บท 8
ผู้อื่นสูงส่งกว่าเรา
พ่อ (แม่) แน่ใจว่าลูกคงจะเห็นด้วยที่ว่า มีผู้อื่นสูงส่งกว่า หรือยิ่งใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าลูกและพ่อ (แม่). ลูกจะบอกได้ไหมว่าใครสูงส่งกว่าเรา?— พระยะโฮวาพระเจ้านั่นเอง. แล้วพระบุตรของพระองค์ ครูผู้ยิ่งใหญ่ล่ะ? พระองค์สูงส่งกว่าเราไหม?— แน่นอนทีเดียว.
พระเยซูเคยอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์. พระองค์เป็นบุตรที่เป็นกายวิญญาณ หรือทูตสวรรค์. พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ หรือบุตรที่เป็นกายวิญญาณองค์อื่น ๆ ไหม?— ถูกแล้ว พระองค์สร้างทูตสวรรค์หลายล้านองค์. ทูตสวรรค์เหล่านั้นสูงส่งกว่าและมีพลังมากกว่าเราเช่นกัน.—บทเพลงสรรเสริญ 104:4; ดานิเอล 7:10.
ลูกจำชื่อทูตสวรรค์ที่พูดกับนางมาเรียได้ไหม?— ฆับรีเอลนั่นเอง. ทูตสวรรค์องค์นี้ได้บอกนางมาเรียว่าลูกของนางจะเป็นพระบุตรของพระเจ้า. พระเจ้าใส่ชีวิตพระบุตรที่เป็นกายวิญญาณไว้ภายในตัวมาเรีย เพื่อพระเยซูจะประสูติเป็นเด็กทารกบนแผ่นดินโลก.—ลูกา 1:26, 27.
ลูกเชื่อเรื่องการอัศจรรย์นั้นไหม? ลูกเชื่อไหมว่าพระเยซูเคยอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์?— พระเยซูตรัสว่าพระองค์เคยอยู่. พระเยซูทราบเรื่องนั้นอย่างไร? เมื่อพระองค์เป็นเด็ก มาเรียคงจะบอกพระองค์ถึงสิ่งที่ฆับรีเอลเคยพูด. นอกจากนั้น โยเซฟคงจะบอกพระเยซูว่าพระเจ้าคือพระบิดาที่แท้จริงของพระเยซู.
เมื่อพระเยซูรับบัพติสมา พระเจ้าถึงกับตรัสจากสวรรค์ว่า “นี่คือบุตรของเรา.” (มัดธาย 3:17, ล.ม.) และ ในคืนก่อนที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระองค์อธิษฐานว่า “พระบิดาเจ้าข้า, ขอโปรดให้ข้าพเจ้ามีเกียรติยศจำเพาะพระพักตร์พระองค์, คือเกียรติยศซึ่งข้าพเจ้าได้มีกับพระองค์ในกาลก่อนเมื่อโลกนี้ยังไม่มี.” (โยฮัน 17:5) ใช่แล้ว พระเยซูทูลขอให้ได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์. พระองค์จะอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?— มีแต่พระยะโฮวาพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้พระองค์กลับไปเป็นบุคคลวิญญาณ หรือทูตสวรรค์ที่ไม่ประจักษ์แก่ตาได้อีก.
ตอนนี้พ่อ (แม่) มีคำถามสำคัญที่จะถามลูก. ทูตสวรรค์ทั้งหมดดีไหม? ลูกคิดอย่างไร?— เมื่อก่อนทูตสวรรค์ทุกองค์ดีหมด ทั้งนี้เพราะพระยะโฮวาเป็นผู้สร้างทูตสวรรค์ และทุกสิ่งที่พระองค์สร้างนับว่าดี. แต่แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้กลายเป็นทูตสวรรค์ชั่ว. เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เพื่อได้คำตอบ เราต้องย้อนกลับไปในสมัยที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรก คืออาดามและฮาวา. บางคนบอกว่า เรื่องราวของเขาทั้งสองเป็นเพียงนิทาน. แต่ครูผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง.
