บท 8
อำนาจในการฟื้นฟูของพระยะโฮวา ‘ผู้สร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่’
1, 2. ทุกวันนี้พวกเราอาจเจอการสูญเสียอะไรบ้าง และสิ่งเหล่านี้มีผลกับเรายังไง?
เด็กคนหนึ่งเริ่มร้องไห้เพราะเขาหาของเล่นที่ชอบไม่เจอ และเขายิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าของเล่นนั้นพัง เสียงร้องนั้นฟังดูน่าสงสารจริง ๆ แต่พอพ่อแม่เจอของเล่นนั้นหรือซ่อมของเล่นให้ เขาก็หยุดร้องไห้และยิ้มอย่างมีความสุข นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพ่อแม่เลยที่จะหาของเล่นหรือซ่อมมัน แต่ลูกก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันสุดยอดมาก และตอนนี้เขาก็ได้เล่นของเล่นที่เขาชอบมากอีกครั้ง
2 พระยะโฮวาเป็นพ่อที่ดีที่สุด และพระองค์มีอำนาจที่จะเอาสิ่งที่ลูก ๆ ของพระองค์บนโลกคิดว่าเสียไปแล้วกลับคืนมาได้ ใน “ช่วงเวลาวิกฤติที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก” นี้ สิ่งที่เราเสียไปมีค่ามากกว่าของเล่นที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ (2 ทิโมธี 3:1-5) หลายสิ่งที่คนทั่วไปถือว่ามีค่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทรัพย์สมบัติ งานอาชีพ แม้แต่สุขภาพก็ไม่ใช่สิ่งที่มั่นคง เราอาจรู้สึกเสียใจที่เห็นสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ทั้งสัตว์และพืชหลายชนิดก็กำลังจะสูญพันธุ์ แต่การตายของคนที่เรารักจะทำให้เรารู้สึกเสียใจมากกว่านั้นอีก เราอาจรู้สึกหมดหวังและแทบจะรับมือไม่ได้เลย—2 ซามูเอล 18:33
3. กิจการ 3:21 พูดถึงอะไรที่ให้กำลังใจเรา และพระยะโฮวาจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงได้ยังไง?
3 เมื่อเรารู้ว่าพระยะโฮวามีอำนาจที่จะสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่ เราก็ได้กำลังใจจริง ๆ ในบทนี้เราจะได้เรียนเกี่ยวกับหลายอย่างที่พระยะโฮวาจะฟื้นฟูเพื่อพวกเรา ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาต้องการให้ ‘ทุกสิ่งได้รับการฟื้นฟู’ (กิจการ 3:21) พระยะโฮวาจะใช้รัฐบาลเมสสิยาห์ซึ่งปกครองโดยพระเยซูคริสต์ลูกชายของพระองค์ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง มีหลักฐาน ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เริ่มปกครองในสวรรค์ในปี 1914 a (มัทธิว 24:3-14) ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวาจะฟื้นฟูสิ่งที่ยอดเยี่ยมอะไรบ้าง มีอย่างหนึ่งที่เราเห็นว่าเกิดขึ้นแล้วในตอนนี้ แต่ยังมีการฟื้นฟูอื่น ๆ อีกที่พระยะโฮวาจะทำเพื่อพวกเราทุกคนในอนาคต
การนมัสการบริสุทธิ์ได้รับการฟื้นฟู
4, 5. ในปี 607 ก่อน ค.ศ. เกิดอะไรขึ้นกับประชาชนของพระเจ้า และพระยะโฮวาสัญญาอะไรกับพวกเขา?
