ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ฉันอยากเป็นเหมือนลูกสาวของยิฟทาห์

ฉันอยากเป็นเหมือนลูกสาวของยิฟทาห์

ฉัน​อยาก​เป็น​เหมือน​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์

เล่า​โดย โจแอนนา โซนส์

ตั้ง​แต่​ยัง​เป็น​วัยรุ่น ฉัน​ใฝ่ฝัน​อยาก​เป็น​เหมือน​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์. ขอ​ให้​ฉัน​อธิบาย​ว่า​ทำไม​ฉัน​จึง​คิด​อย่าง​นั้น​และ​ใน​ที่​สุด​ฉัน​กลาย​เป็น​เหมือน​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์​ได้​อย่าง​ไร.

ใน​ปี 1956 เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​ฉัน​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​จัด​ขึ้น​ใน​เมือง​บอมเบย์ (ปัจจุบัน​คือ​มุมไบ) ประเทศ​อินเดีย และ​การ​ประชุม​ครั้ง​นั้น​ได้​เปลี่ยน​ชีวิต​ฉัน. ฉัน​ประทับใจ​มาก​เมื่อ​ได้​ฟัง​คำ​บรรยาย​เกี่ยว​กับ​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์.

คุณ​อาจ​เคย​อ่าน​เรื่อง​ของ​ลูก​สาว​ยิฟทาห์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. แม้​ดู​เหมือน​ว่า​เธอ​เป็น​เพียง​สาว​วัยรุ่น​แต่​เธอ​ก็​ตก​ลง​ใจ​ว่า​จะ​ไม่​แต่งงาน. เธอ​ทำ​ให้​พ่อ​สามารถ​รักษา​คำ​ปฏิญาณ​ที่​ให้​ไว้​กับ​พระเจ้า​ได้. เธอ​รับใช้​ที่​พลับพลา​หรือ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยะโฮวา​โดย​ไม่​แต่งงาน​ตลอด​ชีวิต.—วินิจฉัย 11:28-40

ฉัน​อยาก​เป็น​เหมือน​เธอ​เหลือ​เกิน! แต่​เรื่อง​นี้​ไม่​ง่าย​เลย​สำหรับ​ฉัน​เพราะ​ใน​สมัย​นั้น​การ​ครอง​ตัว​เป็น​โสด​ขัด​กับ​วัฒนธรรม​ของ​เรา​ซึ่ง​เป็น​ชาว​อินเดีย.

ภูมิหลัง​ของ​ฉัน

ฉัน​เป็น​ลูก​คน​ที่​ห้า​ใน​จำนวน​ลูก​หก​คน. เบนจามิน​และ​มาร์เซลินา โซนส์ พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​อาศัย​อยู่​ใน​อูดูปี เมือง​ชายฝั่ง​ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​อินเดีย. เรา​พูด​ภาษา​ตูลู​ซึ่ง​เป็น​ภาษา​พูด​ของ​ชาว​อินเดีย​ประมาณ​สอง​ล้าน​คน. แต่​ก็​เช่น​เดียว​กับ​คน​ส่วน​ใหญ่​ใน​อูดูปี ภาษา​ที่​เรา​ใช้​ใน​โรง​เรียน​คือ​ภาษา​กัน​นา​ดา.

การ​แต่งงาน​และ​การ​มี​ลูก​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก​สำหรับ​ผู้​คน​ใน​แถบ​นี้. ตั้ง​แต่​เด็ก​จน​โต ฉัน​จำ​ได้​ว่า​ใน​ภาษา​ตูลู​ไม่​เคย​มี​ใคร​พูด​ถึง “การ​เป็น​โสด” “ความ​เหงา” หรือ “ความ​รู้สึก​คิด​ถึง​บ้าน.” ดู​เหมือน​ว่า​ไม่​มี​ใคร​รู้​จัก​ความ​รู้สึก​แบบ​นี้​เลย. ตัว​อย่าง​เช่น บ้าน​ของ​เรา​อยู่​กัน​อย่าง​อุ่น​หนา​ฝา​คั่ง ทั้ง​ปู่​ย่า​ตา​ยาย ลุง​ป้า​น้า​อา แถม​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​อีก​สิบ​สอง​คน!

