ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บท 8

“เราถูกใช้มาเพื่อการนี้”

“เราถูกใช้มาเพื่อการนี้”

1-4. (ก) พระ​เยซู​ทรง​สอน​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​อย่าง​ชำนิ​ชำนาญ​อย่าง​ไร และ​เกิด​ผล​เช่น​ไร? (ข) เหล่า​อัครสาวก​ของ​พระองค์​แสดง​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร?

 พระ​เยซู​และ​เหล่า​อัครสาวก​เดิน​มา​หลาย​ชั่วโมง​แล้ว. พวก​เขา​เดิน​ทาง​ไป​ทาง​เหนือ โดย​ออก​จาก​ยูเดีย​มุ่ง​หน้า​ไป​ยัง​แกลิลี. เส้น​ทาง​ที่​สั้น​ที่​สุด​นี้—ใช้​เวลา​ราว ๆ สาม​วัน—พา​พวก​เขา​ผ่าน​ซะมาเรีย. เวลา​ประมาณ​เที่ยง​วัน พวก​เขา​มา​ใกล้​เมือง​ซูคาร​ซึ่ง​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ จึง​แวะ​พัก​เพื่อ​ให้​สดชื่น​หาย​เหนื่อย.

2 ขณะ​ที่​พวก​อัครสาวก​ไป​ซื้อ​อาหาร พระ​เยซู​ทรง​พักผ่อน​อยู่​ที่​บ่อ​น้ำ​ซึ่ง​อยู่​นอก​เมือง. หญิง​คน​หนึ่ง​เข้า​ไป​ตัก​น้ำ. พระ​เยซู​อาจ​เลือก​ที่​จะ​ไม่​ใส่​ใจ​เธอ​ก็​ได้. พระองค์ “ทรง​เหน็ด​เหนื่อย​จาก​การ​เดิน​ทาง.” (โยฮัน 4:6, ล.ม.) คง​พอ​จะ​เข้าใจ​ได้​หาก​พระองค์​เพียง​แค่​หลับ​ตา​ลง​แล้ว​ปล่อย​ให้​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​คน​นี้​ตัก​น้ำ​เสร็จ​แล้ว​ก็​ไป​โดย​ที่​พระองค์​ไม่​ตรัส​อะไร. ดัง​ที่​เรา​ได้​เห็น​ใน​บท 4 ของ​หนังสือ​นี้ หญิง​คน​นั้น​คง​จะ​คาด​หมาย​ว่า​ชาว​ยิว​ไม่​ว่า​คน​ใด​คง​จะ​ปฏิบัติ​ต่อ​เธอ​ด้วย​ความ​รังเกียจ. แต่​พระ​เยซู​เริ่ม​สนทนา​กับ​เธอ.

3 พระองค์​ทรง​เริ่ม​ต้น​ด้วย​อุทาหรณ์​เรื่อง​หนึ่ง​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ชีวิต​ประจำ​วัน​ของ​หญิง​คน​นั้น ที่​จริง​เป็น​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เธอ​กำลัง​ทำ​อยู่​ใน​ตอน​นั้น​แหละ. เธอ​มา​ที่​นี่​เพื่อ​ตัก​น้ำ; พระ​เยซู​ตรัส​ถึง​น้ำ​ที่​ให้​ชีวิต​ซึ่ง​จะ​ดับ​ความ​กระหาย​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เธอ. หลาย​ครั้ง เธอ​ยก​คำ​ถาม​ขึ้น​มา​ซึ่ง​อาจ​นำ​ไป​สู่​การ​โต้​เถียง​กัน​ได้​โดย​ง่าย. * พระ​เยซู​ทรง​หลีก​เลี่ยง​ประเด็น​ดัง​กล่าว​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​แล้ว​สนทนา​ต่อ​ไป​ตาม​แนว​ที่​พระองค์​ทรง​มุ่ง​หมาย. พระองค์​ทรง​เพ่งเล็ง​ใน​เรื่อง​ฝ่าย​วิญญาณ นั่น​คือ​การ​นมัสการ​อัน​บริสุทธิ์​และ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. คำ​ตรัส​ของ​พระองค์​มี​ผล​กระทบ​ที่​กว้าง​ไกล เพราะ​หญิง​คน​นี้​ถ่ายทอด​เรื่อง​นั้น​แก่​ชาว​เมือง และ​พวก​เขา​ต้องการ​ฟัง​พระ​เยซู​ด้วย​เช่น​กัน.—โยฮัน 4:3-42.