4 สิ่งหนึ่งที่พระยะโฮวาได้ฟื้นฟูแล้วคือการนมัสการบริสุทธิ์ เพื่อจะเข้าใจว่าเรื่องนี้หมายความว่ายังไง ขอให้เราดูประวัติศาสตร์ของอาณาจักรยูดาห์คร่าว ๆ การทำอย่างนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวามีอำนาจมากขนาดไหนที่จะฟื้นฟูสิ่งต่าง ๆ—โรม 15:4
5 ขอให้นึกภาพว่าชาวยิวที่ซื่อสัตย์รู้สึกยังไงตอนที่กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายในปี 607 ก่อน ค.ศ. เมืองที่พวกเขารักกลายเป็นซากปรักหักพัง กำแพงเมืองถูกทำลาย และสิ่งที่น่าเจ็บปวดมากที่สุดก็คือวิหารที่สง่างามที่โซโลมอนได้สร้างขึ้นก็ถูกทำลายด้วย ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเคยเป็นที่เดียวบนโลกที่ผู้คนมานมัสการพระยะโฮวาในแบบที่พระองค์พอใจ (สดุดี 79:1) คนที่รอดชีวิตถูกพาไปเป็นเชลยที่บาบิโลน และต้องทิ้งบ้านเกิดของพวกเขาให้ร้างเปล่า มีแต่สัตว์ป่าอาศัยอยู่ที่นั่น (เยเรมีย์ 9:11) พวกเขาอาจรู้สึกหมดหวังและคิดว่าไม่มีวันที่จะได้กลับมาอีก (สดุดี 137:1) แต่พระยะโฮวาได้บอกล่วงหน้าเรื่องการทำลายนี้ไว้นานแล้ว และพระองค์ก็สัญญาว่าทุกสิ่งจะได้รับการฟื้นฟู
6-8. (ก) ผู้พยากรณ์หลายคนได้เขียนคำพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องอะไร และคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงครั้งแรกยังไง? (ข) ในสมัยปัจจุบัน คนของพระเจ้าได้เห็นคำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูเกิดขึ้นจริงยังไง?
6 ที่จริงผู้พยากรณ์หลายคนได้เขียนคำพยากรณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟู b พระยะโฮวาสัญญาว่าแผ่นดินอิสราเอลจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งและจะมีหลายคนอาศัยอยู่ที่นั่น และพวกเขาจะไม่ถูกศัตรูหรือสัตว์ป่าทำร้าย พระยะโฮวาบอกว่าแผ่นดินของพวกเขาจะได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน (อิสยาห์ 65:25; เอเสเคียล 34:25; 36:35) แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ จะมีการฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์และจะมีการสร้างวิหารขึ้นใหม่ (มีคาห์ 4:1-5) คำพยากรณ์เหล่านี้ให้ความหวังกับชาวยิวและช่วยพวกเขาให้อดทนกับการเป็นเชลย 70 ปีในบาบิโลนได้
7 ในที่สุด เวลาของการฟื้นฟูก็มาถึง ชาวยิวที่ถูกปล่อยออกจากบาบิโลนได้กลับไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วสร้างวิหารของพระยะโฮวาขึ้นใหม่ที่นั่น (เอสรา 1:1, 2) ถ้าพวกเขายังยึดมั่นกับการนมัสการบริสุทธิ์ พระยะโฮวาก็จะอวยพรพวกเขาและทำให้แผ่นดินของเขาอุดมสมบูรณ์และเจริญรุ่งเรือง พระองค์ปกป้องพวกเขาจากศัตรูและจากสัตว์ป่าที่เคยอยู่ในแผ่นดินนั้นมานานหลายสิบปี พวกเขาคงต้องยินดีมากในอำนาจฟื้นฟูของพระยะโฮวา แต่เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงครั้งแรก และจะเกิดขึ้นจริงครั้งที่ยิ่งใหญ่กว่า “ในสมัยสุดท้าย” ซึ่งก็คือสมัยของเรา เมื่อพระเยซูลูกหลานของกษัตริย์ดาวิดที่สัญญาไว้นานมาแล้วได้เริ่มปกครองเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้า—อิสยาห์ 2:2-4; 9:6, 7
8 ไม่นานหลังจากพระเยซูได้ขึ้นปกครองในรัฐบาลของพระเจ้าในปี 1914 ท่านได้ช่วยคนของพระเจ้าให้นมัสการพระยะโฮวาในแบบที่พระองค์พอใจ เหมือนกับที่ไซรัสแห่งเปอร์เซียได้ปล่อยชาวยิวออกจากบาบิโลนในปี 537 ก่อน ค.ศ. พระเยซูก็ปล่อยสาวกของท่านออกจากศาสนาเท็จที่คัมภีร์ไบเบิล เรียกว่า “บาบิโลนใหญ่” (วิวรณ์ 18:1-5; โรม 2:29) ในปี 1919 การนมัสการบริสุทธิ์ได้รับการฟื้นฟู และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็ได้นมัสการในวิธีที่พระองค์พอใจ (มาลาคี 3:1-5) ทำไมเรื่องนี้สำคัญสำหรับเราในทุกวันนี้?
การนมัสการบริสุทธิ์ได้รับการฟื้นฟู ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ
9. หลังจากอัครสาวกของพระเยซูเสียชีวิต เกิดอะไรขึ้นกับการนมัสการบริสุทธิ์ แต่พระยะโฮวาได้ทำอะไร?