ตาม​ธรรมเนียม​ของ​เรา ลูก​ทุก​คน​ที่​เกิด​มา​ถือ​ว่า​เป็น​ผู้​สืบ​สกุล​ทาง​ฝ่าย​แม่. การ​ลำดับ​วงศ์​ญาติ​จะ​นับ​ทาง​แม่​เป็น​หลัก และ​ลูก​สาว​จะ​ได้​รับ​มรดก​มาก​กว่า​ลูก​ชาย. ใน​บาง​ชุมชน​ที่​พูด​ภาษา​ตูลู ลูก​สาว​จะ​อยู่​กับ​แม่​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​แต่งงาน​แล้ว และ​สามี​จะ​มา​อยู่​บ้าน​ของ​เธอ.

เนื่อง​จาก​ครอบครัว​ของ​เรา​เป็น​คริสเตียน เรา​จึง​แตกต่าง​จาก​ครอบครัว​อื่น. ทุก​เย็น​คุณ​ปู่​จะ​นำ​ครอบครัว​ใน​การ​นมัสการ​พระเจ้า. ท่าน​จะ​อธิษฐาน​และ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ภาษา​ตูลู​ให้​เรา​ฟัง. ทุก​ครั้ง​ที่​ท่าน​หยิบ​พระ​คัมภีร์​ที่​เก่า​จน​ขาด​รุ่งริ่ง​ขึ้น​มา​เปิด เรา​รู้สึก​ตื่นเต้น​มาก​ราว​กับ​ว่า​ท่าน​กำลัง​เปิด​กล่อง​เครื่อง​เพชร​ที​เดียว! ข้อ​คัมภีร์​ที่​ฉัน​ชอบ​คือ​บทเพลง​สรรเสริญ 23:1 ที่​กล่าว​ว่า “พระ​ยะโฮวา​เป็น​ผู้​ทรง​บำรุง​เลี้ยง​ข้าพเจ้า; ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​ขัดสน.” ฉัน​สงสัย​ว่า ‘พระ​ยะโฮวา​ผู้​นี้​เป็น​ใคร และ​ทำไม​จึง​เรียก​ท่าน​ว่า​ผู้​บำรุง​เลี้ยง?’

“เกล็ด” หลุด​จาก​ตา​ของ​ฉัน

เมื่อ​เกิด​ภาวะ​เศรษฐกิจ​ฝืดเคือง​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง เรา​จึง​ย้าย​ไป​ที่​บอมเบย์​ซึ่ง​อยู่​ไกล​ออก​ไป​ราว ๆ 900 กิโลเมตร. ต่อ​มา​ใน​ปี 1945 พยาน​พระ​ยะโฮวา​สอง​คน​มา​เยี่ยม​พ่อ​และ​ให้​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​พ่อ​เล่ม​หนึ่ง. พ่อ​อ่าน​หนังสือ​เล่ม​นั้น​ด้วย​ความ​กระหาย​ใคร่​รู้​เหมือน​กับ​ดิน​แห้ง​ผาก​ที่​ดูด​ซับ​น้ำ​ฝน​ที่​ตก​ลง​มา แล้ว​ท่าน​ก็​เริ่ม​บอก​คน​อื่น ๆ ที่​พูด​ภาษา​กัน​นา​ดา​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ที่​ได้​อ่าน​จาก​หนังสือ​นั้น. พอ​ถึง​ต้น​ทศวรรษ 1950 นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กลุ่ม​เล็ก ๆ ก็​เติบโต​จน​กลาย​เป็น​ประชาคม​ภาษา​กันนาดา​แห่ง​แรก​ใน​บอมเบย์.

