จงปลูกฝังความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสูญ
จงปลูกฝังความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสูญ
‘ความรักอดทนทุกสิ่ง. ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ.’—1 โค. 13:7, 8
1. (ก) มักมีการเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักกันอย่างไร? (ข) ผู้คนมากมายรักใครหรือรักอะไร?
มีการพูดกันมากมายในเรื่องความรัก. คุณลักษณะนี้ได้รับการยกย่องและกล่าวถึงในบทเพลงรักหวานซึ้ง. ความรักเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งสำหรับมนุษย์. แต่หนังสือและภาพยนตร์มักเสนอเรื่องราวความรักที่เป็นเรื่องแต่ง และมีเรื่องแบบนี้วางขายอยู่ดาษดื่น. กระนั้น น่าเศร้าที่ความรักแท้ต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้านกลับหาได้ยาก. เราเห็นว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับสมัยสุดท้ายกำลังเกิดขึ้น. ผู้คน “รักตัวเอง รักเงิน . . . รักการสนุกสนานแทนที่จะรักพระเจ้า.”—2 ติโม. 3:1-5
2. คัมภีร์ไบเบิลเตือนเช่นไรเกี่ยวกับความรักที่ผิดทาง?
2 มนุษย์มีความสามารถที่จะแสดงความรัก แต่พระคำของพระเจ้าเตือนเราในเรื่องการมีความรักที่ผิดทาง. และคัมภีร์ไบเบิลพรรณนาผลเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อความรักเช่นนั้นฝังรากในหัวใจคนเรา. (1 ติโม. 6:9, 10) คุณจำได้ไหมว่าอัครสาวกเปาโลกล่าวถึงเดมัสไว้อย่างไร? แม้ว่าเขาเคยคบหาใกล้ชิดกับเปาโล แต่เดมัสหันไปรักสิ่งที่โลกเสนอให้. (2 ติโม. 4:10) อัครสาวกโยฮันเตือนคริสเตียนให้ระวังอันตรายอย่างนี้. (อ่าน 1 โยฮัน 2:15, 16) การรักโลกและสิ่งของในโลกและวิถีของโลกที่ไม่ยั่งยืนไปด้วยกันไม่ได้กับการรักพระเจ้าและสิ่งที่มาจากพระองค์.
3. เราพบข้อท้าทายอะไร และข้อท้าทายนั้นทำให้เกิดคำถามอะไรขึ้นมา?
3 แม้ว่าเราอยู่ในโลก แต่เราไม่เป็นส่วนของโลกนี้. ด้วยเหตุนั้น มีข้อท้าทายที่เราต้องหลีกเลี่ยงทัศนะที่ผิดเพี้ยนของโลกในเรื่องความรัก. นับว่าสำคัญที่เราจะไม่เผลอตัวไปติดกับดักของความรักที่ผิดทางหรือผิดเพี้ยน. ดังนั้น เราควรปลูกฝังและแสดงความรักแท้ต่อใคร? มีการจัดเตรียมอะไรบ้างที่ช่วยเราให้สามารถปลูกฝังความรักที่อดทนทุกสิ่งและไม่มีวันเสื่อมสูญ? แนวทางนี้ทำให้เราได้รับประโยชน์ในขณะนี้และส่งผลต่ออนาคตของเราอย่างไร? เราจำเป็นต้องได้รับคำตอบที่อาศัยทัศนะของพระเจ้าเพื่อเราจะสามารถได้รับการชี้นำอย่างนั้น.
ปลูกฝังความรักต่อพระยะโฮวา
4. ความรักต่อพระเจ้าเติบโตได้โดยวิธีใด?
4 การปลูกฝังอาจหมายถึงการส่งเสริมให้บางสิ่งเติบโต. ขอให้นึกถึงกสิกรที่ทำงานหนักเพื่อเตรียมดินและหว่านเมล็ด. เขาคาดหมายให้เมล็ดที่เขาหว่านงอกงามเติบโต. (ฮีบรู 6:7) คล้ายกัน ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าควรเติบโต. ต้องอาศัยอะไรเพื่อจะเป็นอย่างนั้นได้? เราต้องบำรุงหัวใจที่เปรียบดุจดินดีซึ่งได้มีการหว่านเมล็ดแห่งความจริงเรื่องราชอาณาจักรไว้. เราทำอย่างนี้ได้ด้วยการศึกษาพระคำของพระเจ้าอย่างขยันขันแข็งเพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับพระองค์. (โกโล. 1:10) การเข้าร่วมและมีส่วนในการประชุมประชาคมเป็นประจำจะช่วยเราด้วยให้มีความรู้มากขึ้น. เราแต่ละคนกำลังพยายามอยู่เสมอไหมเพื่อจะได้รับความรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น?—สุภา. 2:1-7
5. (ก) เราเรียนรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะสำคัญของพระยะโฮวาได้โดยวิธีใด? (ข) คุณอาจกล่าวได้อย่างไรในเรื่องความยุติธรรม, สติปัญญา, และอำนาจของพระเจ้า?
5 พระยะโฮวาทรงเปิดเผยบุคลิกภาพของพระองค์โดยทางพระคำของพระองค์. ด้วยการศึกษาพระคัมภีร์และรับเอาความรู้ของพระยะโฮวาอย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นค่าคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวามากขึ้นได้—ไม่ว่าจะเป็นความยุติธรรม, อำนาจ, สติปัญญา, และที่เหนือกว่าคุณลักษณะอื่นใด ความรักอันสูงส่งของพระองค์. พระยะโฮวาทรงสำแดงความยุติธรรมในวิถีทางทั้งสิ้นและในกฎหมายอันสมบูรณ์ของพระองค์. (บัญ. 32:4; เพลง. 19:7) เราสามารถใคร่ครวญพระราชกิจทั้งสิ้นที่พระยะโฮวาทรงสร้างสรรค์และรู้สึกเกรงขามพระสติปัญญาอันสูงส่งของพระองค์. (เพลง. 104:24) เอกภพยังให้หลักฐานด้วยว่าพระยะโฮวาทรงเป็นแหล่งแห่งพลังอันล้นเหลือและกำลังที่ไม่มีวันหมด.—ยซา. 40:26
6. พระเจ้าทรงแสดงความรักต่อเราอย่างไร และนั่นส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร?
6 เราอาจกล่าวได้อย่างไรเกี่ยวกับความรักซึ่งเป็นคุณลักษณะของพระเจ้าที่เด่นกว่าคุณลักษณะอื่น? ความรักของพระเจ้าครอบคลุมและส่งผลกระทบต่อเราทุกคน. พระองค์ทรงแสดงความรักอย่างนั้นโดยทรงจัดให้มีค่าไถ่เพื่อไถ่ถอนมนุษยชาติ. (อ่านโรม 5:8) การจัดเตรียมนี้มีให้แก่มนุษยชาติทั่วโลก แต่เฉพาะคนที่ตอบรับความรักของพระเจ้าและแสดงความเชื่อในพระบุตรเท่านั้นจึงจะได้รับประโยชน์จากความรักนี้. (โย. 3:16, 36) การที่พระเจ้าให้พระเยซูเป็นเครื่องบูชาระงับพระพิโรธสำหรับบาปของเราควรจะกระตุ้นเราให้รักพระองค์.
7, 8. (ก) เราจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อจะแสดงความรักต่อพระเจ้าได้? (ข) ประชาชนของพระเจ้าทำตามพระบัญญัติของพระองค์ทั้ง ๆ ที่ต้องเผชิญกับอะไร?
7 เราจะแสดงความรักต่อพระเจ้าเป็นการตอบแทนที่พระองค์ทรงทำสารพัดสิ่งเพื่อเราได้โดยวิธีใด? คำตอบซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจนี้นับว่าสำคัญ: “การรักพระเจ้าหมายถึงการทำตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.” (1 โย. 5:3) ความรักที่เรา มีต่อพระยะโฮวาพระเจ้ากระตุ้นเราให้ทำตามพระบัญญัติของพระองค์. นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่เราประกาศถึงพระนามและราชอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งทำให้คนอื่น ๆ ได้รับประโยชน์. การทำเช่นนั้นอย่างเต็มใจเป็นหลักฐานว่าเราทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยแรงกระตุ้นที่บริสุทธิ์.—มัด. 12:34
8 พี่น้องของเราทั่วโลกพากเพียรทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าแม้เผชิญกับความไม่แยแสและการปฏิเสธข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรอย่างสิ้นเชิง. พวกเขาไม่ละความพยายามที่จะทำงานรับใช้ให้สำเร็จครบถ้วน. (2 ติโม. 4:5) ในทำนองเดียวกัน เราก็ถูกกระตุ้นให้บอกความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าแก่คนอื่น ๆ รวมทั้งทำตามพระบัญชาข้ออื่น ๆ ทั้งหมดของพระองค์ด้วย.
เหตุใดเราจึงรักพระเยซูคริสต์เจ้า?
9. พระคริสต์ทรงอดทนอะไร และอะไรกระตุ้นพระองค์ให้อดทนการทดสอบเหล่านั้น?
9 นอกจากจะรักพระเจ้าแล้ว ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่เราปลูกฝังความรักต่อพระบุตรของพระองค์. แม้ว่าเราไม่เคยเห็นพระเยซู แต่เมื่อเราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระองค์ ความรักที่เรามีต่อพระองค์ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น. (1 เป. 1:8) มีอะไรบ้างที่พระเยซูทรงอดทน? เมื่อพระองค์ทำตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูถูกเกลียดชังโดยไม่มีเหตุ, ถูกข่มเหง, ถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ, และถูกด่าว่า. พระองค์ยังต้องทนรับการสบประมาทอื่น ๆ อีกด้วย. (อ่านโยฮัน 15:25) ความรักที่พระเยซูทรงมีต่อพระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์กระตุ้นพระองค์ให้อดทนการทดสอบเหล่านั้น. และเพราะถูกกระตุ้นโดยความรัก พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก.—มัด. 20:28
10, 11. เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่พระคริสต์ทรงทำเพื่อเรา เราตั้งเป้าว่าจะทำอะไร?
10 แนวทางชีวิตของพระเยซูกระตุ้นให้เราตอบสนอง. เมื่อเรานึกถึงสิ่งที่พระคริสต์ได้ทำเพื่อเรา ความรักที่เรามีต่อพระองค์ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น. เนื่องจากเราเป็นสาวกของพระองค์ เราควรตั้งเป้าที่จะปลูกฝังและแสดงความรักแบบพระคริสต์ต่อ ๆ ไป เพื่อช่วยให้เรามีความอดทนในการทำตามพระบัญชาที่ให้ประกาศเรื่องราชอาณาจักรและสอนคนให้เป็นสาวก.—มัด. 28:19, 20
11 ในการตอบสนองความรักของพระคริสต์ที่ทรงแสดงต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น เรารู้สึกถูกกระตุ้นให้ทำงานมอบหมายของเราให้สำเร็จก่อนอวสานจะมาถึง. (อ่าน 2 โครินท์ 5:14, 15) ความรักที่พระคริสต์ทรงแสดงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับมนุษย์สำเร็จ. และแบบอย่างที่พระคริสต์ทรงวางไว้ให้เราทำตามอย่างใกล้ชิดช่วยให้เราแต่ละคนสามารถมีส่วนในพระประสงค์ของพระเจ้า. เพื่อจะเป็นอย่างนั้น เราต้องปลูกฝังความรักที่มีต่อพระเจ้าอย่างเต็มที่เท่าที่เราจะทำได้. (มัด. 22:37) ด้วยการทำตามคำสอนและพระบัญชาของพระเยซูเสมอ เราแสดงให้เห็นว่าเรารักพระองค์และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะสนับสนุนการปกครองของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระเยซูไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม.—โย. 14:23, 24; 15:10
ดำเนินในทางที่ดีเยี่ยมกว่าของความรัก
12. เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อท่านกล่าวถึง “ทางที่ดีเยี่ยมกว่า”?
12 อัครสาวกเปาโลเป็นผู้เลียนแบบพระคริสต์. เนื่องจากท่านติดตามรอยพระบาทของพระคริสต์อย่างใกล้ชิด เปาโลจึงสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเมื่อท่านกระตุ้นพี่น้องให้เป็นผู้เลียนแบบท่าน. (1 โค. 11:1) แม้ว่าท่านกระตุ้นคริสเตียนในเมืองโครินท์ให้แสวงหาอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไปเพื่อจะได้ของประทานโดยทางพระวิญญาณบางอย่าง ที่มีให้เห็นในศตวรรษแรก เช่น การรักษาโรคและการพูดภาษาต่าง ๆ แต่เปาโลชี้ให้พวกเขาเห็นว่ามีสิ่งที่ดีกว่าที่ควรแสวงหา. ที่ 1 โครินท์ 12:31 ท่านอธิบายว่า “ข้าพเจ้าจะชี้ให้พวกท่านเห็นทางที่ดีเยี่ยมกว่านั้นอีก.” เนื้อความในข้อต่อ ๆ มาแสดงว่าทางที่ดีเยี่ยมกว่านั้นคือความรัก. ความรักดีเยี่ยมกว่าอย่างไร? เปาโลกล่าวต่อไปโดยยกตัวอย่างให้เห็นว่าท่านหมายถึงอะไร. (อ่าน 1 โครินท์ 13:1-3) ถ้าท่านมีความสามารถบางอย่างที่โดดเด่นและทำงานที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จแต่ไม่มีความรัก ท่านจะมีค่าขนาดไหน? ไม่มีค่าเลย! ท่านอธิบายจุดสำคัญนี้อย่างชัดเจนโดยที่ถูกกระตุ้นจากพระวิญญาณของพระเจ้า. คำอธิบายนี้ช่างก่อผลกระทบที่ทรงพลังต่อเราจริง ๆ!
13. (ก) ข้อพระคัมภีร์ประจำปี 2010 คืออะไร? (ข) ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญอย่างไร?
13 ต่อจากนั้น เปาโลให้คำนิยามว่าความรักหมายถึงอะไรและไม่ได้หมายถึงอะไร. (อ่าน 1 โครินท์ 13:4-8) ตอนนี้ ขอให้ตรวจสอบดูว่าคุณทำได้มากน้อยขนาดไหนตามข้อเรียกร้องของความรัก. ขอให้สนใจเป็นพิเศษที่วลีสุดท้ายในข้อ 7 และประโยคแรกในข้อ 8 ที่ว่า ‘ความรักอดทนทุกสิ่ง. ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ’ ซึ่งจะเป็นข้อพระคัมภีร์ประจำปี 2010. ขอให้สังเกตว่าในข้อ 8 เปาโลกล่าวว่าของประทานโดยทางพระวิญญาณ ซึ่งรวมถึงการพยากรณ์และการพูดภาษาต่าง ๆ—ซึ่งใช้ในประชาคมคริสเตียนช่วงเริ่มแรก—จะหมดไป. ของประทานเหล่านั้นจะมีวันสิ้นสุด. แต่ความรักจะคงอยู่เสมอไป. พระยะโฮวาทรงเป็นแก่นแท้ของความรัก และพระองค์ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์. ดังนั้น ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญหรือสิ้นสุด. ความรัก ซึ่งเป็นคุณลักษณะหนึ่งของพระเจ้าของเราผู้ทรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร์ จะยังคงดำรงอยู่ตลอดไป.—1 โย. 4:8
ความรักอดทนทุกสิ่ง
14, 15. (ก) ความรักสามารถช่วยเราได้อย่างไรให้อดทนกับการทดสอบต่าง ๆ? (ข) เหตุใดพี่น้องหนุ่มคนหนึ่งจึงไม่ยอมประนีประนอม?
14 อะไรทำให้คริสเตียนสามารถอดทนได้ไม่ว่าจะประสบกับการทดสอบ, สถานการณ์ที่ยุ่งยากลำบาก, และปัญหาเช่นไรก็ตาม? สิ่งที่ช่วยให้อดทนได้ก็คือความรักที่อาศัยหลักการเป็นพื้นฐานนั่นเอง. ความรักเช่นนั้นมีความหมายมากยิ่งกว่าเพียงแค่การยอมสละสิ่งของบางอย่าง. ความรักนี้มีความหมายกว้างไกลจนถึงขั้นที่เต็มใจรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงและถึงกับยอมสละชีวิตของเราเพื่อเห็นแก่พระคริสต์. (ลูกา 9:24, 25) ขอให้พิจารณาดูแนวทางที่ซื่อสัตย์ของพยานฯ ที่ทนทุกข์ในค่ายกักกัน, ค่ายแรงงาน, และในคุกต่าง ๆ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและหลังจากนั้น.
15 พยานฯ หนุ่มชาวเยอรมันคนหนึ่งชื่อวิลเฮล์มเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้. เขาไม่ยอมประนีประนอม และรักษาความภักดีเมื่อเผชิญหน้ากับความตายจากหน่วยทหารยิงเป้าของนาซี. เขาเขียนจดหมายอำลาถึงครอบครัวว่า “เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องรักพระเจ้าอย่างที่พระเยซูคริสต์ผู้นำของเราทรงบัญชาไว้. ถ้าเรายืนหยัดเพื่อพระองค์ พระองค์จะประทานบำเหน็จแก่เรา.” ในเวลาต่อมา สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเขาเขียนลงในบทความหนึ่งของหอสังเกตการณ์ ว่า “ตลอดช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวาย พวกเราทั้งครอบครัวให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าอยู่ในอันดับแรกเสมอ.” ทัศนะเช่นนั้นมีอยู่ในพี่น้องหลายคนในปัจจุบันที่กำลังถูกจำคุกในอาร์เมเนีย, เอริเทรีย, เกาหลีใต้, และในดินแดนอื่น ๆ. พี่น้องเหล่านี้ยังคงมีความรักต่อพระยะโฮวาอย่างมั่นคง.
16. พี่น้องของเราในมาลาวีอดทนกับอะไร?
16 ในหลาย ๆ แห่ง มีการทดสอบความเชื่อความอดทนของพี่น้องเราหลายรูปแบบ. พยานพระยะโฮวาในประเทศมาลาวีอดทนการสั่งห้ามจากรัฐบาล, การต่อต้านอย่างรุนแรง, และการกระทำอันทารุณโหดร้ายมากมายเป็นเวลานานถึง 26 ปี. ความอดทนของพวกเขาได้รับรางวัลตอบแทน. เมื่อการข่มเหงเริ่มต้นขึ้น มีพยานฯ ในประเทศนี้ประมาณ 18,000 คน. สามสิบปีต่อมา พวกเขามีจำนวน 38,393 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนเดิมกว่าสองเท่า. ในดินแดนอื่น ๆ ก็มีประสบการณ์คล้าย ๆ กันนี้.
17. บางคนที่อยู่ในครอบครัวที่แบ่งแยกทางศาสนาประสบกับอะไร และเหตุใดพวกเขาจึงสามารถอดทนการถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายได้?
มัด. 10:35, 36) วัยรุ่นหลายคนอดทนการต่อต้านจากบิดามารดาที่ไม่มีความเชื่อ. บางคนถึงกับถูกไล่ออกจากบ้าน แต่พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างกรุณาจากพี่น้องพยานฯ. บางคนถูกตัดญาติขาดมิตร. อะไรช่วยคนเหล่านี้ให้อดทนการถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายได้? ไม่ใช่เพียงเพราะความรักที่พวกเขามีต่อสังคมพี่น้อง แต่ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดก็คือความรักแท้ที่พวกเขามีต่อพระยะโฮวาและพระบุตร.—1 เป. 1:22; 1 โย. 4:21
17 การโจมตีทางกายและทางวาจาที่ประชาชนของพระเจ้าโดยทั่วไปประสบเป็นเรื่องหนึ่งที่ยากจะรับมือ. เมื่อคริสเตียนบางคนพบกับการต่อต้านจากคนในครอบครัว นั่นอาจเป็นเรื่องที่ทำให้รับมือได้ยากขึ้นไปอีก. คนในครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดอาจสร้างแรงกดดันแก่พวกเขา. พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มิใช่หรือ? ใช่แล้ว และหลายคนได้ประสบด้วยตัวเขาเองว่าเป็นอย่างนั้นจริง. (18. ความรักที่อดทนทุกสิ่งช่วยคริสเตียนที่สมรสแล้วอย่างไร?
18 มีสถานการณ์อื่น ๆ อีกมากมายในชีวิตที่จำเป็นต้องอาศัยความรักที่อดทนทุกสิ่ง. ในสายสัมพันธ์ระหว่างสามีกับภรรยา ความรักช่วยให้ทั้งสองสามารถแสดงความนับถือคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัด. 19:6) เมื่อพบกับ ‘ความลำบาก’ คริสเตียนที่สมรสแล้วควรเตือนตัวเองให้ระลึกเสมอว่าพระยะโฮวาทรงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของเขา. (1 โค. 7:28) พระคำของพระองค์กล่าวว่า ‘ความรักอดทนทุกสิ่ง’ และสามีภรรยาซึ่งสวมคุณลักษณะนี้ได้รับการเสริมกำลังที่จะผูกพันใกล้ชิดกันและรักษาสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสไว้.—โกโล. 3:14
19. ประชาชนของพระเจ้าทำอะไรเมื่อเกิดภัยพิบัติ?
19 ความรักช่วยเราให้อดทนทุกสิ่งในยามที่เกิดภัยพิบัติ เช่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่ภาคใต้ของประเทศเปรูและเมื่อพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาพัดถล่มพื้นที่แถบอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ. พี่น้องของเราหลายคนสูญเสียบ้านหรือทรัพย์สินเพราะภัยพิบัติดังกล่าว. ความรักกระตุ้นประชาคมทั่วโลกให้ส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ และกระตุ้นอาสาสมัครให้มาช่วยสร้างบ้านและซ่อมแซมหอประชุมราชอาณาจักร. การกระทำเช่นนั้นพิสูจน์ว่าพี่น้องของเรารักและเอาใจใส่กันและกันทุกเวลาและทุกสถานการณ์.—โย. 13:34, 35; 1 เป. 2:17
ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ
20, 21. (ก) เหตุใดความรักจึงเป็นทางที่ดีเยี่ยมกว่า? (ข) เหตุใดคุณจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะดำเนินในทางแห่งความรัก?
20 ท่ามกลางประชาชนของพระยะโฮวาในปัจจุบัน เราเห็นว่าการดำเนินในทางที่ดีเยี่ยมกว่าของความรักเป็นแนวทางที่ฉลาดสุขุม. เป็นความจริงทีเดียวว่าความรักดีเยี่ยมกว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม. ขอให้สังเกตว่าอัครสาวกเปาโลเน้นความจริงดังกล่าวอย่างไร. ก่อนอื่น ท่านชี้ว่าของประทานโดยทางพระวิญญาณจะหมดไปและประชาคมคริสเตียนจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนบรรลุถึงความอาวุโส. แล้วท่านก็กล่าวลงท้ายว่า “อย่างไรก็ตาม มีสามสิ่งที่ยังคงมีอยู่คือความเชื่อ ความหวัง ความรัก แต่ที่ใหญ่ที่สุดคือความรัก.”—1 โค. 13:13
21 ในที่สุด สิ่งต่าง ๆ ที่เราเชื่อก็จะกลายเป็นจริง และด้วยเหตุนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อในสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป. ความหวังในคำสัญญาต่าง ๆ ที่เราเฝ้ารอคอยจะได้เห็นความสำเร็จเป็นจริงก็จะไม่อยู่ในความคิดของเราอีกต่อไปหลังจากที่พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นสิ่งใหม่แล้ว. แล้วความรักล่ะเป็นอย่างไร? ความรักจะไม่มีวันเสื่อมสูญหรือหมดไป. ความรักจะคงอยู่เสมอ. ด้วยการใคร่ครวญในเรื่องชีวิตนิรันดร์ เราจะเห็นและเข้าใจแง่มุมของความรักของพระเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน. ด้วยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการดำเนินในทางที่ดีเยี่ยมกว่าของความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสูญ คุณจะคงอยู่ตลอดไป.—1 โย. 2:17
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดเราต้องคอยระวังเพื่อจะไม่มีความรักที่ผิดทาง?
• ความรักสามารถช่วยเราให้อดทนอะไรได้?
• ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญอย่างไร?
[คำถาม]
[คำโปรยหน้า 27]
ข้อพระคัมภีร์ประจำปี 2010 คือ ‘ความรักอดทนทุกสิ่ง. ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ.’—1 โค. 13:7, 8
[ภาพหน้า 25]
ความรักต่อพระเจ้ากระตุ้นเราให้ประกาศ
[ภาพหน้า 26]
ความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสูญทำให้พี่น้องของเราในมาลาวีสามารถอดทนการทดสอบ