9 ขอให้คิดย้อนไปในช่วงศตวรรษแรก คริสเตียนได้รับพรมากมายจากพระยะโฮวาเพราะพวกเขานมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์ยอมรับ แต่พระเยซูกับอัครสาวกได้บอกล่วงหน้าไว้ว่าจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้คนไม่ได้นมัสการพระยะโฮวาอย่างถูกต้อง (มัทธิว 13:24-30; กิจการ 20:29, 30) หลังจากอัครสาวกของพระเยซูเสียชีวิตก็มีศาสนาคริสต์หลายนิกายเกิดขึ้น และพวกผู้นำศาสนาของพวกเขาก็เริ่มสอนผิด ๆ แทนที่จะช่วยผู้คนให้สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น พวกเขากลับสอนว่าพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของตรีเอกานุภาพ และยังสอนผู้คนให้สารภาพบาปกับบาทหลวง อธิษฐานถึงมารีย์และ “นักบุญ” ต่าง ๆ ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว และเราก็เห็นว่ามีคำสอนผิด ๆ เพิ่มมากขึ้นและผู้คนก็ทำชั่วมากขึ้นด้วย แล้วพระยะโฮวาจัดการกับเรื่องนี้ยังไง? พระยะโฮวาได้ใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ เราบอกได้ว่าการฟื้นฟูนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยของเรา
10, 11. (ก) มี 2 อย่างอะไรที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการบริสุทธิ์ และนี่ส่งผลกับคุณยังไง? (ข) พระยะโฮวาได้รวบรวมคนแบบไหนให้เข้ามานมัสการพระองค์ และพวกเขามีโอกาสที่จะได้เห็นอะไร?
10 เพราะพระยะโฮวาได้ฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ เราเลยมีความสุขที่ได้นมัสการพระองค์อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน นี่เกี่ยวข้องกับ 2 อย่าง อย่างแรกเกี่ยวข้องกับการนมัสการที่พระยะโฮวาพอใจ พระองค์ช่วยให้เรานมัสการอย่างที่สอดคล้องกับความจริง และช่วยให้เรามีความรู้ที่ทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง นี่เลยทำให้เรารู้จักและสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น (ยอห์น ) อย่างที่ 2 เกี่ยวข้องกับผู้คน อิสยาห์บอกล่วงหน้าไว้ว่า “ในสมัยสุดท้าย” พระยะโฮวาจะสอนผู้นมัสการพระองค์ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข และสอนเราไม่ให้มีส่วนร่วมในสงคราม ถึงแม้เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ พระองค์ก็ช่วยเราให้มี “ลักษณะนิสัยใหม่” และช่วยเราให้มีผลที่เกิดจากพลังของพระองค์ ( 4:24เอเฟซัส 4:22-24; กาลาเทีย 5:22, 23) เมื่อเราทำตามที่พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าชี้นำ เราก็กำลังนมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์พอใจ
11 พระยะโฮวารวบรวมคนที่รักพระองค์ รักสันติสุข และ “คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า” ให้เข้ามานมัสการพระองค์อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน (มัทธิว 5:3) พวกเขามีโอกาสที่จะได้เห็นการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนและโลกของเรา
“เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่”
12, 13. (ก) ทำไมเราแน่ใจได้ว่าคำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูจะต้องเกิดขึ้นจริงตามตัวอักษรด้วย? (ข) ในสวนเอเดน พระยะโฮวาบอกว่าพระองค์ต้องการให้โลกเป็นยังไง? และทำไมเรื่องนี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะมีอนาคตที่ดี?