4 เมื่อ​กลับ​มา​ถึง พวก​อัครสาวก​รู้สึก​อย่าง​ไร​ที่​เห็น​พระ​เยซู​ทรง​ให้​คำ​พยาน​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ที่​นี่? ไม่​มี​อะไร​บ่ง​ชี้​ว่า​พวก​เขา​ตื่นเต้น​อยาก​รู้​อยาก​เห็น. พวก​เขา​ถึง​กับ​แปลก​ใจ​ที่​พระ​เยซู​สนทนา​กับ​หญิง​คน​นี้​ด้วย​ซ้ำ และ​ดู​เหมือน​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ได้​พูด​กับ​เธอ. หลัง​จาก​ที่​เธอ​ไป​แล้ว พวก​เขา​เร่งเร้า​พระ​เยซู​ให้​เสวย​อาหาร​ที่​พวก​เขา​นำ​มา. อย่าง​ไร​ก็​ดี พระ​เยซู​ตรัส​แก่​พวก​เขา​ว่า “เรา​มี​อาหาร​กิน​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้.” ด้วย​ความ​ฉงน ที​แรก​พวก​เขา​คิด​ว่า​พระ​เยซู​มี​อาหาร​จริง ๆ. ครั้น​แล้ว​พระองค์​ทรง​อธิบาย​ว่า “อาหาร​ของ​เรา​คือ​ที่​จะ​กระทำ​ตาม​พระทัย​ของ​พระองค์​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา, และ​ให้​การ​ของ​พระองค์​สำเร็จ.” (โยฮัน 4:32, 34) โดย​วิธี​นี้ พระ​เยซู​ทรง​สอน​พวก​เขา​ว่า งาน​หลัก​ใน​ชีวิต​ของ​พระองค์​สำคัญ​ต่อ​พระองค์​ยิ่ง​กว่า​การ​รับประทาน​อาหาร. พระองค์​ทรง​ต้องการ​ให้​พวก​เขา​รู้สึก​อย่าง​เดียว​กัน​ใน​เรื่อง​นั้น. งาน​นี้​คือ​อะไร?

5. งาน​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ของ​พระ​เยซู​คือ​อะไร และ​เรา​จะ​พิจารณา​อะไร​ใน​บท​นี้?

5 พระ​เยซู​เคย​ตรัส​ว่า “เรา​ต้อง​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​แก่​เมือง​อื่น ๆ ด้วย เพราะ​เรา​ถูก​ใช้​มา​เพื่อ​การ​นี้.” (ลูกา 4:43, ล.ม.) ใช่​แล้ว พระ​เยซู​ถูก​ส่ง​มา​เพื่อ​ประกาศ​และ​สั่ง​สอน​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. * เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ใน​ทุก​วัน​นี้​ทำ​งาน​อย่าง​เดียว​กัน​นั้น. ดัง​นั้น สำคัญ​ที่​เรา​จะ​พิจารณา​ดู​ว่า​เหตุ​ใด​พระ​เยซู​ประกาศ, พระองค์​ประกาศ​เรื่อง​อะไร, และ​พระองค์​มี​เจตคติ​เช่น​ไร​ต่อ​งาน​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย.

เหตุ​ผล​ที่​พระ​เยซู​ประกาศ

6, 7. พระ​เยซู​ทรง​ต้องการ​ให้ “ผู้​สอน​ใน​ที่​สาธารณะ” รู้สึก​อย่าง​ไร​กับ​การ​บอก​ข่าว​ดี​แก่​คน​อื่น? จง​ยก​ตัว​อย่าง.

6 ขอ​ให้​เรา​พิจารณา​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​รู้สึก​อย่าง​ไร​กับ​เรื่อง​ที่​พระองค์​สอน; ต่อ​จาก​นั้น เรา​จะ​พิจารณา​เจตคติ​ที่​พระองค์​มี​ต่อ​ผู้​คน​ที่​พระองค์​สอน. พระ​เยซู​ใช้​อุทาหรณ์​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ให้​ภาพ​ชัดเจน​เพื่อ​แสดง​ว่า​พระองค์​ทรง​รู้สึก​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​บอก​คน​อื่น​ถึง​ความ​จริง​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​สอน​พระองค์. พระองค์​ตรัส​ว่า “ผู้​สอน​ใน​ที่​สาธารณะ​ทุก​คน ครั้น​ได้​รับ​การ​สอน​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ฝ่าย​สวรรค์ เป็น​เหมือน​ผู้​ชาย เจ้า​ของ​บ้าน ซึ่ง​นำ​ทั้ง​ของ​ใหม่​และ​ของ​เก่า​ออก​มา​จาก​คลัง​ทรัพย์​ของ​ตน.” (มัดธาย 13:52, ล.ม.) ทำไม​เจ้า​ของ​บ้าน​ใน​อุทาหรณ์​นี้​จึง​นำ​ของ​ต่าง ๆ ออก​มา​จาก​คลัง​ทรัพย์​ของ​ตน?

