“นับถือผู้ที่ทำงานหนักท่ามกลางพวกท่าน”
“นับถือผู้ที่ทำงานหนักท่ามกลางพวกท่าน”
“นับถือผู้ที่ทำงานหนักท่ามกลางพวกท่าน ซึ่งนำหน้าในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเตือนสติพวกท่าน.”—1 เทส. 5:12
1, 2. (ก) สถานการณ์ในประชาคมเทสซาโลนิเกเป็นอย่างไรเมื่อเปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกไปถึงพวกเขา? (ข) เปาโลสนับสนุนคริสเตียนในเมืองเทสซาโลนิเกให้ทำอะไร?
ขอให้นึกภาพว่าตัวคุณเองเป็นสมาชิกประชาคมเทสซาโลนิเก ซึ่งเป็นหนึ่งในประชาคมแรก ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นที่ยุโรปในศตวรรษแรก. อัครสาวกเปาโลได้ใช้เวลามากทีเดียวในการหนุนกำลังใจพี่น้องที่นั่น. ท่านอาจได้แต่งตั้งผู้เฒ่าผู้แก่ให้นำหน้า เช่นเดียวกับที่ท่านทำในประชาคมอื่น ๆ. (กิจ. 14:23) แต่หลังจากที่ประชาคมก่อตั้งขึ้นแล้ว ชาวยิวได้รวมตัวกันเพื่อขับไล่เปาโลกับซีลัสออกไปจากเมือง. คริสเตียนทั้งหลายที่ยังคงอยู่ที่นั่นอาจรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และอาจถึงกับรู้สึกกลัว.
2 หลังออกจากเมืองเทสซาโลนิเก เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่เปาโลรู้สึกเป็นห่วงประชาคมที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่. ท่านพยายามจะกลับไป แต่ “ซาตานขวางทาง” ท่านไว้. ดังนั้น ท่านจึงส่งติโมเธียวไปหนุนใจประชาคมนี้. (1 เทส. 2:18; 3:2) เมื่อติโมเธียวนำรายงานที่ดีกลับมา เปาโลก็ถูกกระตุ้นให้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงคริสเตียนในเมืองเทสซาโลนิเก. นอกเหนือจากสิ่งอื่น ๆ แล้ว เปาโลสนับสนุนพวกเขาให้ ‘นับถือผู้ที่ทำงานหนักท่ามกลางพวกเขา.’—อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 5:12, 13
3. คริสเตียนในเมืองเทสซาโลนิเกมีเหตุผลอะไรที่จะคำนึงถึงผู้เฒ่าผู้แก่เป็นพิเศษ?
3 พี่น้องชายที่นำหน้าในหมู่คริสเตียนที่เมืองเทสซาโลนิเกไม่มีประสบการณ์เท่ากับเปาโลและเพื่อนร่วมเดินทาง. นอกจากนั้น พวกเขาไม่มีผู้ปกครองรุ่นก่อนที่ช่วยถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้เหมือนผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเลม. ที่จริง ประชาคมเพิ่งจะเริ่มต้นไม่ถึงปี! กระนั้น คนที่อยู่ในประชาคมมีเหตุผลที่จะขอบคุณผู้เฒ่าผู้แก่ที่ “ทำงานหนัก” “นำหน้า” ประชาคม และ “เตือนสติ” พี่เอเฟ. 4:8
น้อง. จริงทีเดียว พวกเขามีเหตุผลอันดีที่จะ “คำนึงถึง [ผู้ปกครอง] เป็นพิเศษด้วยความรัก.” หลังจากขออย่างนี้แล้วเปาโลแนะนำให้ “อยู่กันอย่างสันติ.” ถ้าคุณอยู่ที่นั่นในเมืองเทสซาโลนิเก คุณจะแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับงานของผู้ปกครองไหม? คุณมีทัศนะอย่างไรต่อ “ของประทานในลักษณะมนุษย์” ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้โดยทางพระคริสต์ในประชาคมของคุณ?—“ทำงานหนัก”
4, 5. เหตุใดการสอนประชาคมในสมัยของเปาโลจึงเป็นงานหนักสำหรับผู้ปกครอง และเหตุใดจึงเป็นอย่างนั้นในทุกวันนี้?
