ฉันจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร?
บท 12
ฉันจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร?
ใช่ ไม่
เมื่อคุณมองกระจก คุณรู้สึกชอบตัวเองไหม? □ □
คุณคิดว่าคุณมีความสามารถที่น่าชื่นชมไหม? □ □
คุณต้านทานแรงกดดันจากเพื่อน ๆ ได้ไหม? □ □
คุณยอมรับคำแนะนำไหม? □ □
คุณรับได้ไหมเมื่อมีคนตำหนิคุณอย่างไม่แฟร์? □ □
คุณรู้สึกว่ามีคนรักคุณไหม? □ □
คุณดูแลสุขภาพตัวเองไหม? □ □
คุณยินดีกับคนอื่นไหมเมื่อเขาประสบความสำเร็จ? □ □
คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนประสบความสำเร็จไหม? □ □
จากคำถามข้างต้น ถ้ามีหลายข้อที่คุณตอบว่าไม่ ก็แสดงว่าคุณไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองจึงมองไม่เห็นข้อดีของตน. บทนี้จะช่วยคุณให้มองเห็นข้อดีของตัวคุณเอง.
หนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างหน้าตาและความสามารถของตัวเองและชอบเปรียบเทียบตัวเขากับคนอื่น. คุณอยู่ในข่ายนี้ไหม? ถ้าใช่ หลายคนก็เป็นแบบเดียวกับคุณ.
“ฉันรู้สึกท้อเพราะข้อบกพร่องของตัวเอง. ฉันชอบตำหนิตัวเองประจำ.”—เลติเซีย
“แม้คุณจะหล่อหรือสวยขนาดไหน คุณก็ยังคิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้อยู่ดี.”—เฮลีย์
“ฉันประหม่ามากเมื่ออยู่กับคนอื่น. ฉันกลัวพวกเขาจะมองว่าฉันกระจอก.”—เรเชล
ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้น ก็อย่าท้อ. มีสิ่งที่ช่วยคุณได้. ขอพิจารณาสามวิธีที่จะช่วยคุณให้มั่นใจในตัวเองและมองตัวเองในแง่บวกมากขึ้น.
ช่วยคนอื่น
ข้อคัมภีร์หลัก. “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.”—กิจการ 20:35
หมายถึงอะไร? เมื่อคุณช่วยคนอื่น ก็เหมือนคุณช่วยตัวเอง. เป็นไปได้อย่างไร? สุภาษิตในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนใจกว้างย่อมได้รับตอบแทน คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้รับน้ำกลับคืนมา.” (สุภาษิต 11:25, ฉบับคอนเทมโพรารี อิงลิช) เป็นจริงอย่างนั้น เมื่อคุณช่วยคนอื่น คุณจะรู้สึกมีค่ามากขึ้น. *
“ฉันคิดว่าจะทำอะไรเพื่อคนอื่นได้บ้าง และพยายามช่วยบางคนในประชาคมที่ต้องการความช่วยเหลือ. เมื่อฉันแสดงความรักและช่วยเหลือคนอื่น ฉันรู้สึกดีขึ้น.”—บรีแอนนา
“งานรับใช้ของคริสเตียนมีค่ามาก เพราะทำให้คุณหยุดคิดถึงตัวเองและเริ่มคิดถึงคนอื่น.”—เจวอน
ข้อควรระวัง: อย่าช่วยคนอื่นเพียงเพราะหวังจะได้รับผลตอบแทน. (มัดธาย 6:2-4) การให้ด้วยเจตนาผิด ๆ มักมีผลในทางตรงข้าม เพราะคนอื่นจะเห็นว่าคุณทำเอาหน้า.—1 เทสซาโลนิเก 2:5, 6
ลงมือได้แล้ว. นึกถึงคนที่คุณเคยช่วย. คนนั้นเป็นใคร และคุณได้ช่วยอะไรเขาบ้าง?
