หนุ่มสาวทั้งหลาย—จงให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัด
หนุ่มสาวทั้งหลาย—จงให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัด
“จงไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้ จงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้ เพื่อความก้าวหน้า ของท่านจะปรากฏแก่ทุกคน.”—1 ติโม. 4:15
1. พระเจ้าทรงประสงค์อะไรสำหรับคนหนุ่มสาว?
“โอ เยาวชน จงเปรมปรีดิ์ในปฐมวัยของเจ้า และให้จิตใจของเจ้ากระทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในปฐมวัยของเจ้า.” (ผู้ป. 11:9, ฉบับ R73) กษัตริย์โซโลมอนผู้ฉลาดสุขุมแห่งอิสราเอลโบราณเขียนไว้อย่างนั้น. เป็นเรื่องแน่นอนทีเดียวว่าพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นต้นกำเนิดของข้อความดังกล่าวทรงประสงค์ให้พวกคุณที่เป็นคนหนุ่มสาวมีความสุขไม่เพียงแค่ในช่วงที่ยังเยาว์วัย แต่จนกระทั่งผ่านวัยหนุ่มสาวไป. อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อายุยังน้อยคนเรามักทำเรื่องที่ผิดพลาดซึ่งอาจส่งผลต่อความสุขในอนาคต. แม้แต่โยบผู้ซื่อสัตย์ก็ยังรู้สึกเสียใจเพราะผลที่เกิดจาก “ความบาปผิดที่ [ท่าน] กระทำเมื่อยังรุ่น ๆ อยู่.” (โยบ 13:26, ฉบับ R73) ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นและเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มักมีหลายเรื่องที่สำคัญซึ่งคริสเตียนที่อายุยังน้อยต้อง ตัดสินใจ. หากตัดสินใจผิดก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นที่บาดลึกทางอารมณ์และสร้างปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อเขาไปตลอดชีวิต.—ผู้ป. 11:10
2. คนหนุ่มสาวสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงได้โดยใช้คำแนะนำอะไรในคัมภีร์ไบเบิล?
2 คนหนุ่มสาวจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างสุขุม. ขอให้พิจารณาคำแนะนำที่อัครสาวกเปาโลได้ให้แก่พี่น้องชาวเมืองโครินท์. ท่านเขียนว่า “อย่ามีความคิดความเข้าใจอย่างเด็ก . . . จงมีความคิดความเข้าใจอย่างผู้ซึ่งเติบโตเต็มที่.” (1 โค. 14:20) การเอาใจใส่คำแนะนำที่ให้พัฒนาความสามารถที่จะคิดและหาเหตุผลอย่างผู้ซึ่งเติบโตเต็มที่จะช่วยคนหนุ่มสาวให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ร้ายแรง.
3. คุณสามารถทำอะไรได้เพื่อจะมีความเป็นผู้ใหญ่?
3 ถ้าคุณเป็นคนหนุ่มสาว ขอให้จำไว้ว่าการพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่นั้นต้องอาศัยความพยายาม. เปาโลบอกติโมเธียวว่า “อย่าให้ใครดูถูกความหนุ่มของท่าน. แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่ซื่อสัตย์ ทั้งในด้านการพูด การประพฤติ ความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์. จงเอาใจใส่ในการอ่านให้คนอื่นฟัง ในการกระตุ้นเตือน ในการสอน . . . จงไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้ จงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้ เพื่อความก้าวหน้าของท่านจะปรากฏแก่ทุกคน.” (1 ติโม. 4:12-15) หนุ่มสาวคริสเตียนจำเป็นต้องก้าวหน้าและให้ความก้าวหน้าของตนปรากฏแก่คนอื่น ๆ.
ความก้าวหน้าคืออะไร?
4. การทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณเกี่ยวข้องกับอะไร?