12 คำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูหลายข้อไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูทางด้านความเชื่อเท่านั้น ตัวอย่างเช่น อิสยาห์ได้เขียนถึงสมัยที่คนเจ็บป่วย คนง่อย คนตาบอด และคนหูหนวกจะได้รับการรักษาให้หายและแม้แต่ความตายก็จะไม่มีอีกเลย (อิสยาห์ 25:8; 35:1-7) คำสัญญาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริงกับชาติอิสราเอลโบราณ แม้ทุกวันนี้เราได้เห็นคำสัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นจริงทางด้านความเชื่อ แต่เราก็มั่นใจได้ว่าคำสัญญาทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นจริงตามตัวอักษรในอนาคต เรารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
13 ในสวนเอเดน พระยะโฮวาบอกความประสงค์ของพระองค์ว่าจะให้โลกนี้เป็นที่อยู่ของครอบครัวมนุษย์ที่มีความสุข มีสุขภาพดี และเป็นหนึ่งเดียวกัน พระยะโฮวาให้มนุษย์คู่แรกดูแลโลก ดูแลสัตว์ต่าง ๆ และทำให้ทั้งโลกเป็นอุทยาน (ปฐมกาล 1:28) ถึงแม้สิ่งที่เราเห็นในโลกทุกวันนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พระยะโฮวาต้องการ แต่เรามั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นจริง แน่นอน (อิสยาห์ 55:10, 11) พระเยซูซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้าจะทำให้ทั้งโลกเป็นอุทยาน—ลูกา 23:43
14, 15. (ก) พระยะโฮวาจะ “สร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่” ยังไง? (ข) ชีวิตในอุทยานจะเป็นยังไง และคุณรู้สึกประทับใจอะไรเป็นพิเศษ?
14 ลองคิดดูว่าคุณจะรู้สึกยังไงที่ทั้งโลกเป็นสวนอุทยาน พระยะโฮวาพูดถึงสมัยนั้นว่า “เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่” (วิวรณ์ 21:5) คิดดูสิว่าโลกจะเป็นยังไงเมื่อพระยะโฮวาใช้อำนาจของพระองค์ทำลายโลกชั่วนี้ ในตอนนั้นจะมีแต่ “ฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่” นี่หมายความว่ารัฐบาลใหม่จะปกครองโลกจากสวรรค์และดูแลคนเหล่านั้นที่รักพระยะโฮวาและทำตามความประสงค์ของพระองค์ (2 เปโตร 3:13) ซาตานกับพวกทูตสวรรค์ชั่วจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้อีกต่อไป (วิวรณ์ 20:3) นี่จะเป็นครั้งแรกในหลายพันปีที่ผู้คนจะพ้นจากอิทธิพลที่ไม่ดีของซาตานซึ่งมีแต่การทุจริต และความเกลียดชัง แล้วพวกเขาจะมีความสุขมากจริง ๆ
15 ในที่สุด เราจะได้ดูแลโลกที่สวยงามนี้เหมือนที่พระยะโฮวาอยากให้เราทำตั้งแต่แรก พระยะโฮวาสร้างโลกให้สามารถฟื้นตัวได้ ทะเลสาบและแม่น้ำที่สกปรกจะกลับมาใสสะอาดได้อีกถ้ามนุษย์หยุดสร้างมลพิษ พื้นที่ที่เคยเสียหายเพราะสงครามจะกลับมาสวยงามได้ถ้าไม่มีสงครามอีก เราจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยกันทำให้ทั้งโลกเป็นอุทยานที่สวยงามเหมือนสวนเอเดนที่มีทั้งสัตว์และพืชมากมายหลายชนิด ในตอนนั้นจะไม่มีใครทำให้สัตว์และพืชสูญพันธุ์ ทุกคนจะใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติอย่างสงบและมีความสุข แม้แต่เด็ก ๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสัตว์ทำร้าย—อิสยาห์ 9:6, 7; 11:1-9
16. ในอุทยาน พระยะโฮวาจะสร้างอะไรขึ้นใหม่เพื่อทุกคนที่ซื่อสัตย์?
16 สิ่งที่พระยะโฮวาจะสร้างขึ้นใหม่จะมีประโยชน์กับคุณด้วย ทั่วโลกคนที่รอดผ่านอาร์มาเกดโดนจะได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์ พระเยซูจะทำเหมือนที่ท่านเคยทำตอนอยู่บนโลก ท่านจะใช้อำนาจที่พระเจ้าให้เพื่อช่วยคนตาบอดให้มองเห็นได้ ช่วยคนหูหนวกให้ได้ยิน และช่วยคนง่อยและทุพพลภาพให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง (มัทธิว 15:30) ผู้สูงอายุจะมีความสุข มากที่ได้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีเหมือนกับตอนที่พวกเขาเป็นหนุ่มเป็นสาว (โยบ 33:25) ริ้วรอยความเหี่ยวย่นจะหายไป แขนขาจะมีกำลังขึ้น และกล้ามเนื้อจะแข็งแรง ทุกคนที่ซื่อสัตย์จะรู้สึกได้ว่าผลจากบาปและความไม่สมบูรณ์แบบจะค่อย ๆ หมดไป เราจะขอบคุณพระยะโฮวาที่ใช้อำนาจของพระองค์สร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่ ตอนนี้ขอให้เราดูการฟื้นฟูอีกอย่างหนึ่งที่น่าประทับใจที่พระยะโฮวาจะทำในอนาคต
การทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีก
17, 18. (ก) ทำไมพระเยซูถึงตำหนิพวกสะดูสี? (ข) ทำไมเอลียาห์ขอพระยะโฮวาให้ปลุกลูกชายของแม่ม่ายให้ฟื้นขึ้นจากตาย?