․․․․․
หลังจากช่วยเขาแล้ว คุณรู้สึกอย่างไร?
․․․․․
ให้คิดว่าคุณอยากช่วยใครอีก แล้วเขียนว่าคุณจะช่วยคนนั้นอย่างไรบ้าง.
․․․․․
หาเพื่อนดี ๆ
ข้อคัมภีร์หลัก. “เพื่อนแท้รักเพื่อนทุกเวลา และเพื่อนแท้จะช่วยเพื่อนในยามลำบากอย่างที่พี่น้องช่วยกัน.”—สุภาษิต 17:17, ล.ม.
1 ซามูเอล 18:1; 19:2) แค่คิดว่ามีคนห่วงใยเราก็ทำให้มีกำลังใจแล้ว. (1 โครินท์ 16:17, 18) ดังนั้น ให้สนิทกับคนที่ทำให้คุณรู้สึกดีและมีกำลังใจ.
หมายถึงอะไร? เพื่อนที่ดีจะช่วยได้มากในยามทุกข์ยาก. (“เพื่อนแท้จะไม่ปล่อยให้คุณท้อแท้อยู่อย่างนั้น.”—ดอนเนลล์
“บางครั้ง การรู้ว่ามีคนห่วงใยเราจริง ๆ นี่แหละสำคัญที่สุด. นั่นทำให้เรารู้สึกมีค่า.”—เฮเทอร์
ข้อควรระวัง: เพื่อนที่คุณเลือกคบต้องยอมรับคุณอย่างที่คุณเป็นจริง ๆ ไม่ใช่คุณต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เขายอมรับ. (สุภาษิต 13:20; 18:24; 1 โครินท์ 15:33) การทำอะไรโง่ ๆ เพื่อให้คนอื่นประทับใจมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกตกต่ำและไร้ค่า.—โรม 6:21
ลงมือได้แล้ว. ข้างล่างนี้ ให้เขียนชื่อเพื่อนที่จะช่วยคุณ ให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น.
․․․․․
คุณน่าจะทำความรู้จักกับเพื่อนคนนี้มากขึ้น. ข้อสังเกต: เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในวัยเดียวกับคุณ.
เมื่อทำผิด อย่าท้อ
ข้อคัมภีร์หลัก. “ทุกคนได้ทำบาปและไม่ได้แสดงคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมของพระเจ้าอย่างที่ควรจะแสดง.”—โรม 3:23
หมายถึงอะไร? เนื่องจากเป็นคนไม่สมบูรณ์ บางครั้งคุณจึงพูดหรือทำผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้. (โรม 7:21-23; ยาโกโบ 3:2) แต่คุณควบคุม ปฏิกิริยาที่มีต่อความผิดนั้นได้. คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “แม้ว่าคนชอบธรรมล้มลงถึงเจ็ดหนเขาคงลุกขึ้นได้อีก.”—สุภาษิต 24:16
“การเปรียบเทียบข้อเสียของตัวเรากับข้อดีของคนอื่นจะทำให้เรารู้สึกด้อยค่า.”—เควิน
“ทุกคนต่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย. เราควรภูมิใจในข้อดีและพยายามแก้ไขข้อเสีย.”—ลอเรน
ข้อควรระวัง: อย่าใช้ความไม่สมบูรณ์มาเป็นข้อแก้ตัวในการทำบาป. (กาลาเทีย 5:13) การทำผิดโดยเจตนาจะทำให้คุณสูญเสียสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาพระเจ้าซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง.—ฮีบรู 10:26, 27
ลงมือได้แล้ว. ข้างล่างนี้ ให้เขียนคุณลักษณะที่คุณอยากปรับปรุงให้ดีขึ้น.
․․․․․
เขียนวันที่ของวันนี้ต่อจากคุณลักษณะนั้น. แล้วให้หาวิธีปรับปรุงและดูว่าในหนึ่งเดือนคุณปรับปรุงได้ดีแค่ไหน.