7 เจ้า​ของ​บ้าน​ไม่​ได้​โอ้อวด​ทรัพย์​สมบัติ​ของ​ตน​ด้วย​ความ​ภูมิ​ใจ​ใน​แบบ​ที่​กษัตริย์​ฮิศคียา​ใน​สมัย​ก่อน​โน้น​ได้​ทำ แล้ว​ก็​เกิด​ผล​เสียหาย​ตาม​มา. (2 กษัตริย์ 20:13-20) อะไร​คือ​เจตนา​ของ​เจ้า​ของ​บ้าน? ขอ​พิจารณา​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ: คุณ​ไป​เยี่ยม​ครู​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ได้​รับ​ความ​นับ​หน้า​ถือ​ตา​ที่​บ้าน​ของ​เขา. เขา​เปิด​ลิ้น​ชัก​โต๊ะ​แล้ว​ดึง​จดหมาย​สอง​ฉบับ​ออก​มา ฉบับ​หนึ่ง​ดู​เก่า​เพราะ​เก็บ​ไว้​นาน​แล้ว อีก​ฉบับ​หนึ่ง​ดู​ใหม่​กว่า. ทั้ง​สอง​ฉบับ​เป็น​จดหมาย​ที่​เขา​ได้​รับ​จาก​พ่อ—ฉบับ​หนึ่ง​เขียน​หลาย​สิบ​ปี​มา​แล้ว​ตอน​ที่​ครู​ยัง​เป็น​แค่​เด็ก​เล็ก ๆ อีก​ฉบับ​หนึ่ง​เขียน​ไม่​นาน​มา​นี้. ตา​ของ​เขา​ฉาย​แวว​ยินดี​ขณะ​ที่​เล่า​ให้​คุณ​ฟัง​ว่า​จดหมาย​ทั้ง​สอง​ฉบับ​นี้​มี​ค่า​สัก​เพียง​ไร​สำหรับ​เขา และ​คำ​แนะ​นำ​ใน​จดหมาย​นี้​ได้​ทำ​ให้​ชีวิต​เขา​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​ไร​และ​คำ​แนะ​นำ​ดัง​กล่าว​จะ​ช่วย​คุณ​ได้​โดย​วิธี​ใด. จดหมาย​เหล่า​นี้​มี​ค่า​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด​สำหรับ​ครู​คน​นั้น หัวใจ​เขา​รักใคร่​ชื่นชม​จดหมาย​นั้น. (ลูกา 6:45) เขา​ให้​คุณ​ดู​จดหมาย​นี้ ไม่​ใช่​เพื่อ​โอ้อวด​หรือ​หา​ผล​ประโยชน์​บาง​อย่าง แต่​เพื่อ​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​คุณ​และ​เพื่อ​ถ่ายทอด​ความ​สำนึก​ใน​คุณค่า​ของ​จดหมาย​นั้น​แก่​คุณ.

8. ทำไม​เรา​จึง​มี​เหตุ​ผล​มาก​พอ​ที่​จะ​รู้สึก​ว่า​ความ​จริง​ที่​เรา​เรียน​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​ทรัพย์​อัน​ล้ำ​ค่า?

8 พระ​เยซู​ครู​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​มี​แรง​กระตุ้น​คล้าย​กัน​ใน​การ​บอก​ความ​จริง​ของ​พระเจ้า​แก่​คน​อื่น. สำหรับ​พระองค์ ความ​จริง​นั้น​เป็น​ทรัพย์​สมบัติ​ที่​มี​ค่า​เกิน​กว่า​จะ​ตี​ราคา​ได้. พระองค์​ทรง​รัก​ความ​จริง และ​กระตือรือร้น​ที่​จะ​บอก​ความ​จริง​นั้น. พระองค์​ทรง​ต้องการ​ให้​สาวก​ทุก​คน​ของ​พระองค์ ซึ่ง​เป็น “ผู้​สอน​ใน​ที่​สาธารณะ” รู้สึก​อย่าง​เดียว​กัน​นั้น. เรา​รู้สึก​เช่น​นั้น​ไหม? เรา​มี​เหตุ​ผล​มาก​พอ​ที่​จะ​รัก​ความ​จริง​ทุก​อย่าง​ที่​เรา​เรียน​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. เรา​ถือ​ว่า​ถ้อย​คำ​แห่ง​ความ​จริง​มี​ค่า​ดุจ​อัญมณี​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ความ​เชื่อ​ที่​เรา​ยึด​ถือ​มา​นาน​แล้ว​หรือ​ความ​เชื่อ​ที่​ปรับ​ปรุง​แก้ไข​ใหม่​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้. โดย​การ​พูด​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​อย่าง​จริง​ใจ​และ​รักษา​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​สอน​เรา เรา​จึง​ถ่ายทอด​ความ​รัก​นั้น​ดัง​ที่​พระ​เยซู​ได้​ทรง​ทำ.

9. (ก) พระ​เยซู​ทรง​รู้สึก​อย่าง​ไร​กับ​ผู้​คน​ที่​พระองค์​สอน? (ข) เรา​จะ​เลียน​แบบ​เจตคติ​ที่​พระ​เยซู​มี​ต่อ​ผู้​คน​ได้​อย่าง​ไร?

9 พระ​เยซู​ยัง​ทรง​รัก​ผู้​คน​ที่​พระองค์​สอน​ด้วย ดัง​ที่​เรา​จะ​พิจารณา​อย่าง​ละเอียด​ยิ่ง​ขึ้น​ใน​ตอน 3. มี​คำ​พยากรณ์​บอก​ไว้​ว่า พระ​มาซีฮา​จะ “สงสาร​คน​อนาถา​และ​คน​ขัดสน.” (บทเพลง​สรรเสริญ 72:13) ที่​จริง พระ​เยซู​ใฝ่​พระทัย​ใน​ผู้​คน. พระองค์​ทรง​ห่วงใย​ใน​ความ​คิด​และ​เจตคติ​ที่​กระตุ้น​พวก​เขา; พระองค์​ทรง​เป็น​ห่วง​เกี่ยว​กับ​ภาระ​ที่​ถ่วง​พวก​เขา​ลง​และ​อุปสรรค​ที่​ขัด​ขวาง​พวก​เขา​มิ​ให้​เข้าใจ​ความ​จริง. (มัดธาย 11:28; 16:13; 23:13, 15) ตัว​อย่าง​เช่น ขอ​ให้​นึก​ถึง​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย. ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​เธอ​รู้สึก​ประทับใจ​อย่าง​ยิ่ง​ที่​พระ​เยซู​ใส่​ใจ​ใน​ตัว​เธอ. การ​ที่​พระองค์​ทรง​ทราบ​สภาพ​ส่วน​ตัว​ของ​เธอ​อย่าง​ทะลุ​ปรุโปร่ง​ได้​กระตุ้น​ให้​เธอ​ยอม​รับ​พระองค์​ฐานะ​ผู้​พยากรณ์​และ​บอก​คน​อื่น​เรื่อง​พระองค์. (โยฮัน 4:16-19, 39) จริง​อยู่ สาวก​ของ​พระ​เยซู​ใน​ทุก​วัน​นี้​ไม่​สามารถ​อ่าน​หัวใจ​ของ​ผู้​คน​ที่​พวก​เขา​ประกาศ​ให้​ฟัง​นั้น​ได้. อย่าง​ไร​ก็​ดี เรา​สามารถ​แสดง​ความ​สนใจ​ใน​ผู้​คน เช่น​เดียว​กับ​พระ​เยซู; เรา​สามารถ​แสดง​ความ​ห่วงใย​ต่อ​พวก​เขา; และ​เรา​สามารถ​ปรับ​คำ​พูด​ของ​เรา​ให้​เข้า​กับ​ความ​สนใจ, ปัญหา​ต่าง ๆ, และ​ความ​จำเป็น​เฉพาะ​ตัว​ของ​พวก​เขา​ได้.