พ่อ​และ​แม่​สอน​เรา​ให้​เป็น​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เอา​จริง​เอา​จัง​และ​เป็น​ครู​ที่​ดี. ท่าน​หา​โอกาส​อธิษฐาน​กับ​เรา​และ​สอน​เรา​เรื่อง​พระ​คัมภีร์​ทุก​วัน. (พระ​บัญญัติ 6:6, 7; 2 ติโมเธียว 3:14-16) วัน​หนึ่ง​ขณะ​ที่​กำลัง​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล ฉัน​รู้สึก​เหมือน​กับ​ว่า​สิ่ง​ที่​เปรียบ​เหมือน “เกล็ด” ใน​ตา​ของ​ฉัน​ได้​หลุด​ออก​ไป. ฉัน​ได้​เรียน​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​เหมือน​ผู้​บำรุง​เลี้ยง​เพราะ​พระองค์​ทรง​ชี้​นำ เลี้ยง​ดู และ​ปก​ป้อง​ผู้​นมัสการ​พระองค์.—บทเพลง​สรรเสริญ 23:1-6; 83:18

พระ​ยะโฮวา​ทรง​จับ​มือ​ฉัน​ไว้

ไม่​นาน​หลัง​จาก​การ​ประชุม​ภาค​ที่​น่า​จด​จำ​ใน​บอมเบย์​ปี 1956 ฉัน​ก็​รับ​บัพติสมา. หก​เดือน​ต่อ​มา ฉัน​เริ่ม​เป็น​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​เหมือน​ประภาการ์​พี่​ชาย​ของ​ฉัน. แม้​ว่า​ฉัน​กระตือรือร้น​ที่​จะ​บอก​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​คน​อื่น แต่​เมื่อ​ฉัน​เริ่ม​พูด​ถึง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน​เอง ฉัน​ก็​รู้สึก​ปาก​คอ​แห้ง​ผาก​ขึ้น​มา​ทันที. ฉัน​พูด​ตะกุกตะกัก​และ​เสียง​ก็​สั่น. ฉัน​คร่ำ​ครวญ​ใน​ใจ​ว่า ‘ถ้า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ช่วย ฉัน​คง​ทำ​งาน​นี้​ไม่​ได้​แน่ ๆ!’

พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ฉัน​โดย​ทาง​โฮเมอร์​และ​รูท แมคเคย์​จาก​แคนาดา​ซึ่ง​จบ​จาก​โรง​เรียน​มิชชันนารี​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​นิวยอร์ก สหรัฐ​อเมริกา เมื่อ​ปี 1947. พวก​เขา​ช่วยเหลือ​ฉัน​ทุก​อย่าง​ตลอด​ช่วง​แรก ๆ ที่​ฉัน​เริ่ม​ทำ​งาน​รับใช้. ฉัน​รู้สึก​อุ่น​ใจ​เหมือน​กับ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​คอย​ดู​แล​และ​จับ​มือ​ฉัน​ไว้. รูท​ช่วย​ฉัน​ฝึก​ซ้อม​การ​ประกาศ​ตาม​บ้าน. เธอ​รู้​ดี​ว่า​จะ​ปลอบ​ฉัน​อย่าง​ไร​ให้​หาย​ประหม่า. ถ้า​ฉัน​มือ​สั่น เธอ​ก็​จะ​จับ​มือ​ฉัน​ไว้​แล้ว​พูด​ว่า “ไม่​เป็น​ไร​นะ​จ๊ะ. เดี๋ยว​บ้าน​ถัด​ไป​ลอง​ดู​ใหม่​นะ.” น้ำ​เสียง​ที่​อบอุ่น​ของ​เธอ​ทำ​ให้​ฉัน​มี​กำลังใจ.

วัน​หนึ่ง ฉัน​ได้​รับ​แจ้ง​ว่า​เอลิซาเบท จักร​นารายัน ไพโอเนียร์​สูง​อายุ​ที่​มี​ประสบการณ์​ใน​การ​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​มา​นาน​จะ​มา​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​ฉัน. ตอน​แรก​ฉัน​คิด​ว่า ‘ฉัน​จะ​อยู่​กับ​พี่​น้อง​คน​นี้​ได้​หรือ? เธอ​แก่​กว่า​ฉัน​ตั้ง​เยอะ!’ แต่​ปรากฏ​ว่า​เธอ​เป็น​คู่​ไพโอเนียร์​ที่​ช่วย​ฉัน​ได้​มาก​จริง ๆ.

“เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​โดด​เดี่ยว”

เขต​มอบหมาย​แรก​ของ​เรา​คือ​ที่​อุ​รัง​คา​บัด เมือง​เก่า​แก่​ที่​อยู่​ห่าง​จาก​บอมเบย์​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก​เกือบ 400 กิโลเมตร. ไม่​นาน​เรา​ก็​รู้​ว่า​เรา​เป็น​พยาน​ฯ เพียง​สอง​คน​ใน​เมือง​นี้​ที่​มี​ประชากร​เกือบ​หนึ่ง​ล้าน​คน. นอก​จาก​นั้น ฉัน​ยัง​ต้อง​เรียน​ภาษา​มราฐี ซึ่ง​ชาว​เมือง​ส่วน​ใหญ่​พูด​กัน.

บาง​ครั้ง​ฉัน​รู้สึก​เหงา​เหลือ​เกิน และ​ฉัน​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​เหมือน​ลูก​ที่​ขาด​แม่. แต่​เอลิซาเบท​มัก​จะ​ปลอบ​ฉัน​ด้วย​น้ำ​เสียง​ที่​อ่อนโยน​ทำ​ให้​ฉัน​สบาย​ใจ​ขึ้น. เธอ​พูด​ว่า “บาง​ครั้ง​เรา​อาจ​รู้สึก​เหงา​แต่​เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​โดด​เดี่ยว​เลย. แม้​เธอ​จะ​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​ครอบครัว​และ​เพื่อน ๆ แต่​พระ​ยะโฮวา​จะ​อยู่​กับ​เธอ​เสมอ. ถ้า​เธอ​ให้​พระองค์​เป็น​เพื่อน​ของ​เธอ เธอ​ก็​จะ​ไม่​รู้สึก​เหงา.” ฉัน​ยัง​จด​จำ​คำ​แนะ​นำ​ที่​มี​ค่า​ของ​เธอ​ได้​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้.

บาง​ช่วง​ที่​เรา​ไม่​มี​เงิน​ค่า​รถ เรา​เดิน​ประกาศ​กัน​วัน​ละ 20 กิโลเมตร​ตาม​ทาง​ที่​มี​ทั้ง​ฝุ่น​และ​โคลน ไม่​ว่า​อากาศ​จะ​ร้อน​หรือ​หนาว. ใน​ฤดู​ร้อน อากาศ​ร้อน​จัด​อุณหภูมิ​มัก​จะ​สูง​ถึง 40 องศา​เซลเซียส. ใน​ฤดู​มรสุม หลาย​พื้น​ที่​ใน​เขต​มอบหมาย​ของ​เรา​เป็น​โคลน​เฉอะ​แฉะ​อยู่​หลาย​เดือน. แต่​บ่อย​ครั้ง​เรา​พบ​ว่า​ทัศนคติ​และ​ธรรมเนียม​ของ​ผู้​คน​เป็น​อุปสรรค​ที่​เอา​ชนะ​ได้​ยาก​ยิ่ง​กว่า​สภาพ​ดิน​ฟ้า​อากาศ​เสีย​อีก.

ผู้​หญิง​จะ​ไม่​พูด​คุย​กับ​ผู้​ชาย​ใน​ที่​สาธารณะ​เว้น​แต่​จะ​เป็น​ญาติ​กัน และ​ตาม​ปกติ​แล้ว​ผู้​หญิง​จะ​ไม่​สอน​ผู้​ชาย. ดัง​นั้น เรา​จึง​ถูก​เยาะเย้ย​และ​ถูก​กลั่นแกล้ง​เป็น​ประจำ. เรา​จัด​การ​ประชุม​เพื่อ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ประจำ​ทุก​สัปดาห์ แต่​ใน​ช่วง​หก​เดือน​แรก​ไม่​มี​ใคร​มา​ประชุม​เลย​นอก​จาก​เรา​สอง​คน. ต่อ​มา เริ่ม​มี​ผู้​สนใจ​มา​ร่วม​ประชุม​ด้วย. ไม่​ช้า​ก็​มี​การ​ตั้ง​เป็น​กลุ่ม​เล็ก ๆ และ​บาง​คน​ถึง​กับ​ออก​ไป​ประกาศ​ด้วย​กัน​กับ​เรา.