4 ความก้าวหน้าคือ “การพัฒนาหรือการเปลี่ยนให้ดีขึ้น.” เปาโลกระตุ้นติโมเธียวให้เอาใจใส่ในการทำความก้าวหน้าด้านการพูด, การประพฤติ, ความรัก, ความเชื่อ, และความบริสุทธิ์ รวมถึงให้เอาใจใส่วิธีที่ท่านทำงานรับใช้ให้สำเร็จ. ติโมเธียวต้องพยายามอย่างยิ่งให้วิถีชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างที่ดี. ด้วยเหตุนั้น ติโมเธียวจำเป็นต้องทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณต่อ ๆ ไป.
5, 6. (ก) ความก้าวหน้าของติโมเธียวเริ่มปรากฏชัดเมื่อไร? (ข) หนุ่มสาวในปัจจุบันจะเลียนแบบติโมเธียวในเรื่องการทำความก้าวหน้าได้โดยวิธีใด?
5 เมื่อเปาโลเขียนคำแนะนำนี้ในช่วงประมาณสากลศักราช 61 ถึง 64 ติโมเธียวเป็นผู้ปกครองที่มีประสบการณ์แล้ว. ท่านไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณ. ใน ส.ศ. 49 หรือ 50 ตอนที่ติโมเธียวน่าจะอายุราว ๆ 20 ปี “พี่น้องในเมืองลิสตราและเมืองอิโกนิอันต่างกล่าวถึงติโมเธียวในทางที่ดี” เพราะพวกเขาได้สังเกตเห็นความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของท่าน. (กิจ. 16:1-5) ในตอนนั้น เปาโลพาติโมเธียวเดินทางไปกับท่านในงานมิชชันนารี. หลังจากสังเกตความก้าวหน้าของติโมเธียวต่อไปอีกหลายเดือน เปาโลก็ส่งท่านไปเมืองเทสซาโลนิเกเพื่อให้ช่วยชูใจและช่วยคริสเตียนในเมืองนั้นให้มีใจหนักแน่น. (อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 3:1-3, 6) เห็นได้ชัด ติโมเธียวเริ่มทำให้ความก้าวหน้าของท่านปรากฏแก่คนอื่น ๆ ตั้งแต่ตอนที่อายุยังน้อย.
6 พวกคุณที่เป็นคนหนุ่มสาวในประชาคม จงพยายามพัฒนาคุณลักษณะฝ่ายวิญญาณที่จำเป็นตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อความก้าวหน้าของคุณในการดำเนินชีวิตในฐานะคริสเตียนและความสามารถที่จะสอนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลจะเห็นได้ชัดเจน. เมื่อพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระเยซูก็ “เจริญขึ้น . . . ทางสติปัญญา” แล้ว. (ลูกา 2:52) ดังนั้น ให้เรามาพิจารณาวิธีที่คุณจะสามารถทำให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัดในสามขอบข่ายของชีวิต: (1) เมื่อคุณเผชิญปัญหายุ่งยาก (2) เมื่อคุณเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสมรส และ(3) เมื่อคุณพยายามจะเป็น “ผู้รับใช้ที่ดี.”—1 ติโม. 4:6
รับมือกับปัญหาด้วย “จิตใจที่สุขุม”
7. ปัญหาที่ทำให้ทุกข์ใจอาจส่งผลกระทบต่อคนหนุ่มสาวอย่างไร?
7 คริสเตียนอายุ 17 ปีคนหนึ่งชื่อแครอลกล่าวว่า “บางครั้ง ดิฉันรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงทั้งกาย ทั้งใจ ถึงขนาดที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยในตอนเช้า.” * ทำไมเธอจึงเป็นทุกข์ถึงขนาดนั้น? เมื่อแครอลอายุได้สิบขวบ ครอบครัวเธอแตกแยกเพราะการหย่าร้าง และเธอจึงต้องอยู่กับมารดาซึ่งไม่ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานด้านศีลธรรมในคัมภีร์ไบเบิล. เช่นเดียวกับแครอล คุณอาจเผชิญปัญหาบางอย่างที่ทำให้ทุกข์ใจอย่างยิ่งและแทบไม่มีโอกาสจะแก้ไขอะไรได้.
8. ติโมเธียวต่อสู้เพื่อเอาชนะปัญหาอะไรบ้าง?
8 ขณะที่ทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณ ติโมเธียวก็ต้อง1 ติโม. 5:23) เมื่อเปาโลส่งท่านไปที่เมืองโครินท์ให้จัดการปัญหาบางอย่างที่เกิดจากบางคนที่ท้าท้ายอำนาจของท่านในฐานะอัครสาวก เปาโลกระตุ้นพี่น้องในประชาคมนั้นให้ร่วมมือ เพื่อติโมเธียวจะ “หายกังวล” เมื่ออยู่กับพวกเขา. (1 โค. 4:17; 16:10, 11) ดูเหมือนว่าติโมเธียวเป็นคนขี้อายหรือขาดความกล้า.
ต่อสู้เพื่อเอาชนะปัญหายุ่งยากบางอย่างด้วย. ตัวอย่างเช่น ท่านมี “อาการเจ็บป่วยที่ . . . เป็นอยู่บ่อย ๆ” เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร. (9. จิตใจที่สุขุมคืออะไร และจิตใจที่สุขุมไม่เหมือนกับจิตใจที่ขลาดกลัวอย่างไร?
9 เพื่อช่วยติโมเธียว เปาโลเตือนท่านในภายหลังว่า “พระเจ้าไม่ได้ทรงโปรดให้เรามีใจขลาดกลัว แต่ให้มีใจที่มีพลัง ใจที่มีความรัก และมีจิตใจที่สุขุม.” (2 ติโม. 1:7) “จิตใจที่สุขุม” หมายถึงความสามารถในการคิดและชักเหตุผลได้อย่างถูกต้อง. นอกจากนั้น การมีจิตใจที่สุขุมยังรวมถึงความสามารถที่จะเผชิญกับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตามแม้เมื่อสถานการณ์นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น. หนุ่มสาวบางคนมีใจขลาดกลัวและพยายามหนีปัญหาที่ทำให้เครียดด้วยการนอนหรือดูโทรทัศน์มากเกินไป, ติดยาเสพย์ติดหรือแอลกอฮอล์, จัดงานเลี้ยงเป็นประจำ, หรือทำผิดศีลธรรมทางเพศ. คริสเตียนได้รับคำแนะเตือนให้ “ปฏิเสธการกระทำที่ดูหมิ่นพระเจ้าและความปรารถนาแบบโลกและให้ดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติ ด้วยความชอบธรรม และด้วยความเลื่อมใสพระเจ้า.”—ทิทุส 2:12
10, 11. การมีจิตใจที่สุขุมช่วยเราให้พัฒนาความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณอย่างไร?
10 คัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นเตือน “คนหนุ่ม ๆ . . . ให้มีสติ.” (ทิทุส 2:6) การเอาใจใส่คำแนะนำนี้หมายถึงการที่คุณจะอธิษฐานและพึ่งกำลังที่ได้รับจากพระเจ้าเมื่อเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ. (อ่าน 1 เปโตร 4:7) โดยวิธีนี้ คุณจะพัฒนาความเชื่อมั่นจากหัวใจใน “กำลังที่พระเจ้าทรงประทาน.”—1 เป. 4:11
11 การมีจิตใจที่สุขุมและการอธิษฐานคือสิ่งที่ช่วยแครอลไว้. เธอกล่าวว่า “การพยายามดำเนินชีวิตแบบที่มีศีลธรรม ทั้ง ๆ ที่แม่ใช้ชีวิตแบบที่ผิดศีลธรรมเป็นเรื่องหนึ่งที่ยากมากสำหรับดิฉัน. แต่การอธิษฐานช่วยได้จริง ๆ. ดิฉันรู้ว่าพระยะโฮวาทรงอยู่กับดิฉัน ดิฉันจึงไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป.” จำไว้ว่า ปัญหาอาจช่วยขัดเกลาให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นและทำให้คุณเข้มแข็ง. (เพลง. 105:17-19; ทุกข์. 3:27) ไม่ว่าคุณเผชิญกับปัญหาอะไร พระเจ้าจะไม่มีทางละทิ้งคุณ. พระองค์จะ ‘ช่วยคุณ’ อย่างแน่นอน.—ยซา. 41:10
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสมรสที่ประสบความสำเร็จ
12. เหตุใดคริสเตียนที่ต้องการแต่งงานควรใช้หลักการในสุภาษิต 20:25?
12 หนุ่มสาวที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่บางคนรีบร้อนแต่งงาน เพราะพวกเขาคิดว่าการแต่งงานสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดความสุข ความว้าเหว่ ความเบื่อหน่าย และช่วยแก้ปัญหาบางอย่างที่บ้านได้. อย่างไรก็ตาม การให้คำปฏิญาณในการสมรสเป็นเรื่องจริงจัง. บางคนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลได้ให้คำปฏิญาณตนกับพระเจ้าโดยไม่ได้พิจารณาให้ดีว่านั่นเกี่ยวข้องกับอะไร. (อ่านสุภาษิต 20:25) บางครั้ง หนุ่มสาวที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้พิจารณาอย่างจริงจังว่าเมื่อสมรส แล้วเขามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง. ในภายหลัง พวกเขาจึงได้มารู้ว่ามีอะไรหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสมรสมากกว่าที่พวกเขาเคยคิด.
13. คนที่คิดจะติดต่อฝากรักควรพิจารณาคำถามอะไรบ้าง และมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อะไรสำหรับพวกเขา?
13 ดังนั้น ก่อนจะติดต่อฝากรัก จงถามตัวเองว่า ‘ทำไมฉันจึงอยากแต่งงาน? ฉันคาดหวังจะได้อะไร? คนนี้คือคนที่เหมาะกับฉันไหม? ฉันพร้อมจริง ๆ ไหมที่จะรับเอาหน้าที่รับผิดชอบในฐานะคนที่สมรสแล้ว?’ เพื่อช่วยคุณให้ตรวจสอบตัวเองด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้จัดพิมพ์หลายบทความที่พิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ. * (มัด. 24:45-47) จงถือว่าบทความที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นคำแนะนำที่พระยะโฮวาประทานแก่คุณ. จงใคร่ครวญคำแนะนำในบทความเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วนและนำเอาไปใช้. อย่าปล่อยให้ตัวคุณเองกลายเป็น “เหมือนม้า, หรือลา, ที่หาปัญญามิได้.” (เพลง. 32:8, 9) จงเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ในด้านความเข้าใจเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของการสมรส. ถ้าคุณคิดว่าคุณพร้อมจะติดต่อฝากรักแล้ว “จงเป็นแบบอย่าง . . . ในด้าน . . . ความบริสุทธิ์” เสมอ.—1 ติโม. 4:12
14. ความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณจะช่วยคุณได้อย่างไรถ้าคุณแต่งงาน?
14 ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณยังช่วยให้ประสบความสำเร็จหลังจากแต่งงานแล้วด้วย. คริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่พยายาม “เติบโตถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์.” (เอเฟ. 4:11-14) เขาพยายามอย่างมากในการพัฒนาบุคลิกภาพแบบพระคริสต์. ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างสำหรับเรา “พระคริสต์ . . . ไม่ได้ทำตามชอบพระทัยพระองค์.” (โรม 15:3) เมื่อคู่สมรสทั้งสองคนไม่ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่ทำเพื่อประโยชน์ของคู่ของตนด้วย ชีวิตครอบครัวก็จะอยู่เย็นเป็นสุข. (1 โค. 10:24) สามีจะแสดงความรักแบบเสียสละ และภรรยาก็จะตั้งใจอ่อนน้อมต่ออำนาจของสามีเหมือนกับที่พระเยซูทรงอ่อนน้อมต่อผู้ที่เป็นประมุขของพระองค์.—1 โค. 11:3; เอเฟ. 5:25
“จงทำงานรับใช้ของท่านให้สำเร็จครบถ้วน”
15, 16. คุณจะทำให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัดได้โดยวิธีใด?