เรื่อง​ที่​พระ​เยซู​ประกาศ

10, 11. (ก) พระ​เยซู​ประกาศ​เรื่อง​อะไร? (ข) เหตุ​ใด​จึง​จำเป็น​ต้อง​มี​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า?

10 พระ​เยซู​ประกาศ​เรื่อง​อะไร? หาก​คุณ​แสวง​หา​คำ​ตอบ​โดย​พิจารณา​คำ​สอน​ของ​หลาย​คริสตจักร​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระองค์ คุณ​อาจ​ลง​ความ​เห็น​ว่า​พระองค์​ประกาศ​เรื่อง​การ​ใช้​หลักการ​คริสเตียน​เพื่อ​แก้ไข​ปัญหา​สังคม. หรือ​บาง​ที​คุณ​อาจ​คิด​ว่า​พระองค์​สนับสนุน​การ​ปฏิรูป​ทาง​การ​เมือง​หรือ​อาจ​คิด​ว่า​พระองค์​เน้น​ความ​รอด​ส่วน​ตัว​เหนือ​สิ่ง​อื่น​ใด. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดัง​ที่​กล่าว​ไว้​ข้าง​ต้น พระ​เยซู​ตรัส​อย่าง​ชัด​แจ้ง​ว่า “เรา​ต้อง​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.” นั่น​เกี่ยว​ข้อง​กับ​อะไร​จริง ๆ?

11 จำ​ไว้​ว่า พระ​เยซู​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์​ตอน​ที่​ซาตาน​โต้​แย้ง​ความ​ถูก​ต้อง​ของ​สิทธิ​ใน​การ​ปกครอง​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ครั้ง​แรก. พระ​เยซู​คง​ต้อง​รู้สึก​ปวด​ร้าว​พระทัย​สัก​เพียง​ไร​ที่​เห็น​พระ​บิดา​องค์​ชอบธรรม​ของ​พระองค์​ถูก​ใส่​ร้าย​และ​ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​ผู้​ปกครอง​ที่​ไม่​ยุติธรรม​ซึ่ง​กีด​กัน​ของ​ดี​ไว้​จาก​ผู้​ที่​พระองค์​ทรง​สร้าง​มา! พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​คง​ต้อง​รู้สึก​เจ็บ​ปวด​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​อาดาม​และ​ฮาวา​ซึ่ง​จะ​เป็น​บิดา​มารดา​ใน​อนาคต​ของ​มนุษยชาติ​ได้​เชื่อ​คำ​ใส่​ร้าย​ของ​ซาตาน! พระ​บุตร​ได้​เห็น​ว่า​ครอบครัว​มนุษย์​ได้​ติด​เชื้อ​บาป​และ​ความ​ตาย​อัน​เป็น​ผล​จาก​การ​กบฏ​ขัด​ขืน​นั้น. (โรม 5:12) แต่​พระองค์​คง​ต้อง​รู้สึก​ยินดี​สัก​เพียง​ไร​ที่​ทราบ​ว่า​สัก​วัน​หนึ่ง​พระ​บิดา​ของ​พระองค์​จะ​ทรง​จัด​การ​เรื่อง​ราว​ให้​เรียบร้อย!

12, 13. ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​จัด​การ​แก้ไข​ความ​อยุติธรรม​อะไร​บ้าง และ​พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ให้​ราชอาณาจักร​นั้น​เป็น​ประเด็น​สำคัญ​ใน​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์​อย่าง​ไร?