คุณค่าที่แท้จริงของคุณ
พระคัมภีร์บอกว่า “พระเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าใจเรา.” (1 โยฮัน 3:20) นี่หมายความว่าพระองค์ทรงเห็นคุณค่าในตัวคุณ ซึ่งคุณเองอาจไม่เห็น. แต่การที่คุณเป็นคนไม่สมบูรณ์ทำให้คุณค่านั้นเปลี่ยนไปไหม? ขอให้นึกภาพว่าคุณมีแบงก์พัน แต่มีรอยฉีกเล็ก ๆ. คุณจะทิ้งแบงก์นั้นหรือมองว่ามันไร้ค่าเพราะมีรอยฉีกไหม? ไม่เลย มันยังมีค่า 1,000 บาท ไม่ว่าจะมีรอยฉีกหรือไม่.
เรื่องนี้คล้ายกัน แม้ว่าคุณมีข้อบกพร่อง แต่พระเจ้าทรงเห็นคุณค่าในตัวคุณ. เมื่อคุณพยายามทำให้พระองค์พอพระทัย พระองค์ทรงสังเกตเห็นและถือว่ามีค่าแม้คุณจะคิดว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย. คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจในเรื่องนี้ โดยบอกว่า “พระเจ้าไม่ทรงอธรรม พระองค์จึงไม่ทรงลืมการงานของพวกท่านและความรักที่พวกท่านแสดงต่อพระนามของพระองค์.”—ฮีบรู 6:10
บางครั้งคุณรู้สึกเศร้าอย่างรุนแรงจนทำอะไรไม่ได้เลยไหม? ถ้าเช่นนั้น คุณจะทำอย่างไร?
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 21 ถ้าคุณเป็นพยานพระยะโฮวา การบอกข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรแก่คนอื่นจะทำให้คุณมีความสุขมาก.—ยะซายา 52:7
ข้อคัมภีร์หลัก
“ให้แต่ละคนพิสูจน์ว่าการงานของตนเป็นอย่างไร แต่ไม่ใช่ด้วยการเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วเขาจะมีเหตุให้ตนเองปลาบปลื้มยินดี.”—กาลาเทีย 6:4
ข้อแนะ
อย่ารู้สึกว่า ‘ฉันทำผิดอีกแล้ว’ หรือ ‘ฉันไม่เคยทำอะไรถูกเลย.’ การคิดเกินจริงเช่นนี้มีแต่จะทำให้คุณจมอยู่กับความท้อแท้ใจ. ให้ยอมรับว่าคุณมีข้อบกพร่อง แต่คุณก็มีข้อดีด้วย.
คุณรู้ไหม . . . ?
คุณมองตัวเองอย่างไรนั่นจะมีผลต่อวิธีที่คนอื่นมองคุณ . . . และปฏิบัติต่อคุณ.
แผนปฏิบัติการ
หากเพื่อน ๆ ดูถูกฉัน ฉันจะ ․․․․․
หากฉันรู้สึกว่าตัวเองมีแต่ข้อเสีย ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● ทำไมคนหนุ่มสาวจึงมักขาดความมั่นใจในตัวเองมากกว่าคนกลุ่มอื่น?
● ทำไมจึงสำคัญที่จะนับถือตัวเอง?
[คำโปรยหน้า 88]
“คนหนึ่งอาจหน้าตาดีมากแต่ยังคิดว่าตัวเองน่าเกลียดอยู่. ส่วนอีกคนอาจหน้าตาไม่ดีเท่าไรแต่กลับคิดว่าเขาสวยหรือหล่อที่สุด. มันเป็นเรื่องของมุมมอง.”—เอลิซซา
[ภาพหน้า 90]
ค่าของเงินไม่ได้ลดลงเพราะมีรอยฉีก. คุณค่าของคุณก็ไม่ได้ลดลงในสายพระเนตรพระเจ้าเนื่องจากความไม่สมบูรณ์