15 เปาโลดึงความสนใจมาที่งานมอบหมายสำคัญซึ่งติโมเธียวได้รับโดยเขียนว่า “ข้าพเจ้ากำชับท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระคริสต์เยซู . . . ว่า จงประกาศพระคำ จงประกาศอย่างรีบด่วน.” ท่านกล่าวเสริมอีกว่า “จงทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี จงทำงานรับใช้ของท่านให้สำเร็จครบถ้วน.” (2 ติโม. 4:1, 2, 5) เพื่อจะทำงานมอบหมายนี้ให้สำเร็จได้ ติโมเธียวต้องได้รับการ “หล่อเลี้ยงจิตใจด้วยถ้อยคำแห่งความเชื่อ.”—อ่าน 1 ติโมเธียว 4:6
16 คุณจะได้รับการ “หล่อเลี้ยงจิตใจด้วยถ้อยคำแห่ง1 ติโม. 4:13, 15) เพื่อจะปรับปรุงให้ดีขึ้น จำเป็นต้องขยันศึกษาส่วนตัว. นิสัยศึกษาของคุณเป็นอย่างไร? คุณหมกมุ่นอยู่กับ “สิ่งลึกซึ้งของพระเจ้า” ไหม? (1 โค. 2:10) หรือว่าคุณพยายามเพียงเล็กน้อยในการศึกษา? การใคร่ครวญเรื่องที่คุณศึกษาจะกระตุ้นหัวใจคุณ.—อ่านสุภาษิต 2:1-5
ความเชื่อ” ได้โดยวิธีใด? เปาโลเขียนว่า “จงเอาใจใส่ในการอ่านให้คนอื่นฟัง ในการกระตุ้นเตือน ในการสอน . . . จงไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้ จงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้.” (17, 18. (ก) คุณควรพยายามพัฒนาความสามารถในด้านใดบ้าง? (ข) การพัฒนาน้ำใจแบบเดียวกับติโมเธียวจะช่วยคุณอย่างไรในงานรับใช้?
17 ไพโอเนียร์ที่อายุยังน้อยคนหนึ่งชื่อมิเชลล์กล่าวว่า “เพื่อจะมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงในงานรับใช้ ดิฉันได้จัดตารางเวลาไว้อย่างดีเพื่อศึกษาส่วนตัว และดิฉันเข้าร่วมการประชุมเป็นประจำ. ผลจากการทำอย่างนั้นก็คือ ดิฉันเติบโตฝ่ายวิญญาณขึ้นเรื่อย ๆ.” การรับใช้เป็นไพโอเนียร์จะช่วยคุณจริง ๆ ให้ปรับปรุงความสามารถในการใช้คัมภีร์ไบเบิลในงานรับใช้และทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณ. จงพยายามเป็นนักอ่านที่ดีและแสดงความคิดเห็นอย่างมีความหมายในการประชุมคริสเตียน. ในฐานะเยาวชนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ คุณคงต้องการจะเตรียมส่วนนักเรียนในโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าอย่างที่ให้ความรู้แก่ผู้ฟัง และใช้เนื้อหาตามที่มอบหมายให้.