12 เหนือ​สิ่ง​อื่น​ใด อะไร​เป็น​ประเด็น​สำคัญ​ที่​สุด​ที่​จะ​ต้อง​จัด​การ? พระ​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​ต้อง​ได้​รับ​การ​ทำ​ให้​เป็น​ที่​นับถือ​อัน​บริสุทธิ์ ขจัด​ให้​พ้น​ร่องรอย​ของ​คำ​ตำหนิ​ทุก​อย่าง​ที่​สุม​ทับ​พระ​นาม​นั้น​เนื่อง​จาก​ซาตาน​และ​บรรดา​ผู้​ที่​เข้า​ข้าง​มัน. ต้อง​มี​การ​พิสูจน์​ความ​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม​ของ​สิทธิ​ใน​การ​ปกครอง​ของ​พระ​ยะโฮวา วิธี​การ​ปกครอง​ของ​พระองค์. พระ​เยซู​ทรง​เข้าใจ​ประเด็น​สำคัญ​เหล่า​นี้​ดี​ยิ่ง​กว่า​มนุษย์​คน​ใด ๆ. ใน​คำ​อธิษฐาน​แบบ​อย่าง พระองค์​ทรง​สอน​เหล่า​สาวก​ให้​ทูล​ขอ​เป็น​อันดับ​แรก​เพื่อ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระ​บิดา​เป็น​ที่​นับถือ​อัน​บริสุทธิ์, ต่อ​จาก​นั้น​ก็​ขอ​ให้​ราชอาณาจักร​ของ​พระ​บิดา​มา, แล้ว​ก็​ขอ​ให้​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​สำเร็จ​บน​แผ่นดิน​โลก. (มัดธาย 6:9, 10) ใน​ไม่​ช้า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ที่​มี​พระ​คริสต์​เยซู​เป็น​ผู้​ปกครอง จะ​กำจัด​ระบบ​ที่​เสื่อม​ทราม​ของ​ซาตาน​ให้​หมด​สิ้น​ไป​จาก​แผ่นดิน​โลก และ​จะ​ทำ​ให้​การ​ปกครอง​อัน​ชอบธรรม​ของ​พระ​ยะโฮวา​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ตลอด​กาล.—ดานิเอล 2:44.

13 ราชอาณาจักร​นั้น​เป็น​ประเด็น​หลัก​ใน​งาน​รับใช้​ของ​พระ​เยซู. คำ​ตรัส​และ​การ​กระทำ​ทั้ง​สิ้น​ของ​พระองค์​ได้​ช่วย​ให้​ความ​กระจ่าง​ว่า​ราชอาณาจักร​นั้น​คือ​อะไร​และ​จะ​ส่ง​เสริม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ไร. พระ​เยซู​ไม่​ยอม​ให้​อะไร​มา​ทำ​ให้​พระองค์​หันเห​ไป​จาก​ภารกิจ​ของ​พระองค์​ที่​จะ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. ใน​สมัย​ของ​พระองค์ มี​ประเด็น​ทาง​สังคม​ที่​เร่ง​ด่วน มี​ความ​อยุติธรรม​นับ​ไม่​ถ้วน กระนั้น พระองค์​ก็​จดจ่อ​อยู่​กับ​ข่าวสาร​และ​งาน​ของ​พระองค์. การ​ที่​ยัง​คง​จดจ่อ​อยู่​กับ​ข่าวสาร​และ​งาน​นั้น​หมาย​ความ​ว่า​พระ​เยซู​มี​ทัศนะ​ที่​ไม่​ยืดหยุ่น, มี​วิธี​การ​ที่​ไร้​ความ​รู้สึก, ซ้ำซาก​น่า​เบื่อ​ไหม? ไม่​เลย!

14, 15. (ก) พระ​เยซู​ได้​พิสูจน์​อย่าง​ไร​ว่า​เป็น “ผู้​ใหญ่​กว่า​ซะโลโม”? (ข) เรา​จะ​เลียน​แบบ​พระ​เยซู​ใน​เรื่อง​ข่าวสาร​ที่​เรา​ประกาศ​ได้​โดย​วิธี​ใด?

14 ดัง​ที่​เรา​จะ​เห็น​ตลอด​ตอน​นี้​ทั้ง​หมด พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ให้​การ​สอน​ของ​พระองค์​ทั้ง​เป็น​ที่​น่า​สนใจ​และ​มี​ความ​หลาก​หลาย. พระองค์​สอน​อย่าง​ที่​ดึงดูด​ใจ​ผู้​คน. เรา​อาจ​นึก​ถึง​กษัตริย์​ซะโลโม​ผู้​ชาญ​ฉลาด ซึ่ง​ได้​เสาะ​หา​ถ้อย​คำ​ที่​ไพเราะ ถ้อย​คำ​อัน​ถูก​ต้อง​แห่ง​ความ​จริง เพื่อ​ถ่ายทอด​ความ​คิด​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ดล​ใจ​ท่าน​ให้​บันทึก​ไว้. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:10) พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​โปรด​ให้​มนุษย์​ที่​ไม่​สมบูรณ์​ผู้​นี้​มี “พระทัย​กว้างขวาง​มาก” ทำ​ให้​ท่าน​สามารถ​พูด​ถึง​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง ไม่​ว่า​จะ​เป็น​นก, ปลา, ต้น​ไม้, จน​ถึง​สัตว์​เดรัจฉาน. ผู้​คน​มา​จาก​ที่​ห่าง​ไกล​เพื่อ​ฟัง​ซะโลโม​พูด. (1 กษัตริย์ 4:29-34) กระนั้น พระ​เยซู​ทรง​เป็น “ผู้​ใหญ่​กว่า​ซะโลโม.” (มัดธาย 12:42) พระองค์​ทรง​ชาญ​ฉลาด​มาก​กว่า ทรง​มี “พระทัย​กว้างขวาง​มาก” กว่า​นัก. เมื่อ​สอน​ประชาชน พระ​เยซู​ทรง​ใช้​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ที่​พระองค์​มี​มาก​กว่า อีก​ทั้ง​ความ​รู้​ใน​เรื่อง​นก, สัตว์​ต่าง ๆ, ปลา, เกษตรกรรม, ดิน​ฟ้า​อากาศ, เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น, ประวัติศาสตร์, และ​สภาพ​ของ​สังคม. ใน​ขณะ​เดียว​กัน พระ​เยซู​ไม่​เคย​โอ้อวด​ความ​รู้​ของ​พระองค์​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​คน​อื่น​ประทับใจ. พระองค์​ทำ​ให้​ข่าวสาร​ของ​พระองค์​เป็น​แบบ​เรียบ​ง่าย​และ​ชัดเจน​เสมอ. ไม่​น่า​แปลก​ที่​ผู้​คน​ยินดี​จะ​ฟัง​พระองค์​ตรัส!—มาระโก 12:37; ลูกา 19:48.