เมื่อพระเจ้าสร้างอาดามและฮาวา พระองค์ให้เขาทั้งสองอยู่ในสวนที่สวยงามซึ่งเรียกว่าเอเดน. นั่นเป็นสวนธรรมชาติหรืออุทยาน. พวกเขาสามารถมีลูกหลานมากมาย, มีครอบครัวใหญ่, และมีชีวิตอยู่ในอุทยานตลอดไป. แต่มีบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้. บทเรียนนั้นคือสิ่งที่เราได้พูดไปแล้ว. ดูซิว่าเราจำได้ไหม.
เยเนซิศ 2:17, ล.ม.) ดังนั้น บทเรียนอะไรที่อาดามกับฮาวาต้องเรียนรู้?—
พระยะโฮวาบอกอาดามกับฮาวาว่า พวกเขาจะกินผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ได้ตามที่เขาต้องการ. แต่มีต้นเดียวเท่านั้นที่เขาไม่ควรกินผลจากต้นนั้น. พระเจ้าบอกพวกเขาว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขากินผลจากต้นนั้น. พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะตายเป็นแน่.” (นั่นคือบทเรียนเรื่องการเชื่อฟัง. ใช่แล้ว ชีวิตขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้า! การที่อาดามและฮาวาเพียงแต่พูดว่าพวกเขาจะเชื่อฟังพระองค์นั้นยังไม่พอ. พวกเขาต้องแสดงให้เห็นโดยการกระทำของตน. ถ้าพวกเขาเชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาคงจะแสดงว่าเขารักพระองค์และต้องการให้พระองค์เป็นผู้ปกครองเขา. ครั้นแล้ว พวกเขาก็คงจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปในอุทยาน. แต่ถ้าพวกเขากินผลจากต้นไม้นั้น นั่นจะแสดงถึงอะไร?—
นั่นจะแสดงว่าพวกเขาไม่ได้สำนึกถึงบุญคุณของพระเจ้าอย่างแท้จริงสำหรับสิ่งที่พระองค์ประทานแก่เขา. ลูกจะเชื่อฟังพระยะโฮวาไหมถ้าลูกอยู่ที่นั่น?— ทีแรก อาดามและฮาวาเชื่อฟัง. แต่แล้วผู้ที่สูงส่งกว่าพวกเขาได้มาหลอกลวงฮาวา. ผู้นั้นได้ทำให้ฮาวาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา. ผู้นั้นคือใคร?—
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่างูพูดกับฮาวา. แต่ลูกก็รู้ว่างูพูดเองไม่ได้. ดังนั้น งูพูดได้อย่างไร?— ทูตสวรรค์ทำให้ดูเหมือนงูกำลังพูด. แต่แท้จริงทูตสวรรค์นั่นแหละที่กำลังพูด. ทูตสวรรค์องค์นั้นได้เริ่มคิดสิ่งชั่วร้าย. มันต้องการให้อาดามและฮาวากราบไหว้มัน. มันต้องการให้เขาทั้งสองเชื่อฟังมัน. มันต้องการเป็นพระเจ้าเสียเอง.
ดังนั้น ทูตสวรรค์ชั่วได้ใส่ความคิดผิด ๆ เข้าในจิตใจของฮาวา. มันพูดกับฮาวาผ่านทางงูตัวนั้นว่า ‘พระเจ้ามิได้บอกความจริงแก่เจ้า. เจ้าจะไม่ตายจริงหรอก ถ้าเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้น. เจ้าจะฉลาดเหมือนพระเจ้า.’ ลูกจะเชื่อตามที่เสียงนั้นพูดไหม?—
ฮาวาเริ่มอยากได้สิ่งที่พระเจ้าไม่ได้ประทานแก่นาง. ฮาวากินผลจากต้นไม้ต้องห้ามนั้น แล้วนางได้ยื่นให้อาดามกินบ้าง. อาดามไม่ได้เชื่อในสิ่งที่งูพูด. แต่ความปรารถนาที่จะอยู่กับฮาวานั้นแรงกล้ากว่าความรักที่เขามีต่อพระเจ้า. ดังนั้น เขาจึงกินผลจากต้นไม้นั้นด้วย.—เยเนซิศ 3:1-6; 1 ติโมเธียว 2:14.