18 ‘การทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี’ หมายถึงการทำให้งานรับใช้ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการช่วยคนอื่น ๆ ให้ได้รับความรอด. เพื่อจะทำอย่างนี้ได้จำเป็นต้องพัฒนา “ศิลปะในการสอน.” (2 ติโม. 4:2) โดยทำงานรับใช้ด้วยกันกับคนที่มีประสบการณ์ในงานนี้ คุณจะสามารถเรียนรู้จากวิธีสอนของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ติโมเธียวเรียนรู้จากการทำงานกับเปาโล. (1 โค. 4:17) เมื่ออ้างถึงคนที่ท่านเคยช่วย เปาโลกล่าวว่าท่านไม่เพียงแต่ให้ข่าวดีแก่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังได้ให้ ‘ชีวิตของท่านเอง’ หรือใช้ชีวิตของท่านอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพวกเขาด้วย เพราะพวกเขาเป็นที่รักของท่าน. (1 เทส. 2:8) เพื่อจะทำตามแบบอย่างของเปาโลในงานรับใช้ได้ คุณต้องมีน้ำใจแบบเดียวกับติโมเธียว ซึ่งเป็นห่วงคนอื่น ๆ อย่างแท้จริงและ “ทำงานหนักในการประกาศข่าวดี.” (อ่านฟิลิปปอย 2:19-23) คุณแสดงน้ำใจเสียสละเช่นนี้ในงานรับใช้ของคุณไหม?
ความก้าวหน้าทำให้อิ่มใจอย่างแท้จริง
19, 20. เหตุใดการทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณจึงทำให้ยินดี?
19 เพื่อจะทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณต้องอาศัยความพยายาม. แต่ด้วยการพัฒนาความสามารถในการสอนของคุณอย่างอดทน ในที่สุดคุณก็จะมีสิทธิพิเศษในการ “ทำให้หลายคนมั่งมี” ฝ่ายวิญญาณ และคนเหล่านั้นก็จะเป็น “ความยินดีหรือมงกุฎแห่งความปลื้มปีติ” ของคุณ. (2 โค. 6:10; 1 เทส. 2:19) เฟรดซึ่งเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาคนหนึ่งอธิบายว่า “ผมใช้เวลามากกว่าเมื่อก่อนในการช่วยคนอื่น ๆ. การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับจริง ๆ.”
20 ไพโอเนียร์ซึ่งอายุยังน้อยคนหนึ่งชื่อแดฟนีกล่าวถึงความยินดีและความพึงพอใจที่เธอได้รับจากการเติบโตฝ่ายวิญญาณว่า “ดิฉันได้พัฒนาสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวายิ่งขึ้นกว่าเดิมมากเมื่อดิฉันเริ่มรู้ซึ้งว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคล. เมื่อเราทำให้พระยะโฮวาพอพระทัยอย่างสุดความสามารถ เราก็รู้สึกดี รู้สึกอิ่มใจอย่างแท้จริง!” แม้ว่าคนอื่นอาจมองไม่เห็นความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของคุณเสมอไป แต่พระยะโฮวาทรงมองเห็นและเห็นค่าเสมอ. (ฮีบรู 4:13) ไม่ต้องสงสัย พวกคุณซึ่งเป็นคริสเตียนที่อายุยังน้อยสามารถทำให้พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ได้รับเกียรติและคำสรรเสริญ. จงทำให้พระทัยของพระองค์ยินดีต่อ ๆ ไปขณะที่คุณทำให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัดอย่างแท้จริง.—สุภา. 27:11
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 7 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ.
^ วรรค 13 “เขาคือคนที่เหมาะสำหรับฉันไหม?” ในตื่นเถิด! ฉบับพฤษภาคม 2007; “การชี้นำจากพระเจ้าสำหรับการเลือกคู่สมรส” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 พฤษภาคม 2001; “อะไรจำเป็นสำหรับชีวิตสมรสที่ประสบผลสำเร็จ?” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กุมภาพันธ์ 1999.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• การทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณเกี่ยวข้องกับอะไร?
• คุณจะทำให้ความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัดได้อย่างไร . . .
เมื่อเผชิญปัญหายุ่งยาก?
ในการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสมรส?
ในงานรับใช้?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 15]
การอธิษฐานสามารถช่วยคุณให้รับมือกับปัญหาได้
[ภาพหน้า 16]
ผู้ประกาศที่อายุยังน้อยจะพัฒนาวิธีสอนให้มีประสิทธิภาพได้โดยวิธีใด?