15 คริสเตียน​ใน​ทุก​วัน​นี้​พยายาม​จะ​ติด​ตาม​การ​นำ​ของ​พระ​เยซู. เรา​ไม่​มี​สติ​ปัญญา​และ​ความ​รู้​มาก​มาย​เหมือน​พระองค์ แต่​เรา​ทุก​คน​มี​ความ​รู้​และ​ประสบการณ์​อยู่​บ้าง​ซึ่ง​จะ​นำ​มา​ใช้​ได้​เมื่อ​เรา​บอก​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​แก่​คน​อื่น. ตัว​อย่าง​เช่น บิดา​มารดา​อาจ​ยก​มา​จาก​ประสบการณ์​ของ​ตน​เอง​ใน​การ​อบรม​บุตร​เพื่อ​แสดง​ตัว​อย่าง​ให้​เห็น​ความ​รัก​ที่​พระ​ยะโฮวา​มี​ต่อ​บุตร​ของ​พระองค์. คน​อื่น​อาจ​ใช้​ตัว​อย่าง​หรือ​คำ​เปรียบ​จาก​งาน​อาชีพ, โรง​เรียน, หรือ​ความ​รู้​ของ​พวก​เขา​เกี่ยว​กับ​ผู้​คน​และ​เหตุ​การณ์​ปัจจุบัน. ใน​ขณะ​เดียว​กัน เรา​ระวัง​ที่​จะ​ไม่​ปล่อย​ให้​สิ่ง​ใด​มา​เบน​ความ​สนใจ​ของ​ผู้​คน​ไป​จาก​ข่าวสาร​ของ​เรา ซึ่ง​ก็​คือ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.—1 ติโมเธียว 4:16.

เจตคติ​ที่​พระ​เยซู​มี​ต่อ​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์

16, 17. (ก) พระ​เยซู​มี​เจตคติ​เช่น​ไร​ต่อ​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์? (ข) พระ​เยซู​แสดง​อย่าง​ไร​ว่า​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​พระองค์?

16 พระ​เยซู​ทรง​รู้สึก​ว่า​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์​เป็น​สมบัติ​อัน​ล้ำ​ค่า. พระองค์​ทรง​ยินดี​ช่วย​ผู้​คน​ให้​รู้​จัก​พระ​บิดา​ทาง​ภาค​สวรรค์​ของ​พระองค์​อย่าง​ที่​ทรง​เป็น​จริง ๆ ไม่​ได้​ทำ​ให้​เป็น​เรื่อง​ลึกลับ​โดย​คำ​สอน​และ​ประเพณี​ที่​มนุษย์​ตั้ง​ขึ้น​ซึ่ง​ทำ​ให้​สับสน. พระ​เยซู​ชอบ​ช่วย​ผู้​คน​ให้​มี​สัมพันธภาพ​ที่​ดี​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​มี​ความ​หวัง​เกี่ยว​กับ​ชีวิต​นิรันดร์. พระองค์​ทรง​ชื่น​ชอบ​ใน​การ​นำ​คำ​ปลอบโยน​และ​ความ​ยินดี​ที่​เกิด​จาก​ข่าว​ดี​ไป​ให้​ผู้​คน. พระองค์​ทรง​แสดง​โดย​วิธี​ใด​ว่า​มี​ความ​รู้สึก​เช่น​นั้น? ขอ​พิจารณา​สาม​ประการ​ต่อ​ไป​นี้.

17 ประการ​แรก พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ให้​งาน​รับใช้​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​พระองค์. การ​พูด​ถึง​เรื่อง​ราชอาณาจักร​เป็น​งาน​ประจำ​ชีพ, งาน​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ของ​พระองค์, เป็น​ความ​สนใจ​หลัก​ของ​พระองค์. เพราะ​เหตุ​นั้น ดัง​ที่​เรา​สังเกต​ใน​บท 5 ด้วย​ความ​ฉลาด​สุขุม​พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​พระองค์​เรียบ​ง่าย​อยู่​เสมอ. ดัง​ที่​พระองค์​ทรง​ให้​คำ​แนะ​นำ​แก่​คน​อื่น พระองค์​รักษา​ตา​ให้​เพ่งเล็ง​ใน​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด. พระองค์​ไม่​ได้​ถูก​ทำ​ให้​เขว​ไป​โดย​สิ่ง​ของ​จำนวน​มาก​มาย​ที่​พระองค์​จะ​ต้อง​ซื้อ​หา​มา, ต้อง​ดู​แล​รักษา, และ​ซ่อมแซม​หรือ​หา​มา​ทดแทน​ใหม่​ขณะ​ที่​เวลา​ผ่าน​ไป. พระองค์​ทรง​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​เรียบ​ง่าย​เพื่อ​จะ​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​มา​ทำ​ให้​พระองค์​เขว​ไป​จาก​งาน​รับใช้​โดย​ไม่​จำเป็น.—มัดธาย 6:22; 8:20.