4 หลังจากส่งเปาโลกับซีลัสไปเมืองเบโรยาแล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่ในเมืองเทสซาโลนิเก “ทำงานหนัก” อย่างไร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเลียนแบบเปาโลด้วยการสอนประชาคมโดยใช้พระคัมภีร์. คุณอาจสงสัยว่า ‘คริสเตียนในเมืองเทสซาโลนิเกเห็นคุณค่าพระคำของพระเจ้าไหม?’ ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ชาวเมืองเบโรยา “มีใจพร้อมจะยอมรับฟังมากกว่าชาวเมืองเทสซาโลนิเก . . . ค้นดูพระคัมภีร์อย่างรอบคอบทุกวัน.” (กิจ. 17:11) อย่างไรก็ตาม คำพรรณนาดังกล่าวเป็นการเปรียบเทียบกับชาวยิวในเมืองเทสซาโลนิเกโดยทั่วไป ไม่ใช่เทียบกับคริสเตียน. คนที่เข้ามาเชื่อ ‘รับพระคำนั้นไว้ไม่ใช่อย่างคำของมนุษย์ แต่อย่างที่เป็นพระคำของพระเจ้า.’ (1 เทส. 2:13) ผู้เฒ่าผู้แก่ต้องทำงานหนักเพื่อสอนคนเหล่านั้น.
5 ในปัจจุบัน ชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุมดูแลฝูงแกะของพระเจ้าโดย “ให้อาหารแก่พวกเขาในเวลาอันเหมาะ.” (มัด. 24:45) ผู้ปกครองในท้องถิ่นทำงานเพื่อให้อาหารฝ่ายวิญญาณแก่พี่น้องโดยอาศัยการชี้นำจากชนชั้นทาส. พี่น้องในประชาคมอาจมีหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักมากมายหลายเล่ม และในบางภาษามีเครื่องมือต่าง ๆ อย่างเช่นดัชนีสรรพหนังสือของว็อชเทาเวอร์ และห้องสมุดว็อชเทาเวอร์ ในแผ่นซีดี. เพื่อสนองความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของประชาคม ผู้ปกครองใช้เวลาเตรียมส่วนการประชุมหลายชั่วโมงเพื่อจะสามารถเสนอส่วนที่ได้รับมอบหมายอย่างที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง. คุณเคยคิดไหมว่าผู้ปกครองต้องใช้เวลามากขนาดไหนในการเตรียมส่วนสำหรับการประชุมประชาคม การประชุมหมวด และการประชุมภาค?
6, 7. (ก) ผู้เฒ่าผู้แก่ในเมืองเทสซาโลนิเกเห็นตัวอย่างอะไรของเปาโล? (ข) เหตุใดอาจเป็นเรื่องยากที่ผู้ปกครองในทุกวันนี้จะทำตามแบบอย่างของเปาโล?
6 ผู้เฒ่าผู้แก่ในเมืองเทสซาโลนิเกจำตัวอย่างที่ดีที่เปาโลวางไว้ในการบำรุงเลี้ยงฝูงแกะ. ท่านไม่ได้ไปเยี่ยมฝูงแกะแบบขอไปทีหรือแค่ทำตามหน้าที่. ดังที่ได้พิจารณาไปแล้วในบทความก่อน เปาโล “ปฏิบัติ . . . ด้วยความอ่อนโยนเหมือนแม่ลูกอ่อนทะนุถนอมลูกของตน.” (อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 2:7, 8) ท่านถึงกับเต็มใจที่จะ ‘ให้ชีวิตของท่าน’! เมื่อบำรุงเลี้ยงฝูงแกะ ผู้เฒ่าผู้แก่ควรทำเหมือนท่าน.