ผลเป็นอย่างไร?— อาดามและฮาวากลายเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์, แก่ลง, และตายไป. และเนื่องจากพวกเขาไม่สมบูรณ์ ลูกหลานทั้งหมดของเขาจึงไม่สมบูรณ์ด้วย และในที่สุดก็แก่ลงและตายไป. พระเจ้าไม่ได้โกหก! ชีวิตขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังพระองค์. โรม 5:12) คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า ทูตสวรรค์ที่โกหกฮาวานั้นถูกเรียกว่าซาตานพญามาร และทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ ที่ได้ทำชั่วถูกเรียกว่าผีปิศาจ.—ยาโกโบ 2:19; วิวรณ์ 12:9.
(ทีนี้ ลูกเข้าใจไหมว่าทำไมทูตสวรรค์ที่ดีซึ่งพระเจ้าได้สร้างขึ้นจึงกลายเป็นทูตสวรรค์ชั่ว?— ทั้งนี้เพราะมันเริ่มคิดในสิ่งชั่ว. มันต้องการเป็นผู้ที่สำคัญที่สุด. มันรู้ว่าพระเจ้าเคยบอกอาดามและฮาวาว่าเขาจะมีลูก และมันต้องการให้คนทั้งหมดนั้นกราบไหว้มัน. พญามารต้องการทำให้ทุกคนไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา. ดังนั้น มันจึงพยายามใส่ความคิดที่ชั่วร้ายเข้าไว้ในจิตใจเรา.—ยาโกโบ 1:13-15.
พญามารพูดว่าไม่มีใครรักพระยะโฮวาอย่างแท้จริง. มันบอกว่า ลูกและพ่อ (แม่) ไม่ได้รักพระเจ้า และบอกว่าเราไม่ได้อยากทำตามที่พระเจ้าตรัสจริง ๆ หรอก. มันบอกว่า เราเชื่อฟังพระยะโฮวาเฉพาะเมื่อทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่เราต้องการ. พญามารพูดถูกไหม? เราเป็นอย่างนั้นไหม?
ครูผู้ยิ่งใหญ่บอกว่า พญามารเป็นตัวมุสา! พระเยซูพิสูจน์ว่าพระองค์รักพระยะโฮวาอย่างแท้จริงโดยการเชื่อฟังพระยะโฮวา. และพระเยซูไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้าเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องง่าย ๆ เท่านั้น. พระองค์เชื่อฟังตลอดเวลา แม้แต่เมื่อคนอื่น ๆ ทำให้การเชื่อฟังเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพระองค์. พระองค์ได้พิสูจน์ความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาตราบจนสิ้นชีวิต. นั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าทำให้พระองค์กลับมามีชีวิตอีกเพื่อจะดำรงอยู่ตลอดไป.
ดังนั้น ลูกจะบอกได้ไหมว่าใครเป็นศัตรูตัวร้ายกาจที่สุดของเรา?— ถูกแล้ว ซาตานพญามารนั่นเอง. ลูกมองเห็นมันไหม?— ไม่เลย! แต่เรารู้ว่ามันมีอยู่จริง และมันสูงส่งกว่าและมีอำนาจมากกว่าเรา. แต่ใครล่ะที่สูงส่งกว่าพญามาร?— พระยะโฮวา พระเจ้านั่นเอง. ดังนั้น เรารู้ว่าพระเจ้าสามารถคุ้มครองเราได้.
ขออ่านเกี่ยวกับผู้ที่เราควรนมัสการ: พระบัญญัติ 30:19, 20; ยะโฮซูอะ 24:14, 15; สุภาษิต 27:11; และมัดธาย 4:10.