17 ในสมัยพระเยซู ผู้นำศาสนาบางคนที่เป็นพวกสะดูสีไม่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย พระเยซูตำหนิพวกเขาว่า “พวกคุณคิดผิดแล้ว คุณไม่เข้าใจพระคัมภีร์และไม่รู้ว่าพลังของพระเจ้าทำอะไรได้บ้าง” (มัทธิว 22:29) คัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าพระยะโฮวามีอำนาจที่จะปลุกคนตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ให้เรามาดูบางตัวอย่างด้วยกัน?
18 ขอให้นึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยของเอลียาห์ แม่ม่ายคนหนึ่งกอดลูกชายคนเดียวของเธอที่ตายแล้วไว้ในอ้อมแขน ผู้พยากรณ์เอลียาห์ซึ่งมาพักที่บ้านของแม่ม่ายคนนี้คงรู้สึกเสียใจมาก ก่อนหน้านั้นเขาเคยช่วยชีวิตเด็กคนนี้ไว้จากความอดอยาก และคงจะผูกพันกับเด็กคนนี้มาก แม่ของเด็กต้องหัวใจแตกสลายแน่ ๆ เพราะหลังจากที่สามีเสียชีวิตลูกของเธอก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เธอชื่นใจ เธออาจหวังว่าลูกชายจะเอาใจใส่ดูแลเธอตอนที่เธออายุมากขึ้น เธอทุกข์ใจมากและคิดว่าพระเจ้ากำลังลงโทษเธอเพราะความผิดบางอย่างในอดีต เอลียาห์รู้สึกเสียใจมาก เขาอุ้มเด็กขึ้นไปบนห้องของเขาและขอพระยะโฮวาช่วยให้เด็กคนนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง—1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-21
19, 20. (ก) อับราฮัมแสดงให้เห็นยังไงว่าเขาเชื่อในเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย และทำไมเขาถึงเชื่ออย่างนั้น? (ข) พระยะโฮวาอวยพรความเชื่อของเอลียาห์ยังไง?
19 เอลียาห์ไม่ใช่คนแรกที่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย หลายร้อยปีก่อน หน้านั้น อับราฮัมก็เชื่อว่าพระยะโฮวามีอำนาจในการปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมา ทำไมเขาถึงเชื่ออย่างนั้น? ตอนที่อับราฮัมอายุ 100 ปีและซาราห์อายุ 90 ปี พระยะโฮวาทำการอัศจรรย์โดยให้พวกเขามีลูกได้ แล้วซาราห์ก็คลอดลูกชาย (ปฐมกาล 17:17; 21:2, 3) ต่อมา เมื่อลูกของเขาโตแล้ว พระยะโฮวาขอให้อับราฮัมถวายลูกชายเป็นเครื่องบูชา อับราฮัมเชื่อและมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำให้อิสอัคลูกที่รักของเขากลับมามีชีวิตได้อีก (ฮีบรู 11:17-19) เพราะเขาเชื่ออย่างนั้น เขาเลยบอกคนรับใช้ของเขาอย่างมั่นใจก่อนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อถวายอิสอัคว่า เขากับลูกจะกลับมาด้วยกัน—ปฐมกาล 22:5
20 ตอนนั้นพระยะโฮวาไว้ชีวิตอิสอัค พระองค์เลยไม่ต้องปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตาย แต่ในกรณีของเอลียาห์ ลูกของแม่ม่ายตายแล้ว แต่พระยะโฮวาอวยพรความเชื่อของเอลียาห์โดยปลุกลูกของแม่ม่ายให้ฟื้นขึ้นจากตาย เอลียาห์พาเด็กไปหาแม่ของเขา และพูดสิ่งที่เธอไม่มีวันลืมว่า “ดูนี่สิ ลูกของคุณฟื้นแล้ว”—1 พงศ์กษัตริย์ 17:22-24
21, 22. (ก) ทำไมคัมภีร์ไบเบิลถึงบันทึกเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย? (ข) ยอห์น 5:28, 29 บอกให้รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นจากตายในอุทยาน?