7 คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงในปัจจุบันเลียนแบบเปาโลด้วยการทะนุถนอมฝูงแกะ. โดยธรรมชาติแล้ว แกะบางตัวอาจมีนิสัยที่ไม่ค่อยน่ารักและไม่ค่อยเป็นมิตร. ถึงกระนั้น ผู้ปกครองพยายามสังเกตเพื่อจะเข้าใจแกะอย่างแท้จริงและหาข้อดีในตัวพวกเขา. (สุภา. 13:15) จริงอยู่ เพราะผู้ปกครองเป็นคนไม่สมบูรณ์เขาอาจต้องพยายามอย่างมากที่จะมองพี่น้องแต่ละคนในแง่บวก. กระนั้น เมื่อเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปฏิบัติอย่างอ่อนโยนต่อทุกคน เขาควรได้รับคำชมเชยสำหรับความพยายามที่จะเป็นผู้เลี้ยงที่ดีตามการชี้นำของพระคริสต์มิใช่หรือ?
8, 9. ผู้ปกครองในสมัยปัจจุบัน “คอยดูแลพวกเรา” โดยวิธีใดบ้าง?
8 เราทุกคนมีเหตุผลที่จะ “ยอมรับอำนาจ” ของผู้ปกครอง. ดังที่เปาโลเขียน ‘คนเหล่านั้นคอยดูแลพวกเรา.’ (ฮีบรู 13:17) วลีดังกล่าวทำให้เรานึกถึงคนเลี้ยงแกะที่ยอมอดหลับอดนอนเพื่อปกป้องฝูงแกะ. คล้ายกัน ผู้ปกครองในทุกวันนี้อาจต้องยอมอดหลับอดนอนเพื่อเอาใจใส่ความจำเป็นของคนที่สุขภาพไม่ดีหรือมีปัญหาด้านอารมณ์หรือฝ่ายวิญญาณ. ตัวอย่างเช่น พี่น้องที่ทำงานในคณะกรรมการประสานงานกับโรงพยาบาลถูกปลุกให้ตื่นกลาง ดึกเพื่อช่วยพี่น้องที่พบปัญหายุ่งยากด้านการรักษา. เมื่อเราประสบปัญหายุ่งยากเช่นนั้น เรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่พวกเขาให้ความช่วยเหลือ!
9 ผู้ปกครองที่ทำงานในคณะกรรมการก่อสร้างภูมิภาคและคณะกรรมการบรรเทาทุกข์ทำงานหนักเพื่อช่วยพี่น้อง. พวกเขาควรได้รับการสนับสนุนจากเราอย่างสุดหัวใจ! ขอให้พิจารณาความพยายามในการบรรเทาทุกข์หลังจากพายุไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มประเทศพม่าในปี 2008. เพื่อจะไปถึงประชาคมในหมู่บ้านโบทิงกอนซึ่งอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีที่ถูกถล่มอย่างหนัก ทีมช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เดินทางผ่านภูมิประเทศที่ได้รับความเสียหายยับเยินและมีซากศพเกลื่อนไปหมด. เมื่อพี่น้องท้องถิ่นเห็นทีมงานบรรเทาทุกข์กลุ่มแรกมาถึงโบทิงกอน รวมทั้งอดีตผู้ดูแลหมวดด้วย พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “ดูนั่นสิ! ผู้ดูแลหมวดของเรามาแล้ว! พระยะโฮวาทรงช่วยเราแล้ว!” คุณเห็นค่างานหนักที่ผู้ปกครองทำทั้งกลางวันกลางคืนไหม? ผู้ปกครองบางคนได้รับการแต่งตั้งให้รับใช้ในคณะกรรมการตัดสินความที่ตั้งขึ้นเพื่อจัดการปัญหายุ่งยากที่เกิดขึ้น. ผู้ปกครองเหล่านี้ไม่โอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขา; แต่พี่น้องที่ได้รับประโยชน์จากการบริการของพวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง.—มัด. 6:2-4
10. ผู้ปกครองทำงานอะไรที่พี่น้องหลายคนไม่รู้?
