเพศทางปากหรือทางทวารหนักหรือสำเร็จความใคร่ให้กัน โดยหาเหตุผลว่าการกระทำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนักเพราะพวกเขาถือว่าไม่ใช่ “การร่วมเพศ” จริง ๆ. หนุ่มสาวเหล่านี้ลืม—หรืออาจเลือกที่จะไม่สนใจ—ว่าคำที่แปลว่าการผิดประเวณีในคัมภีร์ไบเบิลหมายรวมถึงกิจปฏิบัติเหล่านั้นทุกอย่าง ซึ่งเป็นการประพฤติผิดที่อาจทำให้คนที่ทำอย่างนั้นถูกตัดสัมพันธ์. * แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น พวกเขาไม่เห็นความสำคัญของความซื่อสัตย์มั่นคง. เนื่องจากเราพยายามรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง เราจึงไม่มองหาช่องที่จะทำสิ่งไม่ถูกต้อง. เราไม่พยายามเข้าไปใกล้บาปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ถูกลงโทษ. เราไม่สนใจเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่าถ้าทำผิดเราอาจถูกประชาคมพิจารณาตัดสินความ. แทนที่จะเน้นอย่างนั้น เราพยายามทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอพระทัย หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้พระองค์เสียพระทัย. แทนที่จะดูว่าเราจะเข้าใกล้บาปได้มากแค่ไหน เราจะรักษาตัวให้ห่างจากบาปและ “หลีกหนีจากการผิดประเวณี.” (1 โค. 6:18) โดยวิธีนั้น เราแสดงว่าเราเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคงอย่างแท้จริง.
เราจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไร?
11. เพราะเหตุใดการกระทำที่เชื่อฟังแต่ละครั้งจึงสำคัญ? จงยกตัวอย่าง.
11 เราสร้างความซื่อสัตย์มั่นคงด้วยการเชื่อฟัง ดังนั้นเรารักษาความซื่อสัตย์มั่นคงด้วยการประพฤติในแนวทางที่เชื่อฟังเสมอ. การเชื่อฟังครั้งเดียวอาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญหรือเป็นเรื่องเล็ก. แต่เมื่อเวลาผ่านไปการกระทำที่เชื่อฟังแต่ละครั้งจะสะสมอยู่ในประวัติบันทึกความซื่อสัตย์มั่นคงของเรา. ยกตัวอย่าง: อิฐก้อนเดียวอาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญ แต่ถ้าเราก่ออิฐหลายก้อนเข้าด้วยกัน เราสามารถสร้างบ้านที่ดีได้. ดังลูกา 16:10.
นั้น โดยประพฤติอย่างเชื่อฟังต่อ ๆ ไป เราก็จะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้.—12. ดาวิดวางตัวอย่างไว้อย่างไรในเรื่องการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงแม้ถูกข่มเหงและไม่ได้รับความยุติธรรม?
12 ความซื่อสัตย์มั่นคงของเราเห็นได้ชัดเป็นพิเศษเมื่อเราอดทนแม้มีความลำบาก, ถูกข่มเหง, หรือไม่ได้รับความยุติธรรม. ขอให้พิจารณาตัวอย่างของดาวิดในคัมภีร์ไบเบิล. เมื่อยังหนุ่ม ท่านอดทนการข่มเหงจากกษัตริย์ที่น่าจะเป็นตัวแทนของพระยะโฮวาในด้านการปกครองชาติ. แต่กษัตริย์ซาอูลได้สูญเสียความโปรดปรานที่พระยะโฮวาเคยมีต่อท่านและอิจฉาริษยาดาวิดซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย. กระนั้น ซาอูลยังอยู่ในตำแหน่งชั่วระยะหนึ่งและใช้กองทัพของอิสราเอลไล่ล่าดาวิด. พระยะโฮวาทรงยอมให้มีความอยุติธรรมแบบนี้ดำเนินอยู่หลายปี. ดาวิดแค้นเคืองพระเจ้าไหม? ท่านลงความเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอดทนอีกต่อไปไหม? ตรงกันข้าม. ท่านยังคงนับถือตำแหน่งของซาอูลอย่างยิ่งในฐานะผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง และไม่ยอมแก้แค้นซาอูลเมื่อมีโอกาส.—1 ซามู. 24:2-7.
13. เราจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไรหากบางคนทำร้ายความรู้สึกของเราหรือทำให้เราขุ่นเคือง?
13 ตัวอย่างของดาวิดช่างเป็นตัวอย่างที่มีพลังจริง ๆ สำหรับเราในทุกวันนี้! เราเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมทั่วโลกที่ประกอบด้วยมนุษย์ไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่ว่าใครก็อาจทำผิดต่อเราหรือแม้แต่กลายเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ได้. แน่นอน เราได้รับพระพรที่มีชีวิตอยู่ในเวลาที่ประชาชนของพระยะโฮวาโดยรวมไม่มีทางถูกชักนำให้เสื่อมทราม. (ยซา. 54:17) ถึงกระนั้น เราจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรถ้าบางคนทำให้เราผิดหวังหรือทำร้ายความรู้สึกของเรา? ถ้าเราเก็บความโกรธต่อเพื่อนผู้นมัสการไว้ในหัวใจ เราอาจสูญเสียความซื่อสัตย์มั่นคงที่มีต่อพระเจ้า. การกระทำของคนอื่นไม่อาจเป็นข้อแก้ตัวที่เราจะแสดงความแค้นเคืองต่อพระเจ้าหรือละทิ้งแนวทางที่ซื่อสัตย์. (เพลง. 119:165) การเพียรอดทนแม้เมื่อเผชิญกับการทดสอบจะช่วยเรารักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้.
14. ผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงแสดงปฏิกิริยาในลักษณะใดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในองค์การและการปรับความเข้าใจด้านหลักคำสอน?
14 นอกจากนั้น เราสามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้โดยหลีกเลี่ยงน้ำใจวิพากษ์วิจารณ์และชอบจับผิด. แน่นอน นั่นหมายถึงการเป็นคนที่ภักดีต่อพระยะโฮวา. พระองค์ทรงอวยพรประชาชนของพระองค์ในเวลานี้มากกว่าที่แล้ว ๆ มา. ตลอดประวัติศาสตร์ การนมัสการบริสุทธิ์ไม่เคยถูกยกชูบนแผ่นดินโลกให้มีฐานะสูงส่งถึงขนาดนี้มาก่อน. (ยซา. 2:2-4) เมื่อมีการปรับเปลี่ยนคำอธิบายข้อคัมภีร์หรือวิธีดำเนินการบางอย่าง เราต้องการยอมรับการปรับเปลี่ยนเหล่านั้น. เราดีใจที่เห็นหลักฐานว่าแสงสว่างฝ่ายวิญญาณยังคงแรงกล้ายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ. (สุภา. 4:18) หากเรารู้สึกว่ายากจะเข้าใจที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใด ให้เราขอพระยะโฮวาช่วยเราเข้าใจจุดนั้น. ในระหว่างนี้ ให้เราเชื่อฟังและรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้เสมอ.
จะว่าอย่างไรถ้าบางคนไม่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง?
15. ใครคือบุคคลเดียวที่สามารถพรากเอาความซื่อสัตย์มั่นคงไปจากคุณ?
15 นั่นเป็นคำถามที่น่าคิดมิใช่หรือ? ดังที่เราเรียนจากบทความก่อน เราจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีความซื่อสัตย์มั่นคง. หากไม่มีความซื่อสัตย์มั่นคง เราก็ไม่มีสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาโยบ 27:5, ล.ม.) หากคุณตั้งใจแน่วแน่แบบเดียวกันและรักษาตัวใกล้ชิดกับพระยะโฮวา คุณจะไม่มีทางสูญเสียความซื่อสัตย์มั่นคงเลย.—ยโก. 4:8.
และไม่มีความหวังแท้. ขอให้จำไว้เสมอว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในเอกภพนี้ที่สามารถพรากเอาความซื่อสัตย์มั่นคงของคุณไป. บุคคลผู้นั้นก็คือตัวคุณเอง. โยบเข้าใจความจริงนี้ดี. ท่านกล่าวว่า “ข้าฯจะไม่เอาความซื่อสัตย์มั่นคงไปจากตัวข้าฯ จนกว่าข้าฯจะสิ้นลม!” (16, 17. (ก) หากใครพลาดพลั้งทำบาปร้ายแรง แนวทางที่ไม่ถูกต้องคืออะไร? (ข) แนวทางที่ถูกต้องคืออะไร?