18. พระ​เยซู​ทรง​ทุ่มเท​ตัว​ใน​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์​ใน​ทาง​ใด​บ้าง?

18 ประการ​ที่​สอง พระ​เยซู​ทรง​ทุ่มเท​ตัว​ใน​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์. พระองค์​ทุ่มเท​กำลัง​มาก​มาย​ให้​กับ​งาน​นี้ เดิน​เป็น​ระยะ​ทาง​หลาย​ร้อย​กิโลเมตร​ไป​ตลอด​ทั่ว​ปาเลสไตน์ เสาะ​หา​คน​ที่​พระองค์​จะ​บอก​ข่าว​ดี. พระองค์​ทรง​สนทนา​กับ​พวก​เขา​ใน​บ้าน​ของ​พวก​เขา, ใน​จัตุรัส​สาธารณะ, ใน​ตลาด, และ​กลางแจ้ง. พระองค์​สนทนา​กับ​พวก​เขา​แม้​แต่​เมื่อ​พระองค์​จำเป็น​ต้อง​พักผ่อน, รับประทาน​อาหาร, ดื่ม​น้ำ, หรือ​อยู่​เงียบ ๆ สัก​ครู่​กับ​เพื่อน​สนิท​ของ​พระองค์. แม้​แต่​ขณะ​ที่​พระองค์​กำลัง​จะ​สิ้น​พระ​ชนม์ พระองค์​ก็​ยัง​บอก​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​แก่​คน​อื่น​ด้วย​ซ้ำ!—ลูกา 23:39-43.

19, 20. พระ​เยซู​ทรง​ยก​ตัว​อย่าง​แสดง​ให้​เห็น​ความ​เร่ง​ด่วน​ของ​งาน​ประกาศ​อย่าง​ไร?

19 ประการ​ที่​สาม พระ​เยซู​ทรง​ถือ​ว่า​งาน​รับใช้​เป็น​งาน​ที่​เร่ง​ด่วน. ขอ​ให้​นึก​ถึง​การ​สนทนา​ของ​พระองค์​กับ​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​ที่​บ่อ​น้ำ​นอก​เมือง​ซูคาร. ใน​เหตุ​การณ์​ตอน​นั้น​เหล่า​อัครสาวก​ของ​พระ​เยซู​ดู​เหมือน​ไม่​สำนึก​ถึง​ความ​จำเป็น​อัน​เร่ง​ด่วน​ที่​จะ​บอก​ข่าว​ดี​แก่​คน​อื่น. พระ​เยซู​ตรัส​แก่​พวก​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ‘อีก​สี่​เดือน​ฤดู​เกี่ยว​ข้าว​จะ​ถึง’ มิ​ใช่​หรือ นี่​แน่ะ​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า, จง​ลืม​ตา​มอง​ดู​นา​เถิด, เพราะ​ว่า​ทุ่ง​นา​เหลือง​ถึง​ฤดู​เกี่ยว​แล้ว.”—โยฮัน 4:35.

20 พระ​เยซู​ทรง​ยก​ตัว​อย่าง​จาก​ฤดู​กาล​ที่​อยู่​ใน​ช่วง​นั้น. ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​เดือน​ชิสเลฟ (พฤศจิกายน/ธันวาคม). อีก​สี่​เดือน​จะ​ถึง​เวลา​เก็บ​เกี่ยว​ข้าว​บาร์เลย์ ราว ๆ ช่วง​ปัศคา ใน​วัน​ที่ 14 เดือน​ไนซาน. ดัง​นั้น ชาว​นา​ไม่​รู้สึก​ถึง​ความ​เร่ง​ด่วน​แต่​อย่าง​ใด​ใน​เรื่อง​การ​เก็บ​เกี่ยว​ใน​ตอน​นั้น. พวก​เขา​ยัง​มี​เวลา​เหลือ​เฟือ. แต่​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​เรื่อง​การ​เก็บ​เกี่ยว​ผู้​คน? มี​หลาย​คน​พร้อม​ที่​จะ​ฟัง, เรียน​รู้, เข้า​มา​เป็น​สาวก​ของ​พระ​คริสต์, และ​ได้​รับ​ความ​หวัง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ที่​พระ​ยะโฮวา​เสนอ​ให้​พวก​เขา. ประหนึ่ง​ว่า​พระ​เยซู​สามารถ​มอง​ออก​ไป​ทั่ว​ทุ่ง​นา​โดย​นัย​และ​เห็น​ว่า​นา​นั้น​เหลือง​อร่าม​ด้วย​ข้าว​ที่​แก่​แล้ว​ซึ่ง​เอน​ลู่​ไป​ตาม​สาย​ลม​อ่อน ๆ เป็น​สัญญาณ​ว่า​ทุ่ง​นา​นั้น​พร้อม​ที่​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ได้​แล้ว. * ตอน​นี้​ถึง​เวลา​แล้ว และ​งาน​ก็​เร่ง​ด่วน! ฉะนั้น เมื่อ​ชาว​เมือง​หนึ่ง​พยายาม​หน่วง​เหนี่ยว​พระ​เยซู​ให้​อยู่​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป พระองค์​ตรัส​ตอบ​ว่า “เรา​ต้อง​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​แก่​เมือง​อื่น ๆ ด้วย เพราะ​เรา​ถูก​ใช้​มา​เพื่อ​การ​นี้.”—ลูกา 4:43, ล.ม.