10 ผู้ปกครองหลายคนในทุกวันนี้มีงานเอกสารที่ต้องทำด้วย. ตัวอย่างเช่น ผู้ประสานงานคณะผู้ปกครองเตรียมตารางมอบหมายส่วนการประชุมประจำสัปดาห์. เลขาธิการประชาคมรวบรวมรายงานการประกาศประจำเดือนและประจำปี. ผู้ดูแลโรงเรียนต้องคิดอย่างรอบคอบในการมอบหมายส่วนสำหรับรายการโรงเรียน. ทุกสามเดือน มีการตรวจสอบบัญชีประชาคม. ผู้ปกครองอ่านจดหมายต่าง ๆ ที่มาจากสำนักงานสาขาและทำตามคำชี้นำที่ช่วยให้รักษา “ความเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อ.” (เอเฟ. 4:3, 13) การที่ผู้ปกครองทำงานหนักเช่นนั้นทำให้ “ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างที่ถูกที่ควรและเป็นระเบียบ.”—1 โค. 14:40
‘นำหน้าพวกท่าน’
11, 12. ใครนำหน้าประชาคม และการทำอย่างนั้นหมายถึงอะไร?
11 เปาโลพรรณนาผู้เฒ่าผู้แก่ในเมืองเทสซาโลนิเกที่ทำงานหนักว่าพวกเขา “นำหน้า” ประชาคม. ความหมายในภาษาเดิมของคำนี้ก็คือ “ยืนอยู่ต่อหน้า” และอาจแปลได้ด้วยว่า “ชี้นำ.” (1 เทส. 5:12) เปาโลกล่าวถึงผู้ปกครองกลุ่มเดียวกันนี้ว่า “ทำงานหนัก.” ในที่นี้ ท่านกล่าวถึงผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหมดในประชาคม. ในทุกวันนี้ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าประชาคมและนำการประชุม. เมื่อไม่นานมานี้มีการปรับเปลี่ยนชื่อเรียก “ผู้ดูแลผู้เป็นประธาน” มาเป็น “ผู้ประสานงานคณะผู้ปกครอง” ซึ่งช่วยให้เรามองผู้ปกครองทั้งหมดว่าทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว.
12 ‘การนำหน้า’ ประชาคมไม่ได้หมายถึงเฉพาะการสอนเท่านั้น. ในภาษาเดิม มีการใช้คำเดียวกันนี้ที่ 1 ติโมเธียว 3:4. เปาโลกล่าวว่า ผู้ดูแลควร “ปกครองครอบครัวของตนอย่างดี โดยที่ลูก ๆ ยอมเชื่อฟังเขาด้วยความนับถืออย่างแท้จริง.” คำว่า “ปกครอง” ในที่นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สอนลูก แต่หมายถึงนำหน้าครอบครัว และทำอย่างที่จะให้ “ลูก ๆ ยอมเชื่อฟัง” ด้วย. ใช่แล้ว ผู้ปกครองนำหน้าประชาคม และช่วยทุกคนให้ยอมเชื่อฟังพระยะโฮวา.—1 ติโม. 3:5
13. เหตุใดจึงอาจต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ณ การประชุมผู้ปกครอง?
13 เพื่อจะนำหน้าฝูงแกะอย่างดี ผู้ปกครองพิจารณาด้วยกันเกี่ยวกับความจำเป็นของประชาคมและวิธีจัดการที่ดีที่สุด. อาจดูเหมือนว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าให้ผู้ปกครองคนหนึ่งตัดสินใจในทุกเรื่อง. กระนั้น โดยทำตามตัวอย่างของคณะกรรมการปกครองในศตวรรษแรก คณะผู้ปกครองในสมัยปัจจุบันพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ด้วยกันอย่างตรงไปตรงมา และค้นดูว่าพระคัมภีร์ให้คำแนะนำไว้อย่างไร. เป้าหมายของพวกเขาได้แก่การนำหลักการในพระคัมภีร์มาใช้กับความจำเป็นของประชาคมท้องถิ่น. การทำอย่างนี้มีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อผู้ปกครองแต่ละคนเตรียมตัวสำหรับการประชุมผู้ปกครอง พิจารณาข้อพระกิจ. 15:2, 6, 7, 12-14, 28
คัมภีร์และคำแนะนำต่าง ๆ จากทาสสัตย์ซื่อและสุขุม. แน่นอน การทำอย่างนี้ต้องใช้เวลา. เมื่อมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคณะกรรมการปกครองในศตวรรษแรกพิจารณาเรื่องการรับสุหนัต อาจจำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นและค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อทุกคนจะเห็นพ้องต้องกันโดยอาศัยพระคัมภีร์เป็นหลัก.—14. คุณเห็นค่าที่คณะผู้ปกครองทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพไหม? เหตุใดคุณจึงรู้สึกอย่างนั้น?