16 ถึงกระนั้น บางคนไม่ได้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเหล่าอัครสาวกยังมีชีวิตอยู่ บางคนในทุกวันนี้ทำบาปร้ายแรงซ้ำหลายครั้ง. ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นกับคุณ นั่นเป็นสถานการณ์ที่หมดหวังแล้วไหม? ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น. อาจทำอะไรได้บ้าง? ก่อนอื่นให้เราพิจารณาว่าไม่ควรทำอะไร. มนุษย์เรามีแนวโน้มจะปกปิดความผิดไว้ไม่ให้บิดามารดา, เพื่อนคริสเตียน, หรือผู้ปกครองรู้. แต่คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่า “คนที่ปกปิดความบาปของตัวไว้จะไม่เจริญ; แต่คนที่รับสารภาพและละทิ้งการผิดของตนเสียจะประสบความเมตตา.” (สุภา. 28:13) คนที่พยายามปกปิดบาปไว้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะเขาไม่มีทางปิดซ่อนสิ่งใดไว้ไม่ให้พระเจ้ารู้. (อ่านฮีบรู 4:13.) บางคนถึงกับพยายามดำเนินชีวิตแบบตีสองหน้า แสร้งทำทีรับใช้พระยะโฮวาและในขณะเดียวกันก็ทำผิดอยู่เรื่อย ๆ. คนที่ดำเนินชีวิตอย่างนั้นไม่มีความซื่อสัตย์มั่นคง—ที่จริง เป็นการดำเนินชีวิตอย่างที่ตรงกันข้ามกับแนวทางของความซื่อสัตย์มั่นคงเลยทีเดียว. พระยะโฮวาไม่พอพระทัยการนมัสการของคนที่ปกปิดบาปร้ายแรงไว้. ตรงกันข้าม การทำอย่างหน้าซื่อใจคดเช่นนั้นทำให้พระองค์พิโรธ.—สุภา. 21:27; ยซา. 1:11-16.
17 เมื่อคริสเตียนทำผิดร้ายแรง คัมภีร์ไบเบิลแสดงไว้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องทำอะไร. ตอนนั้นเป็นเวลาที่เขาต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครองคริสเตียน. พระยะโฮวาได้ทรงแต่งตั้งพวกเขาไว้เพื่อพร้อมจะช่วยเหลือในกรณีที่เกิดความเจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณ. (อ่านยาโกโบ 5:14.) อย่าปล่อยให้ความกลัวจะถูกตีสอนหรือถูกว่ากล่าวแก้ไขกันคุณไว้ไม่ให้พยายามฟื้นฟูสุขภาพฝ่ายวิญญาณ. ที่จริง คนฉลาดจะปล่อยให้ความเจ็บปวดชั่วประเดี๋ยวของการฉีดยาหรือแม้แต่การผ่าตัดกันเขาไว้ไม่ให้จัดการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เป็นอันตรายถึงชีวิตไหม?—ฮีบรู 12:11.
18, 19. (ก) ตัวอย่างของดาวิดแสดงอย่างไรว่าสามารถกู้ความซื่อสัตย์มั่นคงกลับคืนมาได้? (ข) คุณตั้งใจแน่วแน่เช่นไรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคง?
18 ยังมีหวังที่จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ไหม? จะกู้ความซื่อสัตย์มั่นคงกลับคืนมาได้ไหมถ้าสูญเสียไปแล้ว? ขอให้พิจารณาตัวอย่างของดาวิดอีกครั้งหนึ่ง. ท่านทำบาปร้ายแรง. ท่านมองดูภรรยาคนอื่นด้วยความใคร่, เล่นชู้, และจัดการให้สามีผู้ไร้ความผิดของหญิงนั้นถูกฆ่า. เมื่อนึกถึงดาวิดในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเรื่องยากที่จะมองว่าท่านเป็นผู้มีความซื่อสัตย์มั่นคงมิใช่หรือ? กระนั้น สถานการณ์ของท่านหมดหวังแล้วไหม? ดาวิดจำเป็นต้องถูกตีสอนอย่างแรงและนั่นคือสิ่งที่ท่านได้รับ. ต่อมา เพราะท่านกลับใจอย่างแท้จริงพระยะโฮวาจึงแสดงความเมตตาต่อท่าน. ดาวิดได้บทเรียนจากการตีสอนนั้นและกู้ความซื่อสัตย์มั่นคงกลับคืนมาด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าและยืนหยัดอยู่ในแนวทางนั้น. ชีวิตของดาวิดเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นจริงอย่างที่เราอ่านในสุภาษิต 24:16 (ล.ม.) ว่า “คนชอบธรรมอาจล้มถึงเจ็ดครั้ง และเขาจะลุกขึ้นเป็นแน่.” ผลเป็นอย่างไร? ขอให้พิจารณาพระดำรัสที่พระยะโฮวาตรัสกับโซโลมอนซึ่งพาดพิงถึงดาวิดหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว. (อ่าน 1 กษัตริย์ 9:4.) พระเจ้าทรงระลึกถึงดาวิดว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์มั่นคง. จริงทีเดียว พระยะโฮวาทรงสามารถชำระล้างคนบาปที่กลับใจให้พ้นมลทินของบาป แม้แต่บาปที่ร้ายแรง.—ยซา. 1:18.
19 ดังนั้น คุณจะเป็นผู้ซื่อสัตย์มั่นคงได้ด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความรัก. จงอดทนอย่างภักดี และหากพลาดพลั้งทำผิดร้ายแรง จงแสดงการกลับใจอย่างแท้จริง. ความซื่อสัตย์มั่นคงมีค่ามากจริง ๆ! ขอให้เราแต่ละคนตั้งใจแน่วแน่แบบเดียวกับดาวิด ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า “ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะดำเนินในความซื่อสัตย์มั่นคงของข้าพเจ้า.”—เพลง. 26:11, ล.ม.
[เชิงอรรถ]
คุณจะตอบอย่างไร?
• คุณจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์มั่นคงได้อย่างไร?
• คุณจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้ในแนวทางใดได้บ้าง?
• เป็นไปได้อย่างไรที่จะกู้ความซื่อสัตย์มั่นคงกลับคืนมา?
[คำถาม]
[กรอบหน้า 8]
“ช่างดีเหลือเกิน”
สตรีคนหนึ่งซึ่งอุ้มท้องห้าเดือนพูดอย่างนี้เพราะความกรุณาและความซื่อสัตย์มั่นคงของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง. เธอได้ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นหลายชั่วโมงเธอจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ที่นั่น. ในกระเป๋านั้นมีเงินอยู่ประมาณ 68,000 บาท ซึ่งปกติแล้วเธอจะไม่พกเงินมากขนาดนี้. เธอบอกกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในภายหลังว่า “ดิฉันว้าวุ่นใจมาก.” อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนหนึ่งพบกระเป๋าเงินนั้นและรีบตามหาเจ้าของทันที. เมื่อหาเจ้าของไม่พบ เธอนำกระเป๋าเงินนั้นไปที่สถานีตำรวจ และตำรวจก็สืบหาจนพบว่าเป็นของสตรีที่ตั้งครรภ์คนนี้. เจ้าของกระเป๋าเงินกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณว่า “สิ่งที่เธอทำนั้นช่างดีเหลือเกิน.” เพราะเหตุใดหญิงสาวคนนี้จึงพยายามทำถึงขนาดนั้นเพื่อจะคืนเงินให้เจ้าของ? หนังสือพิมพ์นั้นกล่าวว่า ในฐานะที่หญิงสาวคนนี้เป็นพยานพระยะโฮวา เธอ “ให้เหตุผลว่านั่นเป็นเพราะความซื่อสัตย์มั่นคงที่เธอมีต่อศาสนาที่เธอได้รับการเลี้ยงดูมา.”
[ภาพหน้า 9]
หนุ่มสาวสามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้เมื่อถูกทดสอบ
[ภาพหน้า 10]
ดาวิดสูญเสียความซื่อสัตย์มั่นคงไปชั่วระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ฟื้นตัว