‘ฝึกฝน​ตัว​เอง​เสมอ’

หลัง​จาก​นั้น​สอง​ปี​ครึ่ง เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​กลับ​ไป​บอมเบย์. เอลิซาเบท​ทำ​งาน​ประกาศ​ต่อ​ไป ส่วน​ฉัน​ถูก​ขอ​ให้​ไป​ช่วย​พ่อ​ซึ่ง​เป็น​ผู้​แปล​หนังสือ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​ภาษา​กัน​นา​ดา​เพียง​คน​เดียว​ใน​เวลา​นั้น. พ่อ​ดีใจ​ที่​ฉัน​มา​ช่วย เพราะ​ท่าน​เอง​ต้อง​รับผิดชอบ​งาน​หลาย​อย่าง​ใน​ประชาคม.

ใน​ปี 1966 พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​ตัดสิน​ใจ​ย้าย​กลับ​ไป​อยู่​บ้าน​เดิม​ที่​อูดูปี. ก่อน​จะ​ไป​จาก​บอมเบย์ พ่อ​บอก​ฉัน​ว่า “ลูก​ต้อง​ฝึกฝน​ตน​เอง​ให้​ชำนาญ​ใน​งาน​ที่​ทำ​อยู่​เสมอ. ลูก​ควร​แปล​ให้​เข้าใจ​ง่าย​และ​ชัดเจน. อย่า​มั่น​ใจ​ใน​ตัว​เอง​มาก​เกิน​ไป. ขอ​ให้​ถ่อม​ใจ​และ​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​เสมอ.” นั่น​เป็น​คำ​แนะ​นำ​สุด​ท้าย​ที่​พ่อ​ให้​กับ​ฉัน เพราะ​หลัง​จาก​กลับ​ไป​ที่​อูดูปี​ได้​ไม่​นาน​ท่าน​ก็​เสีย​ชีวิต. ทุก​วัน​นี้ ฉัน​ยัง​จด​จำ​และ​พยายาม​ใช้​คำ​แนะ​นำ​นี้​เสมอ​เมื่อ​ทำ​งาน​แปล.

“คุณ​ไม่​อยาก​แต่งงาน​มี​ครอบครัว​หรือ?”

ใน​วัฒนธรรม​ของ​ชาว​อินเดีย พ่อ​แม่​จะ​จัด​การ​หา​คู่​สมรส​ให้​ลูก​ตั้ง​แต่​อายุ​ยัง​น้อย​และ​สนับสนุน​ให้​มี​ลูก​มี​หลาน​เยอะ ๆ. ดัง​นั้น จึง​มี​คน​ถาม​ฉัน​บ่อย ๆ ว่า “คุณ​ไม่​อยาก​แต่งงาน​มี​ครอบครัว​หรือ? ถ้า​แก่​ตัว​ไป​แล้ว​ใคร​จะ​ดู​แล​คุณ​ล่ะ? คุณ​ไม่​เหงา​บ้าง​หรือ?”