21. เรา​จะ​เลียน​แบบ​พระ​เยซู​ได้​โดย​วิธี​ใด?

21 เรา​สามารถ​เลียน​แบบ​พระ​เยซู​ใน​ทั้ง​สาม​ประการ​ที่​เพิ่ง​พิจารณา​ไป. เรา​สามารถ​ทำ​ให้​งาน​รับใช้​แบบ​คริสเตียน​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​เรา. ถึง​แม้​เรา​อาจ​มี​ครอบครัว​และ​พันธะ​หน้า​ที่​ใน​การ​หา​เลี้ยง​ชีพ เรา​ก็​ยัง​แสดง​ให้​เห็น​ได้​ว่า​งาน​รับใช้​ของ​เรา​มา​เป็น​อันดับ​แรก​โดย​การ​มี​ส่วน​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​ใน​งาน​นี้​เป็น​ประจำ เช่น​เดียว​กับ​ที่​พระ​เยซู​ทำ. (มัดธาย 6:33; 1 ติโมเธียว 5:8) เรา​สามารถ​ทุ่มเท​ตัว​ใน​งาน​รับใช้ สละ​เวลา, กำลัง, และ​ทรัพยากร​ของ​เรา​อย่าง​ใจ​กว้าง​เพื่อ​สนับสนุน​งาน​นี้. (ลูกา 13:24) และ​เรา​คำนึง​ถึง​เสมอ​ว่า​งาน​ของ​เรา​เป็น​งาน​เร่ง​ด่วน. (2 ติโมเธียว 4:2) เรา​ต้อง​ฉวย​ทุก​โอกาส​ที่​จะ​ประกาศ​ข่าว​ดี!

22. เรา​จะ​พิจารณา​อะไร​ใน​บท​ต่อ​ไป?

22 พระ​เยซู​ยัง​แสดง​ด้วย​ว่า​พระองค์​ทรง​เห็น​ความ​สำคัญ​ของ​งาน​นี้​โดย​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​งาน​นี้​จะ​ดำเนิน​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​พระองค์​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว. พระองค์​ได้​มอบหมาย​เหล่า​สาวก​ให้​ทำ​งาน​ประกาศ​และ​สั่ง​สอน​ต่อ​ไป. งาน​มอบหมาย​นั้น​จะ​เป็น​หัวเรื่อง​ของ​บท​ต่อ​ไป.

^ วรรค 3 ตัว​อย่าง​เช่น เมื่อ​ถาม​ว่า​ทำไม​พระองค์​ซึ่ง​เป็น​ชาว​ยิว​จึง​พูด​กับ​เธอ​ซึ่ง​เป็น​ชาว​ซะมาเรีย เธอ​ได้​กล่าว​ถึง​เรื่อง​ซึ่ง​เป็น​ความ​บาดหมาง​มา​นาน​หลาย​ศตวรรษ​ระหว่าง​ชน​ชาติ​ทั้ง​สอง. (โยฮัน 4:9) เธอ​ยัง​ยืน​ยัน​ด้วย​ว่า​ชน​ชาติ​ของ​เธอ​สืบ​เชื้อ​สาย​มา​จาก​ยาโคบ ซึ่ง​เป็น​คำ​กล่าว​อ้าง​ที่​ชาว​ยิว​ใน​สมัย​นั้น​ปฏิเสธ​อย่าง​แข็งขัน. (โยฮัน 4:12) ชาว​ยิว​เรียก​ชาว​ซะมาเรีย​ว่า​พวก​คูธา​เพื่อ​เน้น​ว่า​พวก​เขา​มี​เชื้อ​สาย​มา​จาก​คน​ต่าง​ชาติ.

^ วรรค 5 การ​ประกาศ​หมาย​ถึง​ป่าว​ร้อง​หรือ​แจ้ง​ข่าวสาร​ให้​ทราบ. การ​สอน​ก็​มี​ความ​หมาย​คล้าย​กัน แต่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ถ่ายทอด​ข่าวสาร​อย่าง​ละเอียด​ลึกซึ้ง​กว่า. การ​สอน​ที่​ดี​รวม​ไป​ถึง​การ​หา​วิธี​ต่าง ๆ ที่​จะ​เข้า​ถึง​หัวใจ​เพื่อ​กระตุ้น​นัก​ศึกษา​ให้​ปฏิบัติ​ตาม​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​ได้​ฟัง.

^ วรรค 20 แหล่ง​อ้างอิง​หนึ่ง​ชี้​แจง​เกี่ยว​กับ​ข้อ​นี้​ว่า “ข้าว​เมื่อ​แก่​เต็ม​ที่​แล้ว ก็​จะ​เปลี่ยน​จาก​สี​เขียว​เป็น​สี​เหลือง หรือ​สี​อ่อน​ลง บ่ง​ชี้​ว่า​ถึง​เวลา​ที่​จะ​เกี่ยว​ได้​แล้ว.”