14 อาจเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ปกครองคนหนึ่งยืนกรานว่าต้องทำตามวิธีของเขาหรือพยายามส่งเสริมแนวคิดของตนเอง? หรือจะว่าอย่างไรถ้ามีบางคนเป็นเหมือนดิโอเตรเฟสในศตวรรษแรกที่อาจทำให้เกิดความแตกแยก? (3 โย. 9, 10) ทั้งประชาคมย่อมได้รับความเสียหาย. ถ้าซาตานพยายามทำลายประชาคมในศตวรรษแรก เราแน่ใจได้เลยว่ามันต้องการจะทำลายสันติสุขของประชาคมในทุกวันนี้. มันอาจดึงดูดเราให้ทำตามแนวโน้มที่เห็นแก่ตัวของมนุษย์ เช่น ความปรารถนาที่จะเป็นคนเด่นดัง. ด้วยเหตุนั้น ผู้ปกครองจำเป็นต้องพัฒนาความถ่อมใจและทำงานร่วมกันเหมือนเป็นกายเดียว. เราเห็นค่าความถ่อมใจของผู้ปกครองที่ร่วมมือกันเหมือนเป็นกายเดียวสักเพียงไร!
“เตือนสติพวกท่าน”
15. อะไรเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้ปกครองเตือนสติพี่น้อง?
15 จากนั้น เปาโลเน้นเกี่ยวกับงานอย่างหนึ่งของผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นงานยากแต่สำคัญ คือการเตือนสติฝูงแกะ. ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก มีเพียงเปาโลเท่านั้นที่ใช้คำภาษากรีกที่แปลว่า “เตือนสติ.” คำนี้อาจหมายถึงคำแนะนำที่หนักแน่น แต่ไม่มีนัยที่บ่งชี้ถึงความเป็นปฏิปักษ์. (กิจ. 20:31; 2 เทส. 3:15) ตัวอย่างเช่น เปาโลเขียน ถึงคริสเตียนในเมืองโครินท์ว่า “ข้าพเจ้าเขียนเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อทำให้ท่านทั้งหลายอาย แต่เพื่อเตือนสติพวกท่านเหมือนเตือนบุตรที่รักของข้าพเจ้า.” (1 โค. 4:14) แรงกระตุ้นที่ทำให้ท่านเตือนสติก็คือความห่วงใยด้วยความรักที่ท่านมีต่อคนอื่น.
16. ผู้ปกครองควรจำอะไรไว้เมื่อเตือนสติผู้อื่น?
16 ผู้ปกครองระลึกเสมอถึงความสำคัญของวิธีที่พวกเขาเตือนสติผู้อื่น. พวกเขาพยายามเลียนแบบเปาโลโดยการเป็นคนกรุณา แสดงความรัก และให้ความช่วยเหลือ. (อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 2:11, 12) แน่นอน ผู้ปกครอง ‘ยึดมั่นกับพระคำอันสัตย์จริง เพื่อเขาจะสามารถกระตุ้นเตือนด้วยคำสอนที่ก่อประโยชน์.’—ทิทุส 1:5-9
17, 18. คุณควรจำอะไรไว้ถ้าคุณได้รับคำเตือนสติจากผู้ปกครอง?
17 แน่นอน ผู้ปกครองเป็นคนไม่สมบูรณ์และอาจพูดอะไรบางอย่างที่เขารู้สึกเสียใจในภายหลัง. (1 กษัต. 8:46; ยโก. 3:8) นอกจากนั้น ผู้ปกครองรู้ว่าสำหรับพี่น้องที่ได้รับคำแนะนำ นั่นไม่ใช่เรื่อง ‘ที่ทำให้ยินดี แต่ทำให้เศร้าใจ.’ (ฮีบรู 12:11) ดังนั้น เมื่อผู้ปกครองจะเตือนสติใครคนหนึ่ง เขาคงทำอย่างนั้นหลังจากที่พิจารณาเรื่องนั้นพร้อมด้วยการอธิษฐานแล้ว. ถ้าคุณได้รับการเตือนสติ คุณรู้สึกขอบคุณผู้ปกครองที่แสดงความรักและความห่วงใยต่อคุณไหม?