21 นี่เป็นครั้งแรกในคัมภีร์ไบเบิลที่พระยะโฮวาใช้อำนาจของพระองค์ปลุกคนตายให้ฟื้น พระยะโฮวายังให้อำนาจกับเอลีชา พระเยซู เปาโล และเปโตรเพื่อทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกด้วย แต่ในที่สุด คนเหล่านั้นที่ถูกปลุกขึ้นมาก็ต้องตายอีก ถึงอย่างนั้นเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลก็ช่วยให้เราเห็นภาพที่ยอดเยี่ยมว่าพระยะโฮวาจะทำอะไรในอนาคต
22 ในสวนอุทยาน พระเยซูจะเป็น “คนที่ปลุกคนตายให้ฟื้นและให้เขามีชีวิต” (ยอห์น 11:25) ท่านจะปลุกคนนับล้านล้านให้ฟื้นขึ้นจากตายเพื่อให้พวกเขามีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปในโลกที่เป็นอุทยาน (ยอห์น 5:28, 29) ลองคิดดูสิว่าเราจะมีความสุขมากขนาดไหนที่ได้เจอเพื่อนและญาติ ๆ ที่ฟื้นขึ้นจากตายและได้กอดพวกเขาอีกครั้ง ทุกคนจะสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะพระองค์ใช้อำนาจเพื่อสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่
23. พระยะโฮวาแสดงอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ยังไง และนี่ทำให้เรามั่นใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรในอนาคต?
23 พระยะโฮวาทำบางอย่างเพื่อช่วยให้เรามั่นใจเต็มที่ว่าพระองค์สามารถปลุกคนตายให้กลับมามีชีวิตได้ พระยะโฮวาแสดงอำนาจครั้งใหญ่ที่สุดของพระองค์โดยปลุกพระเยซูลูกของพระองค์ให้มีชีวิตอีกครั้งบนสวรรค์ และทำให้ท่านมีอำนาจมากกว่าทูตสวรรค์ทั้งหมด หลังจากพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย มีหลายร้อยคนได้เห็นท่าน (1 โครินธ์ 15:5, 6) นี่จะช่วยคนที่รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายให้มั่นใจว่าพระยะโฮวามีอำนาจที่จะทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
24. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะปลุกคนตายให้กลับมามีชีวิตอีก และเราควรเห็นค่าความหวังเรื่องอะไรเสมอ?
24 พระยะโฮวามีอำนาจที่จะทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และพระองค์ก็อยากจะทำอย่างนั้นด้วย โยบชายที่ซื่อสัตย์ได้รับการดลใจให้บอกว่าพระยะโฮวาคิดถึงและรอที่จะปลุกคนตายให้กลับมามีชีวิตอีก (โยบ 14:15) เมื่อรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ใช้อำนาจด้วยความรักเสมอ เราก็อยากสนิทกับพระองค์มากขึ้น อย่างที่เราได้เรียนกันในบทนี้ การฟื้นขึ้นจากตายเป็นแค่วิธีหนึ่งที่พระองค์จะสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่ ดังนั้น ขอให้สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นและเห็นค่าความหวังที่พระยะโฮวาให้คุณเสมอ แล้วคุณจะได้เห็นพระองค์ “สร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่”—วิวรณ์ 21:5
a “เวลาที่ทุกสิ่งจะได้รับการฟื้นฟู” เริ่มต้นเมื่อลูกหลานของกษัตริย์ดาวิดที่ซื่อสัตย์เริ่มปกครองในรัฐบาลเมสสิยาห์ พระยะโฮวาสัญญากับดาวิดว่าลูกหลานของเขาจะปกครองตลอดไป (สดุดี 89:35-37) แต่หลังจากที่กองทัพบาบิโลนทำลายกรุงเยรูซาเล็มในปี 607 ก่อน ค.ศ. ก็ไม่มีลูกหลานคนไหนของดาวิดได้ปกครองเป็นตัวแทนของพระเจ้าอีก แต่เมื่อพระเยซูซึ่งเป็นลูกหลานของดาวิดได้ขึ้นปกครองในสวรรค์ ท่านก็เป็นกษัตริย์ตามคำสัญญา
b ตัวอย่างเช่น โมเสส อิสยาห์ เยเรมีย์ เอเสเคียล โฮเชยา โยเอล อาโมส โอบาดีห์ มีคาห์ และเศฟันยาห์ได้เขียนเกี่ยวกับคำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟู