บท 3
พระยะโฮวาเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ
1, 2. พระยะโฮวาบอกให้มนุษย์รู้ถึงความตั้งใจของพระองค์อย่างไร?
พ่อแม่ที่รักและห่วงใยลูกจะให้ลูกนั่งอยู่ด้วยขณะที่คุยเรื่องในครอบครัว พวกเขาจะไม่บอกข้อมูลมากเกินไป แต่บอกเฉพาะรายละเอียดที่คิดว่าลูกโตพอที่จะรู้และเข้าใจได้
2 คล้ายกับตัวอย่างนี้ พระยะโฮวาก็ค่อย ๆ บอกมนุษย์ว่าพระองค์ตั้งใจจะทำอะไร แต่พระองค์ทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อเห็นว่าเหมาะกับเวลา ให้เรามาดูคร่าว ๆ ว่าตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพระยะโฮวาเปิดเผยความจริงเรื่องราชอาณาจักรของพระองค์อย่างไร
ทำไมต้องมีราชอาณาจักรของพระเจ้า?
3, 4. พระยะโฮวากำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไว้ล่วงหน้าไหม? ขอให้อธิบาย
3 ในตอนแรก พระยะโฮวาไม่ได้คิดที่จะตั้งราชอาณาจักร เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาไม่ได้กำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไว้ล่วงหน้า ที่จริง พระองค์สร้างมนุษย์ให้มีอิสระทางความคิด ด้วยเหตุนี้ พระยะโฮวาจึงบอกความตั้งใจของพระองค์ให้อาดามกับฮาวารู้ โดยพูดว่า “จงบังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน” (เย. 1:28) พระองค์ยังบอกมนุษย์ให้ทำตามมาตรฐานของพระองค์ในเรื่องความดีและความชั่ว (เย. 2:16, 17) อาดามกับฮาวามีโอกาสเลือกว่าจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าหรือไม่ ถ้าพวกเขากับลูกหลานเลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา เราก็ไม่จำเป็นต้องมีราชอาณาจักรที่มีพระคริสต์เป็นกษัตริย์เพื่อทำให้สิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจไว้เกิดขึ้นจริง และตอนนี้โลกก็คงมีแต่มนุษย์สมบูรณ์ที่นมัสการพระยะโฮวา
4 ถึงแม้ซาตาน อาดามและฮาวาขืนอำนาจ แต่พระยะโฮวาไม่ได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะทำให้โลกเต็มไปด้วยครอบครัวมนุษย์สมบูรณ์ ดังนั้น พระยะโฮวาจึงปรับเปลี่ยนเส้นทางเพื่อทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่พระองค์ตั้งใจ ความตั้งใจของพระยะโฮวาไม่เหมือนกับรถไฟที่วิ่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดหมาย ซึ่งอาจตกรางได้ถ้ามีใครจงใจทำให้มันตกราง เมื่อพระยะโฮวาพูดไว้แล้วว่าพระองค์จะทำอะไร ก็ไม่มีพลังหรืออำนาจใด ๆ ในเอกภพมาขัดขวางได้ (อ่านยะซายา 55:11) ถ้ามีอุปสรรคเกิดขึ้น พระยะโฮวาก็จะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่ a (เอ็ก. 3:) เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พระองค์จะบอกผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ให้รู้วิธีใหม่ที่พระองค์จะใช้เพื่อทำให้เป็นไปตามที่พระองค์ตั้งใจ 14, 15
5. พระยะโฮวาทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสวนเอเดน?
5 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสวนเอเดน พระยะโฮวาจึงตั้งราชอาณาจักรขึ้น (มัด. 25:34) ในช่วงที่ดูเหมือนสิ้นหวังและมืดมน พระยะโฮวาเริ่มให้แสงสว่างโดยเปิดเผยวิธีที่พระองค์จะใช้เพื่อฟื้นฟูสังคมมนุษย์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อซาตานพยายามยึดอำนาจ (เย. 3:14-19) แต่พระยะโฮวาไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับราชอาณาจักรนี้ในครั้งเดียว
พระยะโฮวาเริ่มเปิดเผยความจริงเรื่องราชอาณาจักร
6. พระยะโฮวาสัญญาเรื่องอะไร แต่พระองค์ไม่ได้เปิดเผยอะไร?
6 ในคำพยากรณ์แรกที่มีบันทึกในพระคัมภีร์ พระยะโฮวาสัญญาว่าจะมี “เผ่าพันธุ์” มาบดขยี้หัวของงู (อ่านเยเนซิศ 3:15) แต่ในตอนนั้นพระองค์ไม่ได้บอกว่าเผ่าพันธุ์ของหญิงและเผ่าพันธุ์ของงูคือใคร ที่จริง พระยะโฮวาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดจนกระทั่ง 2,000 ปีหลังจากนั้น b
7. ทำไมพระยะโฮวาเลือกอับราฮาม และสิ่งสำคัญที่เราได้เรียนจากเรื่องนี้คืออะไร?
7 ในที่สุด พระยะโฮวาก็เลือกอับราฮาม แล้วให้เผ่าพันธุ์หรือลูกหลานตามคำสัญญามาทางเชื้อสายของเขา เพราะเขา “เชื่อฟังเสียงของ [พระยะโฮวา]” (เย. 22:18) สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนจากเรื่องนี้คือ พระยะโฮวาเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ โดยบอกเฉพาะคนที่เกรงกลัวพระองค์เท่านั้น—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 25:14
8, 9. เมื่อพระยะโฮวาพูดกับอับราฮามและยาโคบ พระองค์บอกอะไรเกี่ยวกับลูกหลานตามคำสัญญา?
8 พระยะโฮวาใช้ทูตสวรรค์ไปพูดกับอับราฮามเพื่อนของพระองค์ นั่นเป็นครั้งแรกที่พระยะโฮวาเปิดเผยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับลูกหลานตามที่พระองค์สัญญา ซึ่งก็คือมนุษย์คนหนึ่ง (เย. 22:15-17; ยโก. 2:23) แต่มนุษย์คนนี้จะบดขยี้หัวของงูได้อย่างไร? งูคือใคร? การเปิดเผยหลังจากนั้นทำให้เรารู้คำตอบ
9 พระยะโฮวาตั้งใจจะให้ลูกหลานตามที่สัญญาไว้มาทางหลานของอับราฮามที่ชื่อยาโคบ ซึ่งเป็นคนที่มีความเชื่อเข้มแข็งในพระเจ้า (เย. 28:13-22) พระยะโฮวาบอกยาโคบว่าลูกหลานที่ว่านี้จะมาทางเชื้อสายของยูดาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของยาโคบ ยาโคบพยากรณ์ว่าลูกหลานของยูดาห์จะได้รับ “ไม้ธารพระกร” หรือคทา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจกษัตริย์ และ “ชนชาวประเทศต่าง ๆ จะเชื่อฟังผู้นั้น” (เย. 49:1, 10-11) พระยะโฮวายังบอกอีกว่าลูกหลานตามคำสัญญาจะเป็นผู้ปกครอง เป็นกษัตริย์
10, 11. ทำไมพระยะโฮวาเปิดเผยให้ดาวิดและดานิเอลรู้สิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ?
10 ประมาณ 650 ปีหลังจากสมัยของยูดาห์ พระยะโฮวายังเปิดเผยความตั้งใจของพระองค์อีก โดยบอกกับดาวิดซึ่งเป็นเชื้อสายในตระกูลยูดาห์ และเป็น “คนที่ [พระยะโฮวา] ทรงชอบพระทัย” (1 ซามู. 13:14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย; 17:12; กิจ. 13:22) เนื่องจากดาวิดเกรงกลัวพระยะโฮวาอย่างเต็มหัวใจ พระองค์จึงเลือกที่จะทำสัญญากับเขาว่าลูกหลานคนหนึ่งของเขาจะปกครองเป็นกษัตริย์ตลอดไป—2 ซามู. 7:8, 12-16
11 ประมาณ 500 ปีต่อมา พระยะโฮวาใช้ผู้พยากรณ์ดานิเอลให้ระบุปีที่ผู้ถูกเจิมหรือมาซีฮาจะปรากฏตัวบนโลก (ดานิ. 9:25) พระยะโฮวามองว่าดานิเอลเป็นคนที่พระองค์ “โปรดปรานยิ่งนัก” ทำไมล่ะ? เพราะดานิเอลนับถือพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์มาตลอด—ดานิ. 6:16; 9:22, 23
12. พระเจ้าบอกให้ดานิเอลทำอะไร และทำไม?
12 แม้พระยะโฮวาดลใจผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์อย่างดานิเอลให้เขียนรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับมาซีฮา ซึ่งเป็นลูกหลานตามคำสัญญา แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะให้ผู้รับใช้เข้าใจความหมายของเรื่องนั้นอย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น หลังจากดานิเอลเห็นนิมิตเกี่ยวกับการก่อตั้งราชอาณาจักรของพระเจ้า พระองค์บอกให้ดานิเอลเก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาที่พระองค์คิดว่าเหมาะสม เมื่อถึงตอนนั้น ความรู้ของพระยะโฮวาจะ “มีอย่างมากมาย”—ดานิ. 12:4, ฉบับแปลโลกใหม่
พระเยซูช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจจะทำ
13. (ก) ลูกหลานตามคำสัญญาคือใคร? (ข) พระเยซูให้แสงสว่างกับมนุษย์เกี่ยวกับคำพยากรณ์ในเยเนซิศ 3:15 อย่างไร?
13 พระยะโฮวาระบุอย่างชัดเจนว่า พระเยซูคือลูกหลานคนนั้นตามที่พระองค์สัญญาไว้ ท่านเป็นเชื้อสายของดาวิดและจะได้เป็นกษัตริย์ (ลูกา 1:30-33; 3:21, 22) ตอนที่พระเยซูเริ่มทำงานรับใช้ ท่านให้แสงสว่างกับมนุษย์ โดยช่วยให้ผู้คนมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจจะทำ (มัด. 4:13-17) ตัวอย่างเช่น พระเยซูขจัดข้อสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับ “งู” ในเยเนซิศ 3:14, 15 โดยเรียกพญามารว่า “ผู้ฆ่าคน” และ “พ่อของการพูดมุสา” (โย. 8:44) และพระเยซูให้โยฮันเห็นนิมิตหนึ่งที่ระบุว่า “งูตัวแรกเดิม” คือ “พญามารและซาตาน” c (อ่านวิวรณ์ 1:1; 12:9) ในนิมิตเดียวกันนั้น พระเยซูซึ่งเป็นลูกหลานตามคำสัญญา ได้แสดงให้เห็นวิธีที่ท่านจะทำให้คำพยากรณ์ในสวนเอเดนเกิดขึ้นจริงโดยบดขยี้และทำลายซาตาน—วิ. 20:7-10
14-16. สาวกของพระเยซูในศตวรรษแรกเข้าใจความหมายทั้งหมดของสิ่งที่พระเยซูพูดไหม? ขอให้อธิบาย
14 ตามที่เราเรียนไปแล้วในบท 1 พระเยซูพูดถึงเรื่องราชอาณาจักรบ่อยมาก แต่ท่านก็ไม่ได้บอกทุกเรื่องที่สาวกอยากรู้ แม้แต่ตอนที่พระคริสต์ให้รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี กว่าที่ผู้ติดตามท่านจะเริ่มเข้าใจความหมายทั้งหมดของความจริงที่อาจารย์ของพวกเขาบอกไว้ ให้เรามาดูบางตัวอย่าง
15 ในปี 33 พระเยซูบอกชัดเจนว่าบางคนจะได้ร่วมปกครองกับกษัตริย์ในราชอาณาจักร พวกเขาจะถูกรับไปจากแผ่นดินโลก และจะมีชีวิตอยู่ในสวรรค์ แต่ในตอนนั้น สาวกของพระเยซูไม่เข้าใจเรื่องที่ท่านพูด (ดานิ. 7:18; โย. 14:2-5) ในปีเดียวกันนั้น พระเยซูใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อระบุว่า การก่อตั้งราชอาณาจักรจะไม่เกิดขึ้นทันทีที่ท่านไปสวรรค์ แต่ยังต้องรออีกนาน (มัด. 25:14, 19; ลูกา 19:11, 12) สาวกของท่านไม่เข้าใจจุดสำคัญนี้ แล้วหลัง จากที่พระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย พวกเขาก็ยังถามท่านว่า จะ “กู้ราชอาณาจักรให้ชนชาติอิสราเอลในคราวนี้หรือ?” แต่พระเยซูก็เลือกที่จะไม่บอกอะไรเพิ่มเติม (กิจ. 1:6, 7) พระเยซูยังสอนด้วยว่า จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า “แกะอื่น” พวกเขาเป็นคนละกลุ่มกับ “แกะฝูงน้อย” ที่จะร่วมปกครองกับพระเยซู (โย. 10:16; ลูกา 12:32) สาวกของพระคริสต์ไม่เข้าใจชัดเจนว่าคน 2 กลุ่มนี้หมายถึงใคร และหลังจากราชอาณาจักรก่อตั้งในปี 1914 พวกเขาต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเข้าใจ
16 ตอนที่อยู่กับสาวก พระเยซูไม่ได้บอกทุกเรื่องให้พวกเขาฟัง เพราะรู้ดีว่าพวกเขาจะรับไม่ไหว (โย. 16:12) ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในศตวรรษแรกก็มีการเปิดเผยความรู้อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับราชอาณาจักร แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ความรู้นั้นจะมีอย่างมากมาย
ความรู้แท้มีอย่างมากมายใน “สมัยสุดท้าย”
17. เราต้องทำอะไรเพื่อจะเข้าใจความจริงเรื่องราชอาณาจักร และเราต้องได้รับความช่วยเหลืออะไรอีก?
17 พระยะโฮวาสัญญากับดานิเอลว่า ใน “สมัยสุดท้าย” หลายคนจะ “ค้นดูม้วนหนังสือนี้อย่างถี่ถ้วน และความรู้แท้” เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าตั้งใจจะทำก็จะมีให้เรียนรู้อย่างมากมาย (ดานิ. 12:4, ล.ม.) คนที่อยากได้ความรู้นั้นต้องออกความพยายามอย่างมาก แต่ไม่ว่าเราจะตรวจสอบคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียดขนาดไหน เราก็คงไม่เข้าใจความจริงเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า ถ้าพระยะโฮวาไม่ช่วยเรา—อ่านมัดธาย 13:11
18. คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาแสดงความเชื่อและความถ่อมใจอย่างไร?
18 พระยะโฮวาเปิดเผยความจริงเรื่องราชอาณาจักรเป็นขั้น ๆ ก่อนจะถึงปี 1914 และพระองค์ก็ยังทำแบบนั้นในสมัยสุดท้าย บท 4 และบท 5 ของหนังสือนี้จะแสดงให้เห็นว่า ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ประชาชนของพระเจ้าต้องปรับเปลี่ยนความเข้าใจหลายครั้ง นี่หมายความว่าพระยะโฮวาไม่ได้สนับสนุนพวกเขาไหม? ไม่ใช่เลย! พระยะโฮวาสนับสนุนพวกเขา เพราะคนที่เกรง กลัวพระยะโฮวามีคุณลักษณะ 2 อย่างที่ทำให้พระองค์รักพวกเขา นั่นคือความเชื่อและความถ่อมใจ (ฮีบรู 11:6; ยโก. 4:6) ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามคำสัญญาในพระคัมภีร์ พวกเขาแสดงความถ่อมใจ เมื่อเขายอมรับว่าเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าจะทำให้คำสัญญาของพระองค์เป็นจริง ความถ่อมใจนี้เห็นได้จากหอสังเกตการณ์ 1 มีนาคม 1925 ที่บอกว่า “เรารู้ว่าพระเจ้าจะเป็นผู้ตีความหมายเอง พระเจ้าจะตีความหมายให้ประชาชนเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ ในวิธีของพระองค์และในเวลาที่เหมาะสม”
“พระเจ้าจะตีความหมายให้ประชาชนเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ ในวิธีของพระองค์และในเวลาที่เหมาะสม”
19. ตอนนี้พระยะโฮวาช่วยเราให้เข้าใจเรื่องอะไร และทำไม?
19 เมื่อราชอาณาจักรก่อตั้งในปี 1914 ประชาชนของพระองค์ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมดว่าคำพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรจะเกิดขึ้นจริงอย่างไร (1 โค. 13:9, 10, 12) เนื่องจากเรารอคอยและอยากเห็นคำสัญญาของพระเจ้าเป็นจริง บางครั้งเราก็เลยลงความเห็นแบบผิด ๆ หอสังเกตการณ์ 1 มีนาคม 1925 บอกไว้ว่า “หลักอย่างหนึ่งที่เราควรจำไว้เสมอคือ เราไม่มีทางที่จะเข้าใจคำพยากรณ์ทั้งหมด จนกว่าคำพยากรณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังเกิดขึ้น” และตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราก็เห็นว่าคำพูดนี้หลักแหลมจริง ๆ ตอนนี้เราอยู่ในเวลาที่ใกล้จุดอวสานมาก คำพยากรณ์หลายข้อเกี่ยวกับราชอาณาจักรได้เกิดขึ้นแล้ว และอีกหลายข้อกำลังเกิดขึ้น เนื่องจากประชาชนของพระเจ้าถ่อมใจและเต็มใจยอมรับการแก้ไข พระยะโฮวาจึงช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ และความรู้แท้จึงมีมากมาย!
การปรับเปลี่ยนความเข้าใจทดสอบประชาชนของพระเจ้า
20, 21. การปรับเปลี่ยนความเข้าใจมีผลกระทบต่อคริสเตียนในศตวรรษแรกอย่างไร?
20 เมื่อพระยะโฮวาปรับเปลี่ยนความเข้าใจของเราให้ถูกต้อง สภาพหัวใจของเราก็จะถูกทดสอบ เรามีความเชื่อและถ่อมใจมากพอไหมที่จะยอมรับความเข้าใจใหม่ ๆ? คริสเตียนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงกลางของศตวรรษแรกเจอการทดสอบแบบนั้น ตัวอย่างเช่น ขอให้นึกภาพว่าคุณเป็นคริสเตียนชาวยิวในสมัยนั้น คุณนับถือกฎหมายของโมเซมากและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นชาวยิว ตอนนี้คุณได้รับจดหมายที่พระเจ้าดลใจให้อัครสาวกเปาโลเขียน ซึ่งบอกว่าพระยะโฮวายกเลิกกฎหมายของโมเซ พระองค์ไม่ยอมรับชนชาติอิสราเอลโดยกำเนิดอีกต่อไป แต่ได้เริ่มรวบรวมชนชาติของพระองค์ซึ่งมีทั้งคนยิวและคนต่างชาติ (โรม 10:12; 11:17-24; กลา. 6:15, 16; โกโล. 2:13, 14) คุณจะรู้สึกอย่างไรล่ะ?
21 คริสเตียนที่ถ่อมใจยอมรับคำอธิบายของเปาโลซึ่งได้รับการดลใจจากพระเจ้า พระยะโฮวาจึงอวยพรพวกเขา (กิจ. 13:48) แต่หลายคนกลับโกรธแค้นที่มีการปรับเปลี่ยนความเข้าใจใหม่และยังยึดติดอยู่กับความเข้าใจของตัวเอง (กลา. 5:7-12) ถ้าพวกเขาไม่เปลี่ยนความคิด คนเหล่านั้นก็หมดโอกาสที่จะได้ร่วมปกครองกับพระคริสต์—2 เป. 2:1
22. คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อพระยะโฮวาปรับเปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ?
22 ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ พระยะโฮวาก็ปรับเปลี่ยนความเข้าใจของเราเรื่องราชอาณาจักรของพระองค์ด้วย ตัวอย่างเช่น พระองค์ช่วยให้เราเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าจะมีการแยกแกะออกจากแพะเมื่อไร ซึ่งนั่นหมายถึงการแยกคนที่ยอมอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้า ออกจากคนที่ปฏิเสธการปกครองของพระองค์ นอกจากนี้ พระยะโฮวาสอนด้วยว่าจะมีการเลือกชน 144,000 คนให้ครบจำนวนเมื่อไร ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องราชอาณาจักรที่พระเยซูพูดถึงนั้นหมายความว่าอะไร และผู้ถูกเจิมคนสุดท้ายจะขึ้นไปบนสวรรค์เมื่อไร d เมื่อพระยะโฮวาปรับเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ คุณตอบรับอย่างไร? ความเชื่อของคุณเข้มแข็งขึ้นไหม? คุณเห็นไหมว่าการปรับความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้พิสูจน์ว่าพระยะโฮวาสอนประชาชนที่ถ่อมใจของพระองค์เสมอ? เมื่ออ่านบทต่อ ๆ ไป คุณก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า พระยะโฮวากำลังเปิดเผยเป็นขั้น ๆ ให้คนที่เกรงกลัวพระองค์รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำ
a ชื่อของพระเจ้าเป็นคำกิริยาในภาษาฮีบรูที่หมายความว่า “จะเป็น” ชื่อพระยะโฮวาสื่อความหมายว่าพระองค์เป็นผู้ที่จะทำให้คำสัญญาต่าง ๆ ที่พระองค์พูดไว้เกิดขึ้นจริง ดูกรอบ “ชื่อพระเจ้าหมายความว่าอะไร?” ในบท 4
b แม้ว่าช่วงเวลานี้ดูเหมือนนานมากในสมัยปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เคยมีอายุยืนยาวกว่านี้มาก ตั้งแต่อาดามถึงอับราฮามมีแค่ 4 ชั่วอายุ ช่วงชีวิตของอาดามคาบเกี่ยวกับช่วงชีวิตของลาเมคซึ่งเป็นพ่อของโนอาห์ ช่วงชีวิตของลาเมคคาบเกี่ยวกับช่วงชีวิตของเชม ลูกชายของโนอาห์ และช่วงชีวิตของเชมก็คาบเกี่ยวกับช่วงชีวิตของอับราฮาม—เย. 5:5, 31; 9:29; 11:10, 11; 25:7
c คำว่า “ซาตาน” ที่ใช้เรียกบุคคลหนึ่ง มีอยู่ 18 ครั้งในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู แต่มีการกล่าวถึง “ซาตาน” มากกว่า 30 ครั้งในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูไม่ค่อยพูดถึงซาตาน แต่เน้นเรื่องการระบุตัวมาซีฮา เมื่อมาซีฮามาแล้ว ท่านก็เปิดโปงซาตาน และนี่เป็นข้อเท็จจริงที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก
d สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนความเข้าใจ โปรดดูหอสังเกตการณ์ 15 ตุลาคม 1995 หน้า 23-28; 15 มกราคม 2008 หน้า 20-24; 15 กรกฎาคม 2008 หน้า 17-21; 15 กรกฎาคม 2013 หน้า 9-14