18 สมมุติว่าคุณมีปัญหาสุขภาพที่ดูเหมือนจะหาสาเหตุไม่พบ. แล้วมีแพทย์คนหนึ่งระบุได้อย่างถูกต้องว่าปัญหาคืออะไร แต่การวินิจฉัยนั้นเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ. คุณจะโกรธแพทย์คนนั้นไหม? คงไม่เป็นอย่างนั้น! แม้แต่ถ้าเขาแนะนำให้คุณผ่าตัด คุณก็คงเห็นด้วย เพราะเชื่อว่านั่นเป็นประโยชน์สำหรับคุณ. วิธีที่แพทย์บอกข้อมูลอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจของคุณไหม? คงจะไม่เป็นอย่างนั้น. คล้ายกัน อย่าปล่อยให้วิธีที่คุณได้รับคำเตือนสติกีดกันคุณไว้จากการฟังคนที่พระยะโฮวาและพระเยซูอาจกำลังใช้เพื่อบอกให้รู้วิธีที่คุณสามารถช่วยหรือปกป้องตัวคุณเองทางฝ่ายวิญญาณ.
จงเห็นคุณค่าที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมให้มีผู้ปกครอง
19, 20. คุณอาจแสดงความขอบคุณสำหรับ “ของประทานในลักษณะมนุษย์” อย่างไร?
19 คุณจะทำอย่างไรถ้าคุณได้รับของขวัญที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับคุณ? คุณจะแสดงความขอบคุณด้วยการใช้ของขวัญนั้นไหม? “ของประทานในลักษณะมนุษย์” เป็นสิ่งที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมให้คุณโดยทางพระเยซูคริสต์. วิธีหนึ่งที่คุณจะแสดงความขอบคุณสำหรับของประทานเหล่านี้ก็คือโดยตั้งใจฟังคำบรรยายของผู้ปกครองและพยายามนำจุดต่าง ๆ ที่เขาเน้นไปใช้. คุณยังแสดงความขอบคุณได้ด้วยการให้ความเห็นอย่างที่เป็นประโยชน์จริง ๆ ณ การประชุม. จงสนับสนุนงานที่ผู้ปกครองนำหน้า เช่น งานประกาศ. ถ้าคุณได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของผู้ปกครอง คุณน่าจะบอกเขามิใช่หรือ? นอกจากนั้น คุณน่าจะขอบคุณครอบครัวของผู้ปกครองด้วยมิใช่หรือ? จำไว้ว่า เพื่อผู้ปกครองจะทำงานหนักในประชาคมได้ ครอบครัวของเขาก็ต้องเสียสละเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน.
20 ใช่แล้ว เรามีเหตุผลมากมายที่จะแสดงความขอบคุณผู้ปกครองที่กำลังทำงานหนักท่ามกลางพวกเรา นำหน้าเรา และเตือนสติเรา. “ของประทานในลักษณะมนุษย์” เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมให้ด้วยความรักอย่างแท้จริง!
คุณจำได้ไหม?
• คริสเตียนในเมืองเทสซาโลนิเกมีเหตุผลอะไรที่จะขอบคุณคนเหล่านั้นที่นำหน้าพวกเขา?
• ผู้ปกครองในประชาคมของคุณทำงานหนักเพื่อคุณอย่างไร?
• คุณได้รับประโยชน์อย่างไรจากการนำหน้าของผู้ปกครอง?
• ถ้าคุณได้รับการเตือนสติจากผู้ปกครอง คุณควรจำอะไรไว้?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 27]
คุณเห็นคุณค่าผู้ปกครองที่บำรุงเลี้ยงประชาคมด้วยวิธีต่าง ๆ ไหม?