บาง​ครั้ง​ฉัน​รู้สึก​เครียด​และ​กดดัน​เมื่อ​ถูก​ถาม​เช่น​นี้​บ่อย ๆ. แม้​ฉัน​จะ​ไม่​แสดง​ออก​เมื่อ​อยู่​ต่อ​หน้า​คน​อื่น แต่​ทันที​ที่​อยู่​ตาม​ลำพัง​ฉัน​จะ​ระบาย​ความ​ใน​ใจ​กับ​พระ​ยะโฮวา. ฉัน​สบาย​ใจ​ที่​รู้​ว่า​พระองค์​ไม่​ได้​มอง​ว่า​ฉัน​มี​ข้อ​บกพร่อง​เพราะ​การ​เป็น​โสด. เพื่อ​เสริม​ความ​มุ่ง​มั่น​ตั้งใจ​ของ​ฉัน​ที่​จะ​รับใช้​พระองค์​ต่อ​ไป​โดย​ไม่​วอกแวก ฉัน​จะ​นึก​ถึง​ตัว​อย่าง​ของ​ลูก​สาว​ยิฟทาห์​และ​พระ​เยซู​ซึ่ง​รักษา​ตัว​เป็น​โสด​และ​หมกมุ่น​อยู่​กับ​การ​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​เสมอ.—โยฮัน 4:34

พระ​พร​จาก​พระ​ยะโฮวา

ฉัน​กับ​เอลิซาเบท​เป็น​เพื่อน​สนิท​กัน​ตลอด​ระยะ​เวลา​เกือบ 50 ปี. เธอ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 2005 เมื่อ​อายุ​ได้ 98 ปี. ใน​ช่วง​ปี​ท้าย ๆ เธอ​ไม่​สามารถ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​เพราะ​สายตา​ฝ้า​ฟาง เธอ​จึง​ใช้​เวลา​ส่วน​ใหญ่​ใน​แต่​ละ​วัน​อธิษฐาน​ถึง​พระเจ้า​และ​พูด​คุย​กับ​พระองค์​ครั้ง​ละ​นาน ๆ. บาง​ครั้ง​ฉัน​คิด​ว่า​เธอ​กำลัง​พูด​เรื่อง​พระ​คัมภีร์​อยู่​กับ​ใคร​บาง​คน​ใน​ห้อง แต่​จริง ๆ แล้ว​เธอ​กำลัง​คุย​กับ​พระ​ยะโฮวา. พระ​ยะโฮวา​เป็น​บุคคล​จริง​สำหรับ​เธอ และ​เธอ​ใช้​ชีวิต​เหมือน​กับ​ว่า​เธอ​กำลัง​อยู่​ต่อ​หน้า​พระ​พักตร์​พระเจ้า​เสมอ. ฉัน​ได้​เรียน​รู้​ว่า​การ​มี​ทัศนะ​เช่น​นี้​เป็น​เคล็ดลับ​สำคัญ​ที่​จะ​ช่วย​ฉัน​ให้​รับใช้​พระเจ้า​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​ต่อ ๆ ไป​เช่น​เดียว​กับ​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์. ฉัน​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​จริง ๆ ที่​ประทาน​พี่​น้อง​คริสเตียน​สูง​อายุ​ให้​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​ฉัน. เธอ​เป็น​แบบ​อย่าง​ที่​ดี​และ​คอย​ช่วยเหลือ​ฉัน​ตลอด​ช่วง​ที่​ฉัน​ยัง​อ่อน​ประสบการณ์​และ​ต้อง​เผชิญ​ปัญหา​หลาย​อย่าง.—ท่าน​ผู้​ประกาศ 4:9, 10

ตลอด​เวลา​ที่​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เหมือน​ลูก​สาว​ของ​ยิฟทาห์ ฉัน​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​มาย​จริง ๆ! การ​เป็น​โสด​และ​การ​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทำ​ให้​ฉัน​มี​ความ​สุข​และ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​กับ​ชีวิต ขณะ​ที่ “รับใช้​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​อยู่​เสมอ​โดย​ไม่​วอกแวก.”—1 โครินท์ 7:35

[ภาพ​หน้า 28]

พ่อ​กำลัง​บรรยาย​สาธารณะ​ใน​บอมเบย์ ช่วง​ทศวรรษ 1950

[ภาพ​หน้า 28]

กับ​เอลิซาเบท​ไม่​นาน​ก่อน​เธอ​เสีย​ชีวิต

[ภาพ​หน้า 29]

การ​รณรงค์​เชิญ​ผู้​คน​ไป​ฟัง​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​ใน​บอมเบย์ ปี 1960

[ภาพ​หน้า 29]

กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน​ใน​แผนก​แปล